วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

บัญญัติแห่งความรัก

วันศุกร์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต
ฮซย 14:2-10
มก 12:28-34

 บัญญัติแห่งความรัก

มีเรื่องเล่าว่า ในบั้นปลายชีวิตของนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร ด้วยความที่ชราภาพมากทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง เวลามีการประชุมกลุ่มคริสตชนต้องมีผู้หามท่านไปยังที่ประชุม เนื่องจากสังขารที่อ่อนแรงทำให้ท่านไม่สามารถเทศน์สอนเป็นเวลานานได้ ท่านมักจะพูดซ้ำด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า “ลูกรัก จงรักกันและกัน” พวกศิษย์รู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมานี้ และถามท่านว่าทำไมไม่พูดอย่างอื่นบ้าง ท่านได้ตอบพวกเขาว่า “จงรักกันและกัน แค่นี้เพียงพอแล้ว”

บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีได้ออกกฎเกณฑ์มากมายเพื่อขยายความบทบัญญัติ ในสมัยพระเยซูเจ้ามีธรรมบัญญัติมากถึง 613 ข้อ ในหมู่ชาวยิวจึงมีการถกเถียงกันมาช้านานว่าธรรมบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด สำนักของอาจารย์ฮิลเลล (Hillel) พูดอย่างหนึ่งขณะที่สำนักของอาจารย์กามาลิเอล (Gamaliel) พูดอีกอย่าง ด้วยบรรยากาศเช่นนี้จึงคาดหวังกันว่าจะมีใครซักคนถามความเห็นของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพระวรสารวันนี้ธรรมาจารย์คนหนึ่งได้ถามคำถามนี้ คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ทุกคนตาสว่างและเข้าใจถึงแก่นแท้ของบทบัญญัติ

นี่คือบทสรุปของพระวรสารหรือหลักคำสอนที่สำคัญของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเริ่มด้วย “อิสราแอลเอ๋ย จงฟังเถิด” ซึ่งเป็นรูปแบบคำขึ้นต้นของบรรดาประกาศกก่อนจะถึงการประกาศข้อความสำคัญ และแก่นแท้ของบทบัญญัติที่ประองค์ประกาศคือ รักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญา และสุดกำลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง (มก 12:30-31) พระองค์ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ และทรงยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองข้อนี้

พระเยซูเจ้าทรงวางบทบัญญัติทั้งสองประการเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ในความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยทรงขยายความหมายของคำว่า “เพื่อนมนุษย์” ให้กว้างออกไปสู่มนุษย์ทุกคน (เพราะทุกคนคือลูกของพระเจ้าที่ทรงรักโดยไม่แบ่งแยก) “ทุกสิ่งที่ท่านทำกับพี่น้องที่ต่ำต้อยที่สุด ท่านได้ทำต่อเราเอง” ชีวิตมนุษย์ในโลกจึงเป็นของประทานจากพระเจ้า เพื่อให้เราสามารถเติบโตในความรักของพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของบทบัญญัติและต้องไปด้วยกันเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน

นักบุญยอห์นอัครสาวกเป็นผู้ที่เข้าใจและอธิบายความสัมพันธ์ของบทบัญญัติทั้งสองประการได้ดีที่สุด ท่านได้ยืนยันกับศิษย์ของท่านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตว่า “จงรักกันและกัน” เพราะการรักเพื่อนมนุษย์คือหนทางที่นำไปสู่ความรักต่อพระเจ้า “หากผู้ใดกล่าวว่า ข้าพเจ้ารักพระเจ้า แต่จงเกลียดจงชังพี่น้องของตน ผู้นั้นเป็นคนโกหก เพราะผู้ที่ไม่รักพี่น้องผู้ที่เขามองเห็นได้ก็จะไม่สามารถรักพระเจ้าผู้ที่เขามองไม่เห็น” (1 ยน 4:20)

พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความหมายของความรักนี้ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยแบบอย่างแห่งความรักของพระองค์บนไม้กางเขน “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันและกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12) เราถูกเรียกร้องให้รักตามมาตรฐานของพระเยซูเจ้า เพื่อเราจะได้ใกล้ชิดและเข้าอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ ดังนั้น เทศกาลมหาพรตนี้ขอให้เราได้เดินในหนทางแห่งความรักของพระเจ้า ด้วยการมองเห็นพระเจ้าในผู้อื่นและปฏิบัติกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
12 มีนาคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น