ศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสตเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
1 พกษ 19:16,
19-21
กท 5:1,
13-18
ลก 9:51-62
|
บทนำ
เรื่องราวชีวิตของอับราฮัม
ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา นอกจากเป็นผู้นำคนสำคัญของโลกที่ทุกคนรู้จักแล้ว ลินคอล์นยังเป็นผู้นำชีวิตฝ่ายจิตที่มีความศรัทธาลึกซึ้งมากกว่าประธานาธิบดีคนใด
มีเรื่องเล่าว่าช่วงสงครามกลางเมืองเหนือ-ใต้ ลินคอล์นถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่กระทำการรุนแรงต่อทหารฝ่ายใต้
หลังการต่อสู้สงบลงผู้บัญชาการทหารได้ถามลินคอล์นว่า “ทำไมท่านไม่ทำลายศัตรูเมื่อมีโอกาส”
ประธานาธิบดีลินคอล์นได้ตอบด้วยถ้อยคำที่นำมาจากพระวรสารวันนี้ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำลายศัตรูของข้าพเจ้าแล้ว
ด้วยการทำให้เขากลายเป็นเพื่อน” ซึ่งไม่เพียงกำจัดศัตรูให้หมดสิ้นไป
แต่ยังได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนเราในพระวรสารวันนี้ ความโกรธแค้นชิงชังในใจของเราหลายคนไม่ได้หมดไปด้วยการทำลายล้างศัตรูคู่อาฆาต
หรือเห็นคู่อริถูกลงโทษและได้รับความทุกข์ทรมาน แต่เราจะพบความสุขสงบในใจจากการให้อภัยและไม่จดจำความผิด
นี่คือเครื่องหมายของการเป็นศิษย์ที่แท้จริงของผู้ติดตามพระคริสตเจ้าทุกคน
1.
ศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสตเจ้า
ในตอนต้นของพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้ากำลังเดินทางจากแคว้นกาลิลีมุ่งหน้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านดินแดนของชาวสะมาเรีย
ชาวยิวกับชาวสะมาเรียเป็นศัตรูที่เกลียดชังกันทั้งที่เดิมเป็นชาติเดียว เนื่องจากชาวสะมาเรียได้แต่งงานกับคนต่างชาติและหันไปนับถือรูปเคารพในช่วงเวลาที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย
(722 ก่อน ค.ศ.) ชาวยิวทางใต้จึงถือว่าพวกนี้ไม่มีเลือดยิวบริสุทธิ์
ขณะที่พวกเขายังคงรักษาความเป็นชาติและศาสนาของตนอยู่
แม้จะประสบชะตากรรมเดียวกันถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน (587 ก่อน
ค.ศ.)
อคติและความเกลียดชังทำให้ชาวสะมาเรียไม่ต้อนรับพระเยซูเจ้าและศิษย์
ทำให้ยากอบและยอห์นโกรธและร้องขอไฟจากฟ้ามาเผาผลาญพวกเขา
เหมือนอลิยาห์ร้องขอไฟจากฟ้าในสมัยของท่าน (2 พกษ 1:9-12) พระเยซูเจ้าทรงห้ามปราม เพราะพระองค์มิใช่ผู้ทำลายล้างแต่เป็นผู้ช่วยให้รอด ที่สอนข่าวดีแห่งความรัก
ความเมตตากรุณา และการให้อภัย
ในตอนที่สอง พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ที่ต้องการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์จะต้องละทิ้งทุกสิ่ง
พระเยซูเจ้าและข่าวดีของพระองค์จะต้องสำคัญที่สุด และต้องเป็นอิสระจากสิ่งของหรือข้อผูกมัดใดๆในโลก
โดยมุ่งมั่น เพียรทน และอุทิศตนทั้งครบในการเลียนแบบอย่างพระคริสตเจ้า
พระองค์ทรงเรียกร้องการติดตามแบบไม่มีเงื่อนไข
ออกจากตัวเองเพื่อเป็นพยานถึงข่าวดีในโลก
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องอดทนด้วยความรัก
คนในสังคมปัจจุบันมีความอดทนต่ำ
มักใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหามากกว่าเหตุผล
เราต้องรักอย่างอดทนในการปฏิบัติต่อกัน เป็นต้นในครอบครัว สามี-ภรรยาต้องอดทนต่อความบกพร่องของกันและกัน
รวมถึงในที่ทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงาน และในหมู่คณะระหว่างเพื่อนบ้านและคนที่เราพบเห็น
ประการที่สอง เราต้องพร้อมที่จะให้อภัยและให้โอกาสคนที่ผิดพลาด
พระเยซูเจ้าทรงรัก ให้อภัยและให้โอกาสเราโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อเราผิดพลาดเราต้องการการให้อภัยและโอกาสเพื่อเริ่มต้นใหม่
เราจึงไม่ควรเหยียบย่ำซ้ำเติมใครเมื่อผิดพลาด แต่พร้อมจะให้อภัยและให้โอกาส
มีเพียงการให้อภัยเท่านั้นที่จะทำให้สันติสุขกลับคืนมา มิใช่การแก้แค้น
ประการสุดท้าย เราต้องละทิ้งทุกสิ่งและอุทิศตนทั้งครบ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนมาก
ที่ได้ยินข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงท้าทายแต่ทิ้งพระองค์ไป
และมีเป็นจำนวนมากที่ละทิ้งทุกสิ่งโดยปราศจากเงื่อนไขเพื่อเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
อย่างนักบุญฟรังซิส อัสซีซีที่ละทั้งความร่ำรวยและเกียรติยศชื่อเสียง เลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้าด้วยหัวใจทั้งครบ
เพื่อเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนให้มาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ เราถูกเรียกร้องให้อุทิศตนทั้งครบอย่างมีอิสรภาพในการตอบรับต่อพระเยซูเจ้า
เพื่อจะเป็นคริสตชนและเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์ ไม่ใช่เพียงในวัด แต่ที่บ้าน
ในที่ทำงาน และในความสัมพันธ์ทางสังคม
ที่เราจะต้องเป็นพยานถึงความเชื่อคริสตชนในทุกที่ที่เราอยู่
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราให้มาเป็นคริสตชน
“พระองค์ทรงเรียกเราให้มาตาย” นั่นคือตายต่อตนเอง
ต่อความเห็นแก่ตัว และต่อความชั่วร้ายทั้งสิ้น และกลับเป็นคนใหม่ในพระคริสตเจ้า
ไม่มีทางสายง่ายสำหรับการเป็นคริสตชน
การตายต่อตัวเองคือการออกจากตัวเองและเปิดไปสู่คนอื่นเสมอ ในความรัก การรับใช้
และการให้อภัยซึ่งกันและกันอย่างไม่มีเงื่อนไข
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
26 มิถุนายน 2016
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น