ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แบบอย่างครอบครัวคริสตชน
อาทิตย์
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ปี A
|
บสร 3:3-7, 14-17ก
คส
3:12-21
มธ
2:13-15, 19-23
|
บทนำ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเล่าเรื่องครอบครัวหนึ่ง มีคุณปู่อาศัยอยู่ด้วย
เวลารับประทานอาหารชอบทำอาหารหล่นและเปรอะเปื้อน
บุตรชายกับบุตรสะใภ้รู้สึกรังเกียจและรำคาญ บุตรชายจัดโต๊ะให้พ่อได้กินคนเดียวเพื่อไม่รบกวนคนอื่น วันหนึ่งบุตรชายกลับบ้านพบลูกชาย
(หลานปู่) กำลังตอกไม้กระดาน จึงถามว่า “ลูกกำลังทำอะไร”
ลูกชายตอบว่า “ผมกำลังทำโต๊ะสำหรับพ่อนั่งกินอาหาร
เมื่อพ่ออายุมากเหมือนปู่”
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา บุตรชายได้จัดให้ปู่รับประทานอาหารร่วมโต๊ะและคอยช่วยเหลือเวลารับประทานอาหารอย่างมีความสุข
สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า
“ปู่ย่าตายายเป็นสมบัติอันล้ำค่า
แม้ว่าผู้อาวุโสเหล่านี้จะไม่หล่อไม่สวย มีแต่โรคภัยไข้เจ็บ
แต่ปรีชาญาณของปู่ย่าตายายเป็นมรดกที่เราต้องรักษาไว้ สังคมใดไม่เห็นคุณค่า
ไม่ให้ความเคารพ และไม่ดูแลเอาใจใส่ผู้อาวุโสเหล่านี้ เป็นสังคมไร้รากและไม่มีอนาคตเพราะขาดความทรงจำที่ดี” ครอบครัวเป็นหน่วยแรกและสำคัญที่สุด
เพราะเป็นการแผนการของพระเจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลก ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว
และทรงประทานพระบุตรให้เกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว
สัปดาห์สุดท้ายของปี พระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งประกอบด้วยพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์ และนักบุญยอแซฟ ให้เราได้มอบถวายครอบครัวของเราและสมาชิกทุกคนในครอบครัว
บนพระแท่นบูชาเพื่อขอพระพรจากครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
วันฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล
แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์
เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
1. ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แบบอย่างครอบครัวคริสตชน
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เป็นการระลึกถึงชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้าซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก
ความเห็นอกเห็นใจ และเคารพซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างในการแบ่งปันความยินดี
ความรับผิดชอบ และการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว และพระศาสนจักรยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
เป็นแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย นอกนั้น การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ยังเรียกเราให้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว
และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับครอบครัวของตน
พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากนัก
แต่เราเข้าใจว่า นักบุญยอแซฟเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข
เป็นบุคคลซึ่งมีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟัง และพร้อมเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง
เพื่อปกป้องพระกุมารและพระนางมารีย์ให้ได้รับความปลอดภัย ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม” มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่พระนางมารีย์รับผิดชอบดูแลครอบครัว
และมีส่วนในความยากลำบากต่าง ๆ ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบ ๆ
พระวรสารนักบุญมัทธิวได้แสดงภาพความเป็นหนึ่งเดียวของครอบครัวนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวลึกซึ้งของพระตรีเอกภาพ
อันเป็นความสัมพันธ์แห่งความรักสมบูรณ์ ซึ่งแสดงออกให้เห็นในชีวิตของพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์
และนักบุญยอแซฟ นั่นคือ พระเยซูเจ้า
องค์สันติราชาได้ทรงส่องสว่าง และทำให้ชีวิตของท่านทั้งสองมีชีวิตชีวา
เป็นครอบครัวที่มีสันติสุข ความกลมเกลียว และร่าเริงยินดี
2. บทเรียนสำหรับเรา
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้
ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเลียนแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการมองดูแบบอย่าง
การส่งเสริมและให้กำลังใจกันของครอบครัวนี้ ซึ่งพระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟต่างทำงานหนัก
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เข้าใจ และยอมรับซึ่งกันและกัน อีกทั้ง
ช่วยกันดูแลพระเยซูเจ้าให้เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์และการเป็นบุตรของพระเจ้า
บิดามารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนลูกให้รู้จักพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างดีแก่บุตรของตน
ประการที่สอง เราต้องทำให้ครอบครัวของเราศักดิ์สิทธิ์ ทุกครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์
พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลศีลสมรส
เพื่ออวยพรคู่บ่าวสาวและครอบครัวให้ศักดิ์สิทธิ์ สามีภรรยาบรรลุความศักดิ์สิทธิ์เมื่อต่างทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์
วางใจในพระเจ้า และทำให้พลังของพระจิตเจ้าปรากฏในชีวิต ผ่านทางการรำพึงภาวนา
การอ่านพระคัมภีร์ และการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ ครอบครัวจะศักดิ์สิทธิ์เมื่อมีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ท่ามกลาง
ประการที่สาม เราต้องเคารพเชื่อฟังและเลี้ยงดูบิดามารดา
พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปยังนาซาเร็ธพร้อมกับพระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ และเคารพเชื่อฟังท่านทั้งสอง
ทรงทำงานช่างไม้ สานต่อกิจการของนักบุญยอแซฟเพื่อเลี้ยงครอบครัว คนเป็นบุตรต้องเคารพเชื่อฟังและให้เกียรติบิดามารดา
หนังสือบุตรสิราบอกเราว่า “บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน...
บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” (บสร 3:6, 16) เรามีหน้าที่ต่อบิดามารดา
ดูแล และเลี้ยงดูท่านยามชรา มิใช่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังและตายอย่างโดดเดียว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
ควรเป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา การอยู่ร่วมกันระหว่างบิดา
มารดา บุตร เป็นไปตามรูปแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะคนที่เป็นสามีภรรยาต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันจนวันตาย
ตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้ในวันรับศีลสมรส
บิดามารดาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์เพื่อบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์
“ของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดที่บิดามารดาให้แก่บุตรได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน” (Anon) คนที่เป็นบุตรเช่นเดียวกัน
ต้องเคารพเชื่อฟังบิดามารดา ไม่ทำให้ท่านเสียใจ กตัญญู และดูแลท่านยามแก่เฒ่า
ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของสังคม ประเทศชาติ และพระศาสนจักร ดังคำกล่าวที่ว่า “ครอบครัวดี คนดี สังคมดี”
ขอพระเจ้าประทานพระพรอันอุดมแก่ทุกครอบครัวโอกาสปีใหม่นี้
และตลอดไป
ขวัญ ถิ่นวัลย์, ของขวัญสุดประเสริฐ ความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิด, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 107-108.
ภาพ : ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า, ถ้ำพระกุมารวัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร; 2019-12-28
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น