วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

การทดลองของพระเยซูเจ้า


การทดลองของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต
ปี A
ปฐก 2:1-9
รม 5:12-19
มธ 7:21-27
บทนำ
มหาตะมะ คานธี ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาของชาวอินเดียและมหาบุรุษของโลก ได้เขียนเอาไว้ในอัตชีวประวัติของท่านว่า เมื่ออายุ 15 ปี ท่านได้ขโมยกำไรทองของบิดา และมโนธรรมได้ติเตียนท่านตลอดเวลา แม้เวลาผ่านไปนานท่านรู้สึกละอายจนไม่สามารถพูดออกมาได้ ท่านได้เขียนสารภาพบนแผ่นกระดาษแล้วยื่นให้บิดาอ่าน บิดารับมาอ่าน เมื่ออ่านจบได้ฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง แล้วพูดกับท่านว่า “ไม่มีอะไรแล้ว” พร้อมกับดึงตัวท่านเข้ามากอด ทำให้คานธีสัมผัสได้ถึงความรักยิ่งใหญ่ของบิดา
เทศกาลมหาพรต พระศาสนจักรเชิญชวนให้ตรวจสอบชีวิตของเรา กลับใจใช้โทษบาปหันมาหาพระเจ้า ด้วยการจำศีลอดอาหาร อธิษฐานภาวนา และให้ทาน จำเป็นที่คริสตชนแต่ละคนต้องเอาชนะความโน้มเอียงในทางบาปที่มีอยู่ในตัวเราแต่ละคน เพื่อสัมผัสได้ถึงความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อเรา เราต้องหันมาหาพระเจ้าและเชื่อข่าวดี พระเยซูเจ้าทรงเป็นตัวอย่างสำหรับเรามนุษย์ ที่ไม่ต้องการเป็นทาสของสิ่งของใด ๆ
บทอ่านแรกวันนี้ หนังสือปฐมกาลทำให้เราทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างมนุษย์คู่แรก ความไม่เชื่อฟังของพวกเขาได้นำบาปเข้ามาในโลก ความไม่เชื่อฟังทำให้อาดัมและเอวาถอยห่างและสูญเสียสัมพันธภาพกับพระเจ้า บทอ่านที่สอง เปาโลได้แสดงให้เห็นลักษณะตรงข้ามกันระหว่างอาดัมกับพระเยซูเจ้าผู้เป็นอาดัมใหม่ เปาโลได้บอกชาวโรมันว่า บาปได้เข้ามาในโลกผ่านทางความไม่เชื่อฟังของอาดัม และได้นำความตายและการพิพากษามาสู่มนุษยชาติ แต่ความตายและความนอบน้อมเชื่อฟังของพระเยซูเจ้า นำความชอบธรรมและชีวิตใหม่มาสู่มนุษย์
1.         การทดลองของพระเยซูเจ้า
พระวรสารวันนี้ มัทธิวได้นำเสนอชัยชนะของพระเยซูเจ้าเหนือปิศาจในถิ่นทุรกันดาร พระจิตของพระเจ้าได้นำพระองค์ไปที่เปลี่ยว เพื่ออธิษฐานภาวนาและจำศีลอดอาหารเป็นเวลา 40 วัน ถูกทดลองสามครั้งและทรงปฏิเสธการทดลองทุกครั้ง ในอดีตประชากรอิสราเอลได้ถูกทดลองในถิ่นทุรกันดารและพ่ายแพ้ แต่พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นรูปหมายของอิสราเอลใหม่ได้รับชัยชนะ มนุษย์จะสามารถเอาชนะความชั่วได้อาศัยพระหรรษทานและความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ที่เปลี่ยว หรือถิ่นทุรกันดารเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ โดดเดี่ยว น่ากลัว และว่างเปล่า พระเยซูเจ้าได้ใช้เวลาในการอธิษฐานภาวนาเพื่อเตรียมพันธกิจของพระองค์ เวลา “สี่สิบวันสี่สิบคืน” เป็นสัญลักษณ์หมายถึง 40 ปีในถิ่นทุรกันดารที่ประชากรอิสราเอลเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากแห่งการทดลองและพ่ายแพ้ แต่วันนี้ พระเยซูเจ้าในฐานะอิสราเอลใหม่ได้รับการทดลองจากปิศาจและพระองค์ทรงชนะ ปิศาจได้ใช้อำนาจทุกอย่างที่มีในการทดลองพระองค์แต่ไม่สัมฤทธิ์ผล
การทดลองเป็นวิธีทางของพระเจ้าที่แสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นมนุษย์ แต่พระองค์ไม่ทรงยอมแพ้ต่อบาปและทรงกำราบปิศาจให้ยอมจำนน พระวรสารบอกเราว่า พระเยซูเจ้าทรงถูกทดลองสามอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์แห่งการเป็นบุตรมนุษย์ (The Son of  Man) ของพระองค์
การทดลองแรก การเปลี่ยนก้อนหินให้เป็นขนมปัง เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่อาหาร แต่เป็นพระวาจาและการแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า
การทดลองที่สอง การกระโดดจากยอดพระวิหาร เป็นการทดลองเกี่ยวกับความไว้ใจ พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า พระองค์ไม่กระทำสิ่งโง่เขลา แต่ทรงวางใจพระบิดาเจ้าในพันธกิจที่ทรงมอบหมาย
