วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564

การถือบทบัญญัติของพระเจ้า

 

การถือบทบัญญัติของพระเจ้า

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

ปี B

ฉธบ 4:1-2,6-8

ยก 1:17-18,21-22,27

มก 7:1-8,14-15,21-23

บทนำ

 มุลลาห์ นัสรุดดิน พบแหวนเพชรน้ำงามวงหนึ่งตกอยู่บนถนน ตามบทบัญญัติของศาสนาบอกว่า ผู้พบเห็นสามารถเก็บไว้เป็นของตนเองได้ก็ต่อเมื่อ เขาได้ประกาศกลางตลาด 3 ครั้งในเวลาต่างกันว่าได้พบสิ่งนั้น และไม่มีใครแสดงตนเป็นเจ้าของแล้วเท่านั้น นัสรุดดินเป็นคนเคร่งศาสนา ไม่อยากได้ชื่อว่าละเมิดกฎเกณฑ์ของศาสนา แต่เขามีความละโมบเกินกว่าจะปล่อยให้แหวนเพชรล้ำค่านั้นหลุดมือไป

นัสรุดดินย่องไปที่ตลาดเวลากลางคืนไม่มีใครเห็นและประกาศเบา ๆ ว่า “ผมได้พบแหวนเพชรบนถนน ใครที่เป็นเจ้าของกรุณาติดต่อผมด่วน” ไม่มีใครได้ยินเสียงพึมพรำของเขา เว้นแต่ในคืนที่สามมีชายคนหนึ่งได้ยิน เขาไปหานัสรุดดินถามว่าพูดอะไรกลางตลาดยามค่ำคืน นัสรุดดินตอบว่า “ข้าไม่มีหน้าที่ต้องบอกแก สิ่งที่บอกได้คือข้าเป็นคนเคร่งศาสนา และมาที่นี่เพื่อทำตามบทบัญญัติ” จากนั้นเขาได้เอาแหวนเพชรวงนั้นใส่กระเป๋าและเดินจากไป

บทบัญญัติ ระเบียบ กฎเกณฑ์ และพิธีกรรมทางศาสนาเป็นสิ่งที่ดี แต่มิใช่สิ่งที่สมบูรณ์ครบครัน เป็นเพียงวิธีการนำไปสู่เป้าหมาย สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นอุปสรรคหากมิได้รับใช้เป้าหมายตามที่ได้วางไว้ บ่อยครั้งการถือตามตัวอักษรอย่างเคร่งครัดได้กลายเป็นความผิดหลง นอกจากไม่ช่วยให้พบพระเจ้าแล้ว ยังเป็นอุปสรรคขวางกั้นมิให้คนปฏิบัติได้พบพระเจ้าด้วย

1.        การถือบทบัญญัติของพระเจ้า

ในศาสนายิวมี “บทบัญญัติที่จารึกไว้” (Written Law) ได้แก่ หนังสือห้าเล่มแรก (Torah) ที่เรียกว่า “บทบัญญัติของโมเสส” กับ “บทบัญญัติที่เล่าสืบต่อกันมา” (Oral Law) ได้แก่ สิ่งที่บรรดาธรรมาจารย์เพิ่มเติมเข้ามารวมเป็น 613 ข้อ เพื่อขยายความบทบัญญัติของโมเสส โดยมีความมุ่งหมายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนายิวและบทบัญญัติของพระเจ้า ในสมัยของพระเยซูเจ้าบทบัญญัตินี้เป็นที่รับรู้และเรียกว่า “ธรรมเนียมของบรรพบุรุษ”

พระวรสารตอนแรกพระยซูเจ้าทรงประณามบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี เพราะธรรมเนียมเหล่านี้ (การล้างมือตามพิธีก่อนรับประทานอาหาร) ที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ถือตาม “ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือธรรมเนียมของมนุษย์” (มก 7:8) ตอนที่สองพระเยซูเจ้าทรงกล่าวถึงกฎเกี่ยวกับอาหารของศาสนายิว การรับประทานอาหารบางชนิด (เนื้อสุกร) ซึ่งทำให้มนุษย์เป็นมลทินและไม่สมควรเข้าร่วมพิธีกรรม

