ให้พระเยซูเจ้าบังเกิดในใจเรา
วันที่ 24 ธันวาคม
สมโภชพระคริสตสมภพ
(มิสซากลางคืน)
|
อสย 9:2-7
ทต 2:11-14
ลก 2:1-14
|
บทนำ
การฉลองวันพระคริสตสมภพวันที่
25 ธันวาคม มีที่มาจากธรรมเนียมการฉลองสุริยเทพของชาวโรมัน
ในสมัยจักรพรรดิเอาเรลียน (Auralian) ที่กำหนดให้วันที่ 25
ธันวาคม เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง เนื่องจากเป็นวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลที่สุดจากเส้นศูนย์สูตรของโลกทำให้วันใหม่ยาวนานขึ้น
และถือเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปด้วย เพราะพระจักรพรรดิเปรียบดังดวงอาทิตย์ที่ให้ความสว่างแก่มนุษย์
ภายหลังที่ชาวโรมันกลับใจมาเป็นคริสตชน
และมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ค.ศ. 330 ได้หันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทนที่สุริยเทพ
ดังนั้น วันที่ 25 ธันวาคม ได้เริ่มมีการฉลองพระคริสตสมภพอย่างเป็นทางการและเปิดเผย
ต่อมา ค.ศ. 353 พระสันตะปาปาจูลิอุสได้กำหนดให้วันที่ 25
ธันวาคม เป็นวันฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าทั่วพระศาสนจักร
ส่วนการประดับตกแต่งไฟและต้นคริสต์มาส
เป็นการฉลองของคนต่างศาสนาที่เริ่มเข้ามาในพระศาสนจักรที่ละเล็กละน้อยในภายหลัง
และการทำถ้ำพระกุมารเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกโดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี ค.ศ. 1293 ที่ป่าเกร็จโชใกล้เมืองอัสซีซีในคืนวันคริสต์มาส
เพื่อจำลองถ้ำที่เบธเลเฮมได้นำวัวและลามาใช้จริง
โดยมีความมุ่งหมายเพื่อเล่าเรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าอย่างมีชีวิตชีวาสำหรับชาวบ้าน
1.
ให้พระเยซูเจ้าบังเกิดในใจเรา
เรื่องราวการประสูติของพระกุมารเยซูที่เราได้ยินในพระวรสารนักบุญลูกา
(ลก 2:1-14) เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกัสตัส ได้ออกกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วอาณาจักรโรมัน
ด้วยเหตุนี้ ยอแซฟซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิดต้องพาพระนางมารีย์ เดินทางจากนาซาเร็ธแค้วนกาลิลีไปยังเบธเลเฮมแคว้นยูเดียบ้านเกิดของกษัตริย์ดาวิด เป็นระยะทางประมาณ
130 กิโลเมตร ถือว่าไกลมากสำหรับหญิงมีครรภ์แก่
ยิ่งไปกว่านั้น เมืองเบธเลเฮมยังพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาลงทะเบียน
จนกระทั่งไม่มีห้องว่าง
ไปที่ไหนคำตอบที่ได้รับคือ
“ไม่มีห้องว่างสำหรับท่าน” ยอแซฟต้องพาพระนางมารีย์ไปที่ถ้ำเลี้ยงสัตว์ ลักษณะคล้ายเพิงเลี้ยงสัตว์ซึ่งผู้พักแรมต้องนำอาหารติดตัวมาเอง
เจ้าของจัดเตรียมเพียงฟางหรือหญ้าแห้งสำหรับสัตว์เลี้ยงและไฟสำหรับปรุงอาหารให้เท่านั้น
นี่คือสถานที่ซึ่งพระเยซูเจ้าบุตรพระเจ้าทรงประสูติ พระองค์เลือกบังเกิดบนรางหญ้าในสภาพที่ยากจนขัดสน
เพื่อสอนให้โลกรู้ว่าความยากจนขัดสนไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความรักของพระเจ้า
ตรงข้ามความยากจนขัดสนและใจสุภาพถ่อมตนต่างหากคือ
หนทางหรือโอกาสที่ทำให้เราได้พบกับพระกุมารเจ้า ผู้ร่ำรวยด้วยพระพรนานัปการ
อีกทั้ง บุคคลกลุ่มแรกที่พระเจ้าทรงเผยให้ทราบข่าวดีเรื่องการประสูติมาของพระผู้ไถ่
