วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

60 ปี บ้านเณรฟาติมา (จบ)



2.13    คุณพ่อยอห์น สุรชาติ มุลสุทธิ: อธิการองค์ที่ 13  ค.ศ. 2008-2013
คุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิได้รับความไว้วางใจให้เป็นอธิการสืบต่อจากคุณพ่อวีระเดช ใจเสรี โดยมีผู้ร่วมงานคือ คุณพ่อชัยวิชิต บรรเทา ค.ศ. 2007-2009, คุณพ่อพงศ์ศิระ คำศรี ค.ศ. 20008-2010, คุณพ่อดนัย พิลาจันทร์ ค.ศ. 2009-2010, คุณพ่อญาณารณพ มหัตกุล ค.ศ. 2010-2012, และคุณพ่อวิโรจน์ โพธิ์สว่าง ค.ศ. 2011-ปัจจุบัน
ในห้วงเวลาที่คุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ เป็นอธิการถือเป็นช่วงเวลาที่สามเณราลัยมีความพร้อมในเกือบทุกด้าน (เพราะเพิ่งผ่านการฉลองครบรอบ 50 ปี) และโลกสมัยใหม่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก สิ่งสำคัญคือการเตรียมสามเณรให้พร้อมและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คุณพ่อได้จัดหาทุนซื้อคอมพิวเตอร์และจัดทำห้องสมุดใหม่ โดยการจัดการแสดงกายกรรมจากประเทศจีนเพื่อหาทุนดำเนินการจนสำเร็จ ถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้สามเณรรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรู้เท่าทัน
เหตุการณ์ที่สำคัญอีกอย่างในช่วงปลายสมัยของคุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิคือ การเป็นเจ้าภาพจัดงานบวชพระสงฆ์ 2 องค์ คือ คุณพ่อยอแซฟ เทพณรงค์ พุดษา และคุณพ่อยอแซฟ ทินกร เหลือหลาย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสามเณราลัยแห่งนี้ หลังจากที่เมื่อร่วม 20 ปีก่อนเคยมีพิธีบวชพระสงฆ์ครั้งแรกคือ คุณพ่อฟิลิป สุกิจ นารินรักษ์ (9 ตุลาคม 1993)
2.14    คุณพ่อเปโตร วิโรจน์ โพธิสว่าง อธิการองค์ที่ 14  ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน
คุณพ่อวิโรจน์ โพธิสว่าง เข้ามาเรียนรู้งานในฐานะผู้ให้การอบรมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 หลังสำเร็จการศึกษาจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการสืบต่อจากคุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ โดยมีผู้ร่วมงานคือ คุณพ่อยอห์นบัปติสต์ จีระศักดิ์ อุ่นหล้า ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน และคุณพ่อยอแซฟ ทินนกร เหลือหลาย ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน
งานที่คุณพ่อวิโรจน์ โพธิสว่างทำคือ การสานต่องานของคุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ และเตรียมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งการก่อตั้งสามเณราลัยในปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) คุณพ่อได้จัดประชุมเตรียมงานหลายครั้ง จนได้ข้อสรุปเรื่องรูปแบบและแผนงานฉลอง 60 ปี ด้วยการจัดทำทำเนียบศิษย์เก่า งานชุมนุมศิษย์เก่า งานบวชพระสงฆ์และเคารพศีลมหาสนิท
 งานฉลองครบรอบ 60 ปีจัดให้มีขึ้นในวันที่ 24-25 ตุลาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557)  เริ่มด้วยการชุมนุมศิษย์เก่าทุกรุ่นในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) เวลา 14.00 น. ก่อนจะมีพิธีแห่พระรูปแม่พระในตอนค่ำวันเดียวกัน วันรุ่งขึ้นมีพิธีบวชพระสงฆ์ 3 องค์ และพิธีเคารพศีลมหาสนิทระดับอัครสังฆมณฑลฯ โดย พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ อนึ่ง สังฆานุกรที่ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในโอกาสพิเศษนี้ประกอบด้วย สังฆานุกรเปาโล วรเมธ มาหนู. สังฆานุกรยอห์น บัปติสต์ อติชาติ ธรรมวงศ์ และสังฆานุกรโทมัน อาทิตย์ ว่องไว

บทสรุป
             สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ แม้จะถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497)  แต่ก็สามารถเชื่อมโยงไปถึงสามเณราลัยดอนโดน อันเป็นสามเณราลัยแห่งแรกของพระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งนี้  ตามเจตนารมณ์ของ มิชชันนารีผู้บุกเบิกที่ปรารถนาจะมีสถานฝึกอบรมผู้เตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ และครูคำสอนสำหรับช่วยงานแพร่ธรรมที่กำลังเริ่มต้น  ดังนั้น เราจึงเห็นการถือกำเนิดขึ้น พังทลาย หรือปิดตัวเองไปของสามเณราลัยหลายแห่ง ตามเงื่อนไขทางธรรมชาติและเหตุปัจจัยทางการเมือง จนกระทั่งถึงสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ปัจจุบัน 
สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการแพร่ธรรมในภาคอีสาน และความพยายามของหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสังฆราชเกลาดิอุส บาเย ผู้ให้กำเนิด พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสและบรรดาอธิการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบัน ที่มีส่วนทำให้สามเณราลัยแห่งนี้เจริญเติบโตและก้าวหน้าเรื่อยมา   ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์และยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ คือ หัวใจ และได้ทำหน้าที่เป็น แหล่งเพาะชำพืชพันธุ์ แห่งกระแสเรียกการเป็นคริสตชนและพระสงฆ์สำหรับพระศาสนจักรภาคอีสานในระยะเริ่มแรก และอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงในปัจจุบัน

สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็นสถานที่สร้างคน สร้างคริสตชน และสร้างพระสงฆ์  ศิษย์เก่าทุกรุ่นที่ผ่านการอบรมจากสามเณราลัยแห่งนี้  ได้ดำเนินชีวิตเป็นคนที่มีคุณค่าต่อสังคม เป็นคริสตชนที่มีความหมายต่อคริสตชุมชนที่ตนสังกัด และเป็นพระสงฆ์ที่อุทิศตนรับใช้เยี่ยงนายชุมพาบาลที่ดี ซึ่งทุกคนล้วนมีบทบาทและเป็นพลังสำคัญของสังคมและของพระศาสนจักร
60 ปีสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งพระพรของพระเจ้า ที่ทุกคนจะต้องสำนึกและขอบคุณในความรักเมตตาของพระองค์ ที่โปรดให้สามเณราลัยแห่งนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าอย่างมั่นคง อีกทั้ง เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันทำนุบำรุงและสานต่อให้สามเณราลัยแห่งนี้ก้าวย่างต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อคงความเป็นแหล่งเพาะกระแสเรียกที่มีคุณภาพสำหรับพระศาสนจักร ตลอดไป

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
21 ตุลาคม 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น