วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ความเชื่อของชายตาบอด

 


ความเชื่อของชายตาบอด

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

ปี B

ยรม 31:7-9

ฮบ 5:1-6

มก 10:46-52

บทนำ

 นิโคลัส ปูส์แซง (Nicholas Poussin: 15953-1667) จิตกรเอกชาวฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 17 ได้รังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมทรงคุณค่ามากมาย ภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของเขาคือภาพพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัส วันหนึ่งขณะที่นักประพันธ์และศิลปินกำลังชมภาพวาดดังกล่าว ศิลปินได้ถามนักประพันธ์ว่า “ท่านสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในรูปนี้ไหม”

นักประพันธ์พูดว่า “เห็นพระพักตร์พระเยซูเจ้าและภาพใบหน้าของแต่ละคน สะท้อนตัวตนของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม” ศิลปินได้ชี้ให้ดูบันใดบ้านตรงมุมของผืนผ้าและถามว่า “เห็นไม้เท้าที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นไหม” นักประพันธ์ตอบว่า “เห็น แต่ไม่ทราบความหมาย” ศิลปินได้อธิบายว่า “บันไดคือจุดที่ชายตาบอดนั่งขอทานเมื่อเขาได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าเรียก เขาได้ทิ้งไม้เท้าไว้และวิ่งไปหาพระองค์ ความเชื่อแรงกล้าของเขาทำให้เขาได้รับการรักษา”

พระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางทางการค้า ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ พระองค์ได้รักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัส ผู้น่าสงสารทั้งตาบอดและยากจน ต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาจากพระเยซูเจ้า นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายตามบันทึกของนักบุญมาระโก

1.        ความเชื่อของชายตาบอด

ความเชื่อทำให้บารทิเมอัสได้รับการรักษา เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นและไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่า พระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง

บารทิเมอัสต้องการพบพระเยซูเจ้าเพื่อได้รับการรักษา แต่พบอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากมองไม่เห็นและไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้ วันหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดเกี่ยวกับการเสด็จของพระองค์ และไม่ต้องการพลาดโอกาสนี้จึงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก 10:47) บางคนสั่งให้หยุดพูด แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา

บารทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่งกระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอการรักษา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” (มก 10:52) ทรงตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ได้เห็นผลงานน่าอัศจรรย์และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่เพื่อขอบคุณ สรรเสริญ และรับใช้พระองค์

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องมีความเชื่อเช่นเดียวกับบารทิเมอัส ที่วางใจในความดีและพระทัยเมตตาของพระเยซูเจ้า ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าในการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า “เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งกายและวิญญาณ

ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาความบอดมืดฝ่ายจิต เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตจากความโกรธ ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยา และนิสัยไม่ดีต่าง ๆ ที่ปิดบังตาเราไม่ให้มองเห็นความดีของเพื่อนมนุษย์และการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธการจ่ายหนี้หรือค่าจ้าง บอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่าง ๆ

ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อมองเห็นว่า มีแต่พระองค์เท่านั้นสามารถช่วยเราให้รอดได้ เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบารทิเมอัส: 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด, 2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์, 3) พร้อมตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงแสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดชื่อบารทิเมอัสที่เมืองเยริโค ทรงเอาพระทัยใส่บารทิเมอัส เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก บารทิเมอัสได้แสดงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อทำให้เขาได้รับการรักษาความบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ และกลายเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า

บ่อยครั้งเราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่ตาดี ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ เพื่อให้พระองค์รักษาความบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเรา ให้มองเห็นความดีของผู้อื่น ศิษย์พระคริสต์ต้องมีความเชื่อในพระเยซูเจ้า ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา มองเห็นการประทับอยู่ของพระเจ้าในเพื่อนมนุษย์ ตอบสนองการเรียกและกลายเป็นศิษย์ของพระองค์ ด้วยการปฏิบัติต่อกันด้วยความรักดุจพี่น้อง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

22 ตุลาคม 2021

ที่มาภาพ : https://www.birminghammuseums.org.uk/explore-art/items/1933P77/the-blind-men-of-jericho?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น