การทดลองที่สาม การยอมก้มหัวให้ปิศาจหากต้องการอำนาจฝ่ายโลก เป็นการทดลองเกี่ยวกับอำนาจ เกียรติยศ และความร่ำรวยที่มนุษย์แสวงหา แต่ตรงข้ามกับวิถีทางของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ปิศาจเห็นว่า พันธกิจของพระองค์คือ การทำให้อาณาจักรของพระเจ้าสมบูรณ์บนหนทางแห่งไม้กางเขน ซึ่งเป็นหนทางแห่งความยากลำบาก
การทดลองทั้งสาม เป็นสัญลักษณ์ของการทดลองที่เราพบในชีวิตของพระเยซูเจ้าและชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน ทุกวันนี้ ปิศาจได้ทดลองเราให้แสวงหาความพึงพอใจ อำนาจ และเงินตรา จนบางครั้งกลายเป็นเหมือนยาเสพติดที่เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ตนเองพึงพอใจ มีอำนาจเพิ่มขึ้น หรือมีเงินมากขึ้น โดยไม่คำนึงว่าเป็นสิ่งถูกต้องและชอบธรรมหรือไม่
2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องต่อสู้และเอาชนะการทดลองเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า เราทุกคนถูกทดลองในหลายรูปแบบ อาทิ ความพึงพอใจฝ่ายเนื้อหนัง ความสะดวกสบาย ตำแหน่งหน้าที่ เกียรติ และอำนาจ ซึ่งบ่อยครั้งเรายอมทำบาปเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้  พระเยซูเจ้าทรงเป็นต้นแบบของเราในการเอาชนะการทดลอง ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การอดอาหาร และการดำเนินชีวิตตามพระวาจา พระเจ้าประทานการทดลองแก่มนุษย์ทุกคน เพื่อทำให้เราเข้มแข็งและพิสูจน์ว่า คู่ควรกับการเป็นฉายาของพระเจ้าหรือไม่
ประการที่สอง เราต้องก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์ตลอดเทศกาลมหาพร ด้วยการหาเวลาสนทนากับพระเจ้าทุกวันในการอธิษฐานภาวนา และฟังเสียงของพระองค์ผ่านทางการอ่านพระคัมภีร์ เป็นทุกข์ถึงบาปที่เรากระทำทุกวันก่อนนอน คืนดีกับพระเจ้าและผู้อื่นผ่านทางศีลอภัยบาป และเจริญชีวิตตามพระวรสาร ในการเป็นพยานถึงความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน
ประการที่สาม เราต้องแสวงหาและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้คำนึงถึงพระเจ้าเป็นลำดับแรก ในการแสวงหาและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้านั้น ให้เราได้เดินตามแนวทางของพระเยซูเจ้า ในความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระบิดาเจ้าจนถึงที่สุดคือการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เราสามารถเอาชนะการทดลองทุกอย่างได้อาศัยพระหรรษทานและการนำทางของพระจิตเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาของการกลับใจมาหาพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงย้ำเตือนและเป็นความหวังแก่เราในการหลีกหนีบาปและเอาชนะการทดลอง พระองค์สามารถช่วยเราให้ออกจากที่เปลี่ยวแห่งการทดลองที่เรากำลังเผชิญอยู่ โดยอาศัยการอธิษฐานภาวนา การเป็นทุกข์กลับใจและตายต่อบาป ดังนั้น เมื่อเราตระหนักในบาปของตน เปลี่ยนแปลงจิตใจ แสวงหาพระอาณาจักรและพระยุติธรรมของพระเจ้า เราสามารถเอาชนะการทดลองทุกอย่าง
พระจิตเจ้าทรงนำทางพระเยซูเจ้าไปยังถิ่นทุรกันดารและเอาชนะการทดลองของปิศาจ พระจิตเจ้าองค์เดียวกันนี้ทรงสอนเราให้เข้าใจว่า อาหารของเราคือการปฏิบัติตามพระวาจาและพระประสงค์ของพระเจ้า เราต้องไม่ทดลองพระเจ้า แต่เชื่อวางใจและรักพระองค์ หากเราพยายามเอาชนะการทดลองและบาปตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ เราจะกลับคืนชีพมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระคริสตเจ้าเมื่อปัสกามาถึง
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต : 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 13-17.

ที่มาภาพ : https://www.lovinggrace.org/single-post/2016/11/11/You-Have-Become-God%E2%80%99s-Resting-Place

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น