และได้พบพระกุมารคือบรรดาคนเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นผู้ที่ “ต่ำต้อยและถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม” จากสังคม แต่การเป็นคนยากจนและต่ำต้อยทำให้พวกเขาได้พบกับพระกุมารเจ้า
นี่คือความสุขและความยินดียิ่งใหญ่ในชีวิต
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การบังเกิดของพระเยซูเจ้า
เป็นเครื่องหมายแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าต่อเรามนุษย์ และได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องให้พระเยซูเจ้าบังเกิดในใจเรา เทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งพระพรที่ช่วยให้เราได้ตระหนักถึงความรักของพระเจ้า
ด้วยการเปิดดวงใจของเราและประดับตกแต่งถ้ำแห่งดวงใจนี้ ด้วยไฟแห่งความรักเพื่อให้องค์พระเจ้าได้บังเกิด
และเป็น “อิมมานูแอล” พระเจ้าอยู่กับเราทุกจังหวะชีวิต
ประการที่สอง เราต้องแสวงหาและเลียนแบบพระเยซูเจ้าในความยากจน เราพบพระเยซูเจ้าได้อย่างแท้จริงในความยากจน
ในบุคคลที่ถูกทอดทิ้งและต้องการความช่วยเหลือ ความยากจนขัดสนไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความรักของพระเจ้า
ตรงข้ามความยากจนขัดสนคือหนทางหรือโอกาสที่ทำให้เราได้พบกับพระกุมาร
ผู้เป็นเพื่อนกับคนยากจน ร่วมทุกข์ในความลำบากของพวกเขา และมอบชีวิตของพระองค์บนกางเขนเพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้น
ประการที่สาม
เราต้องเป็นพระคริสต์ผู้ให้ เทศกาลคริสต์มาส
เป็นช่วงเวลาของการเสียสละแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่ผู้อื่น นักบุญฟรังซิส อัสซีซี
กล่าวว่า “ถ้าในตู้เสื้อผ้าของท่าน มีเสื้อผ้าที่ท่านไม่ใช้แล้ว พึงรู้ไว้ด้วยว่านั่นเป็นของคนยากจนที่ไม่มีแม้เสื้อผ้าจะใส่ ถ้าในตู้กับข้าวของท่าน
มีกับข้าวที่ท่านไม่ทานแล้ว
พึงรู้ไว้ด้วยว่านั่นเป็นส่วนของคนที่กำลังอดอยาก” หากเราไม่มีของขวัญอะไรจะให้
จงให้ความรักออกไป เพราะ “ทุกครั้งที่เรารัก
ทุกครั้งที่เราให้นั่นคือคริสต์มาส” (เดล อีเวนส์ นักเขียน นักร้องและนักแสดง)
บทสรุป
พี่น้องที่รักโลกทุกวันนี้มีคนที่ขาดความรัก
อดอยาก และขาดแคลนมากมาย ที่รอคอยความรัก ของขวัญ และความช่วยเหลือจากเรา คริสต์มาสปีนี้อย่าลืมให้ความรักและแบ่งปันสิ่งที่เรามีมอบเป็นความสุขสำหรับผู้ยากไร้และด้อยโอกาสทั้งหลาย เพื่อว่าการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูจะเป็นความชื่นชมยินดีสำหรับครอบครัวของเรา
หมู่คณะและมนุษยชาติ
อย่าทำตัวเย็นชาเฉยเมยอย่างชาวเมืองเบธเลเฮมที่บอกยอแซฟว่า
“ไม่มีห้องว่างสำหรับท่าน” แต่เปิดดวงใจของเราให้พระองค์บังเกิด ด้วยความรักและการเสียสละแบ่งปัน
ทุกครั้งที่เรารักและรู้จักให้นั่นคือคริสต์มาส เช่นนี้เอง ความสุข ความชื่นชมยินดี
และสันติภาพจะเกิดขึ้นในโลก และการฉลองคริสต์มาสในปีนี้จะมีคุณค่าและความหมายมากกว่าปีที่ผ่านมา
“สุขสันต์วันคริสต์มาส”, Merry Christmas!, Buon
Natale!
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso
Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
24 ธันวาคม 2016 สมโภชพระคริสตสมภพ
ภาพ: ถ้ำพระกุมารวัดป่าพนาวัลย์, ท่าแร่ สกลนคร; 2016-12-23
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น