วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรุป สมณลิขิต "ประตูแห่งความเชื่อ"


สรุป สมณลิขิต ประตูแห่งความเชื่อ” (Porta Fidei)
ของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่  16
                                                                               โดยคุณพ่อวีระเดช ใจเสรี

-    ปีแห่งความเชื่อเริ่ม  11  ตุลาคม  2012  อันเป็นวันครบ  50  ปีของการเปิดประชุมสังคายนาวาติกันที่  2  และจะสิ้นสุดลงในวันที่  24  พฤศจิกายน  2013  นอกนั้นเป็นโอกาสครบรอบ  20  ปีของการพิมพ์หนังสือคำสอนของพระศาสนจักร

-    ประตูแห่งความเชื่อ   ( กจ 14, 27 )    เปิดอยู่เสมอสำหรับเรา   พร้อมที่จะนำเราไปสู่ชีวิตแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าและเปิดทางให้เราเข้าไปอยู่ในพระศาสนจักร

-    ความเชื่อเริ่มแล้วในศีลล้างบาป

-    เราเชื่อในพระตรีเอกภาพ  พระบิดา พระบุตรและพระจิต  คือการเชื่อในพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงเป็นองค์แห่งความรัก  ( เทียบ  ยน. 4,8 )

-    หน้าที่ของพระศาสนจักรคือ  นำทุกคนมามีส่วนสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า

-    เราคริสตชนสัมผัสพระเยซูเจ้าในพระวาจาและศีลมหาสนิท

-    ปีแห่งความเชื่อคือ  เชื่อในพระเยซูเจ้า

-    เราคริสตชนมีความเชื่ออันเดียวกัน  และบทสวดบรรจุความเชื่อ  ( บทข้าพเจ้าเชื่อฯ )  เราต้องยืนยัน



-    พระสันตะปาปาให้ศึกษาเอกสารสังคายนาวาติกันที่  2  และนำเอามาใช้เพื่อฟื้นฟูพระศาสนจักร

-    การฟื้นฟูพระศาสนจักรจะสำเร็จต้องอาศัยการเป็นประจักษ์พยาน

-    ปีแห่งความเชื่อเรียกร้องให้มีการกลับใจและมีการรื้อฟื้นความเชื่อให้ร้อนรนต่อหน้าพระคริสตเจ้า

-    เพราะพระคริสตเจ้ารักเราและเพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรต้องประกาศพระวรสารใช้ วิธีการใหม่ 

-    ความเชื่อจะเจริญเติบโตเมื่อมีการเจริญชีวิต  ( ประสบการณ์แห่งความเชื่อ )

-    ความต้องการของพระสันตะปาปา เราปรารถนาที่จะให้ทำการเฉลิมฉลองปีนี้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์  สูงสุด

-    ทุกคนต้องแสดงความเชื่อออกมา  เริ่มตั้งแต่ในครอบครัว  ฉะนั้น   เราต้องปลูกจิตสำนึกนี้ขึ้นมา

-    ปีแห่งความเชื่อยังเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการเฉลิมฉลองความเชื่อด้วยพิธีกรรม  โดยเฉพาะพิธีบูชาขอบพระคุณ  ( มิสซา )

-   ตัวอย่างท่าทีของความเชื่อ    ดังเช่นนางลิเดีย    เมื่อได้ฟังข่าวจากนักบุญเปาโลแล้ว    ในพระคัมภีร์บอกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำของเปาโล  ( กจ 16, 14 )

-    การเป็นประจักษ์พยานหรือการแสดงออกของความเชื่อ เราสามารถทำได้ทั้งด้วยส่วนตัวและกับส่วนรวม



-    หนังสือคำสอนพระศาสนจักร   เราต้องเข้าใจข้อความเชื่อที่มีในบทข้าพเจ้าเชื่อ  พระสันตะปาปาเสนอให้ศึกษาคำสอนพระศาสนจักร

-    ความเชื่อต้องเกี่ยวพันกับการดำเนินชีวิตแห่งศีลศักดิ์สิทธิ์   กล่าวคือ  ศีลศักดิ์สิทธิ์ช่วยนำพระหรรษทานมาให้เพื่อเราจะได้เป็นพยานความเชื่อ

-    เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของปีแห่งความเชื่อ  พระสันตะปาปาได้ขอให้มีการร่างแนวทางปฏิบัติ สำหรับพระศาสนจักรและคริสตชนทุกคน

-    ในเอกสารนี้  ได้พูดถึงประวัติศาสตร์การเจริญชีวิตแห่งความเชื่อของคริสตชน  เริ่มตั้งแต่แม่พระน้อมรับคำพูดขอเทวดากาเบรียล  ได้ซื่อสัตย์ต่อความเชื่อในพระเจ้าจนถึงเนินเขากลโกธา  จากนั้นบรรดาอัครสาวกซึ่งได้เชื่อในองค์พระคริสตเจ้าก็ได้ออกไปเทศน์สอนทั่วโลกตามพระบัญชา  เพื่อนำข่าวดีไปสู่มนุษย์ทุกคน    อาศัยความเชื่อมรณสักขีได้ยอมพลีชีวิตของตนเพื่อเป็นประจักษ์พยานความจริงแห่งพระวรสาร  อาศัยความเชื่อหญิง-ชายหลายคนได้มอบชีวิตของตนเพื่อเจริญชีวิตเป็นนักบวช   อาศัยความเชื่อ  ตลอดหลายศตวรรษซึ่งบรรดานักบุญทั้งหลายได้เจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานในทุกที่ตามสถานภาพของเขา



-    ความเชื่อและความรักต้องควบคู่กันไปและแสดงออกมา ความเชื่อที่ปราศจากความรักไม่เกิดผลขณะที่ความรักที่ปราศจากความเชื่อก็คงเป็นได้แค่ความรูสึกที่สร้างความสงสัยให้เสมอ

-    เราต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า

-    คำที่ให้ความมั่นใจแก่เราเพื่อจะได้ซื่อสัตย์ต่อความเชื่อคือความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้แต่ก็ยังถูกทดลองด้วยไฟ ท่านมีความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้าทั้ง ๆ ที่ยังมิได้เห็นพระองค์ แม้ว่าขณะนี้ท่านยังไม่ได้เห็นพระองค์     ท่านก็ยังเชื่อ     ท่านจงชื่นชมยินดีสุดที่จะพรรณนา      เพราะท่านกำลังจะได้รับจุดมุ่งหมายของความเชื่อ คือความรอดพ้นของวิญญาณอยู่แล้ว” (1 ปต 1, 6-9)

-    พระสันตะปาปาได้มอบปีแห่งความเชื่อนี้ไว้แด่แม่พระที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญเพราะว่าพระนางทรงเชื่อ” (ลก1,45 )



เอกสารประกอบการอบรมครูคำสอนเขตตะวันตก ที่วัดนาบัว 14 สิงหาคม 2012
*********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น