วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา
ปี C
ปชญ 18:6-9
ฮบ 11:1-2, 8-12
ลก 12:35-40

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า ผีร้ายสามตนกำลังเตรียมออกปฏิบัติงานในโลก ได้มารายงานถึงแผนการที่จะทำกับหัวหน้าใหญ่ ผีตนแรกรายงานว่า “ข้าจะบอกมนุษย์ว่าไม่มีพระเจ้า” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “ไม่ได้ผลหรอก เพราะส่วนลึกแห่งใจมนุษย์รู้ว่ามีพระเจ้า” อีกตนหนึ่งบอกว่า “ข้าจะบอกว่าไม่มีนรก” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “นั่นยิ่งร้ายใหญ่ เพราะในความเป็นจริง ชีวิตมนุษย์ในโลกเป็นนรกอยู่แล้ว” ตนสุดท้ายเสนอว่า “ข้าจะบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน ยังมีเวลาอีกเยอะ” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “ดีมาก รีบไปดำเนินการตามแผนของเจ้าเลย”

มีสามสิ่งในชีวิตเราที่ไม่สามารถเรียกให้หวนกลับคืนมาได้ นั่นคือ เวลา คำพูด และโอกาส ดังสุภาษิตที่ว่า “เวลาและวารีไม่คอยใคร” (Time and tide wait for no man), “คำพูดมีปีกบิน และไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ (Words have wings, and cannot be recalled) หรือ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” คำพูดที่อันตรายที่สุดคือ “ยังมีเวลาอีกเยอะ” หรือ “รอไว้พรุ่งนี้” ในความเป็นจริง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้หรือไม่

เวลาในชีวิตมนุษย์นั้นสั้นและผ่านไปเร็วมาก ความตายอาจมาเยือนวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่มีใครรู้ บางคนจึงบอกว่า “ชีวิตมนุษย์สั้นเกินกว่าที่จะเห็นแก่ตัว” แต่คนส่วนใหญ่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับหลายสิ่งจนไม่มีเวลาสำหรับพระเจ้า โดยบอกกับตนเองว่า “รอไว้ก่อน ยังมีเวลา ไว้อายุมากค่อยเข้าวัด” หรือ “ให้รวยก่อนค่อยมาหาพระเจ้า” เราไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปในสภาพที่ยังอยู่ในบาป ห่างไกลจากพระเจ้า หัวเรื่องของพระวรสารวันนี้คือ ความเชื่อวางใจในพระสัญญาของพระเจ้าและการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

1.     จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” (ลก 12:40) ตามความเห็นของปิตาจารย์พระศาสนจักรพระดำรัสนี้มีสองความหมาย: 1) ความหมายแบบเจาะจง หมายถึง การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า หรือที่เรียกว่า “วันสิ้นพิภพ” และ 2) ความหมายกว้าง หมายถึง วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเราเมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราไปพบพระองค์ เพื่อทูลรายงานบัญชีชีวิตของเราบนโลกนี้

บางครั้งเราคิดว่า การตื่นเฝ้าและรอคอยเป็นเรื่องไร้สาระ ความเชื่อเป็นเหมือนฝันกลางวัน ทำให้เราเพิกเฉยที่จะเตรียมตัวไปพบพระเจ้า แต่พระวรสารวันนี้ได้ให้กำลังใจและบอกเราว่า พระเจ้าทรงประสงค์จะประทานพระอาณาจักรให้แก่เรา พระองค์ทรงสัญญาและจะประทานให้แก่เราอย่างแน่นอนในวาระสุดท้าย  แต่เราจะต้องจุดตะเกียงของเราและตื่นเฝ้าอยู่เสมอ เหมือนดังคนใช้ที่ซื่อสัตย์ที่คอยนายกลับจากงานมงคลสมรส

ชีวิตคริสตชนถูกเรียกให้กลับใจและเปิดตัวเองต่อพระเจ้าและผู้อื่นอยู่เสมอ นั่นคือ การพบพระเจ้าในเหตุการณ์และบุคคลต่างๆ ในแต่ละวัน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) เราจึงต้องตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมที่จะพบพระเจ้าในทุกเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้แหละคือ วิธีการที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวเพื่อพบกับพระเจ้าอีกครั้ง เมื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเรามาถึง

2.     บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาในวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอเพื่อจะพบองค์พระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางการภาวนา ในแต่ละวันเราต้องหาเวลาที่เงียบสงบเพื่อฟังเสียงของพระเจ้าที่ตรัสกับเรา นอกนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราในแต่ละวันให้ดีที่สุด เป็นต้น หน้าที่แห่งความรักต่อเพื่อนพี่น้อง อาทิ สมาชิกในครอบครัว หมู่คณะ เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือซึ่งอยู่ต่อหน้าเรา

ประการที่สอง เราต้องรอคอยการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า ด้วยการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า ในการรับใช้กันและกันด้วยความสุภาพ ขจัดความเกลียดชังและความแตกแยกรุนแรงให้หมดสิ้นไป สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม หมู่คณะและประเทศชาติ บนพื้นฐานแห่งความเคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และความเห็นที่แตกต่าง  เราต้องรอคอยพระคริสตเจ้าในชีวิตประจำวัน ด้วยการมองเห็นการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา เป็นต้น ในเพื่อนพี่น้องที่เราพบเห็น

ประการที่สาม เราต้องเชื่อและวางใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เหมือนอับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อ ที่เชื่อและไว้ใจพระเจ้าโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ และทำตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไร้ข้อสงสัย ความเชื่อในพระเจ้าโดยปราศจากการมองหาเครื่องหมายหรือหลักประกันความปลอดภัย เช่นนี้แหละคือ ความเชื่อที่แท้จริง

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าในอาทิตย์นี้ เป็นกำลังใจสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความไว้ใจในพระเยซูเจ้า นายชุมพาที่แท้จริงของเรา โดยการติดตามและฟังเสียงเรียกของพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงกระตุ้นเตือนเราให้เตรียมพร้อมและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด นั่นคือ ตื่นเฝ้าและเตรียมตัวให้พร้อมเหมือนคนใช้ที่ซื่อสัตย์ที่คอยนายกลับมา

ประการสำคัญ ความเชื่อคริสตชนบอกเราว่า พระเยซูเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ทรงทำงานในตัวเรา ทรงนำทางและจัดการทุกอย่างเพื่อเรา พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์และตรัสกับเราแต่ละคนให้รื้อฟื้นความเชื่อนี้ ด้วยการจุดตะเกียงและเติมน้ำมันแห่งความรักต่อเพื่อนพี่น้อง เพื่อให้ตะเกียงแห่งความเชื่อนี้ลุกโชนอยู่เสมอ จนถึงวันที่เราจะได้พบและอยู่กับพระองค์ตลอดไป

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
สิงหาคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น