พระศาสนจักรยุคแรกมีต้นกำเนิดมาจากศาสนายิว และได้บังคับใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าวกับคริสตชนจากที่อื่น นักบุญมาระโกไม่เห็นด้วยและอ้างพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ว่า สิ่งที่ออกมาจากใจมนุษย์ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ทรงตำหนิบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี ด้วยการอ้างถ้อยคำของประกาศกอิสยาห์ “ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา” (มก 7:6) ทรงต้องการให้การกระทำของเราสอดคล้องกับคำพูด

พระเยซูเจ้าทรงสอนชาวยิวว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอก แต่เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจต่างหาก สิ่งต่าง ๆ ในตัวมันเองไม่เป็นมลทิน เพราะทุกอย่างที่พระเจ้าทรงสร้างล้วนดีทั้งนั้น แต่เป็นมนุษย์ที่ทำให้เป็นมลทิน การกระทำของแต่ละคนบ่งบอกเจตนาและความต้องการของเขา บทบัญญัติต่าง ๆ ต้องนำมนุษย์ไปหาพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ นี่คือแก่นแท้และหัวใจของบทบัญญัติ

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องถือบทบัญญัติของพระเจ้าที่จิตตารมย์ ไม่ปฏิบัติตามตัวอักษรเพื่อสนองความต้องการ หรือผลประโยชน์ของตน บทบัญญัติต้องช่วยเราให้รักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์มากขึ้น เช่น การมาวัดวันอาทิตย์เพื่อนมัสการพระเจ้าแบบหมู่คณะ มอบชีวิตและความต้องการของเราแด่พระองค์ ขอสมาโทษพระองค์สำหรับบาปที่ได้ทำ ขอบคุณพระองค์สำหรับพระพรต่าง ๆ และรับพระองค์ในศีลมหาสนิท เพื่อเป็นพลังในการรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

ประการที่สอง เราต้องแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า พระประสงค์ของพระเจ้าต้องสำคัญเป็นลำดับแรกในชีวิตของเรา และต้องแสดงออกในการกระทำ ด้วยการรักพระเจ้าในคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ชีวิตของเราต้องแสวงหาและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าทุกวัน

ประการที่สาม เราต้องกลับใจและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทินเกิดจากใจของมนุษย์ ใจของเราเป็นบ่อเกิดของความชั่วช้าและการกระทำผิด อาทิ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเกียจชัง เราต้องกลับใจและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ด้วยการคืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องทางศีลอภัยบาปทุกครั้งที่เราทำบาป

บทสรุป

พี่น้องที่รัก มิใช่การปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า ธรรมเนียมประเพณี หรือพิธีกรรมภายนอกที่สำคัญ แต่เป็นความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ต่างหากคือแก่นแท้ของทุกสิ่ง ช่วยให้การปฏิบัติศาสนาในชีวิตประจำวันมีคุณค่าและความหมาย ความรักในใจของเราต้องเป็นแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ เพราะ หากปราศจากความรัก ทุกสิ่งที่เราทำย่อมไร้ค่า (เทียบ 1 คร 13:2)

คริสตชนต้องไม่ถือบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อทำให้ตนเองดูดีในสายตาของคนอื่น บทบัญญัติต้องช่วยเพิ่มพูนความรักในใจเรา ทั้งต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ให้สูงขึ้น ศิษย์พระคริสต์ต้องถือบทบัญญัติที่จิตตารมย์ แสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า กลับใจและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่แสมอ เพื่อทำให้ความรักที่มีต่อพระเจ้าปรากฎเป็นจริงในการปฏิบัติติต่อเพื่อนพี่น้อง โดยเริ่มจากครอบครัว หมูคณะ และชุมชนวัดของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

danielkhuan@hotmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

27 สิงหาคม 2021

ภาพ : การฉลองนักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส, อารามกลาริส กาปูชิน ท่าแร่; 2021-08-25

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น