ครั้งหนึ่งที่บาหลี (2)
ความเชื่อศรัทธาในเทพเจ้า
เป็นรากเหง้าที่สำคัญที่ทำให้คนบาหลียังคงรักษาวัฒนธรรม
ประเพณีและธรรมชาติไว้ได้อย่างกลมกลืน
กลายเป็นความงดงามที่เรียบง่ายและไร้การปรุงแต่ง ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ไม่เว้นแม้แต่เครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวัน ล้วนได้รับการบูชาด้วยกระทงดอกไม้ (Canang Sari) วางอยู่ทั่วไปตามทางเดิน
บนแท่นบูชาในวัดของครอบครัว ชั้นวางของตามตามร้านค้าและสำนักงาน หรือแม้แต่ที่วางของหน้ารถยนต์
กระทงดอกไม้เหล่านี้ทำจากใบมะพร้าว
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร
ตัดและพับเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือวงกลม ใส่ปูน หมาก พลู ข้าวสุก ชิ้นอ้อย หรือกล้วยข้างใน
เพื่อเป็นการขอบคุณและสำนักในพระคุณ อีกทั้งเป็นการไหว้ภูตผีเพื่อให้พอใจ
ไม่โกรธเกรี้ยว ทำให้มีแต่ความสุข สงบในชีวิตอันแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และธรรมชาติ
คล้ายวิถีชีวิตแบบอีสานโบราณ
จุดชมวิวคินตามณี
(Kintamani)
ป่องภูเขาไฟกุนุงบาตูร์และลาวาสีดำที่เกิดจากการระเบิดครั้งล่าสุด ค.ศ. 2000
ทัศนียภาพทะเลสาบบาตูร์ที่อยู่ติดกัน
จุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาคินตามณีในเขตเบงลี
(Bengli) ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี
ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพความสวยงามของภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ (Gunung
Batur) ที่ยังคุกรุ่น มองเห็นลาวาสีดำเป็นบริเวณกว้าง
ได้รับการบอกเล่าว่าภูเขาไฟแห่งนี้เกิดระเบิดครั้งหลังสุดเมื่อ ค.ศ. 2000 แต่การระเบิดครั้งใหญ่สุดเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1926 ซึ่งได้ทำลายชีวิตและสร้างความเสียหายแก่หลายหมู่บ้าน
ติดกับภูเขาไฟบาตูร์คือทะเลสาบบาตูร์
ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดในบาหลี มีความยาว 7
กิโลเมตรและกว้าง 2.5 กิโลเมตร
ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการทำเกษตรกรรรมของชุมชนที่อยู่รายรอบ คณะของเราได้แวะรับประทานมื้อกลางวันแบบบุฟเฟต์ที่ร้านอาหาร
ณ จุดชมวิวแห่งนี้ ซึ่งสามารถมองเห็นป่องภูเขาไฟและทะเลสาบได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบจุดชมวิวมีที่พัก
โรงแรมและร้านอาหารเปิดบริการหลายแห่ง
วัดเตียร์ตาอัมปึล
(Pura Tirta Empul)
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อท่อมาจากน้ำผุศักดิ์สิทธิ์ให้นักท่องเที่ยวได้อาบ
วัดเตียร์ตาอัมปึล
หรือ วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นตั้งแต่ศรวรรษที่ 10 เป็นวัดที่มีน้ำพุใส สะอาดผุดขึ้นมาจากใต้ดินและต่อท่อไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้คนได้อาบได้สะดวก
ชาวบาหลีเชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้บันดาลให้เกิดน้ำพุ หากใครได้อาบน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเป็นสิริมงคลและขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากตัว
ทั้งยังสามารถรักษาโรคต่างๆ ให้หายได้
แต่ก่อนลงอาบน้ำต้องทำพิธีบูชาเทพเจ้าก่อนด้วยกระทงดอกไม้
นอกจากบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีบ้านพักรับรองของประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
สร้างสมัยประธานาธิบดีซูการ์โนซึ่งมีแม่เป็นชาวบาหลี แต่ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม
ดูเหมือนคนไทยจะมีความสุขที่ได้มาที่วัดแห่งนี้
เนื่องจากมีตลาดสินค้าราคาถูกที่เรียกว่า “ตลาดปราบเซียน”
ซึ่งสามารถต่อรองราคาได้จนเป็นที่พอใจ และมีสินค้าพื้นเมืองทุกชนิดของบาหลีที่สามารถซื้อหาเป็นของฝากได้
วัดกัวกาจาห์
(Pura Goa Gajah)
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และภาพจำลักรูปช้างหรือยักษ์ที่วัดถ้ำช้าง
วัดกัวกาจาห์หรือวัดถ้ำช้าง
เป็นโบราณสถานที่ยังคงร่องรอยทางพุทธศาสนาและฮินดู สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวฮอลแลนด์เมื่อ ค.ศ.
1923 ด้านหน้าเป็นลานจอดรถและร้านขายของที่ระลึกแต่ราคาแพงกว่าตลาดปราบเซียนมาก
จากนั้นต้องเดินลงทางลาดชันไปยังตัวถ้ำด้านล่าง ด้านหน้าถ้ำมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำไหลจากปากป่องแกะสลักเป็นรูปสตรี
6 นาง
ซึ่งชาวบาหลีเชื่อว่าใครอยากมีลูกต้องมาดื่มและอาบน้ำที่นี่
หน้าถ้ำเป็นรูปสลักขนาดใหญ่คล้ายช้าง
บ้างว่าเป็นหน้ายักษ์อาปากกว้าง ภายในถ้ำเป็นรูปตัวทีไม่ลึกนัก
มีรูปพระพิฆเนศซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งศิลปวิทยาการของฮินดู นอนนั้นยังมีรูปศิวลึงค์
3 แท่งแทนเทพเจ้า 3
องค์คือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม ตามความเชื่อของฮินดู
นอกนั้นยังมีรูปเคารพทางพุทธศาสนา สะท้อนให้เห็นว่าวัดแห่งนี้เป็นมรดกทางศาสนาที่ผสมผสานระหว่างพุทธและฮินดูเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
Don Daniele เรื่อง/ภาพ
khuanthinwan@gmail.com
Bali, Indonesia
July 27, 2016
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น