วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า


บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
ปี C
กจ 14:20ข-27
วว 21:1-5
ยน 13:31-33, 34-35

บทนำ

นักธุรกิจหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากห้องทำงานในเช้าวันคริสต์มาส  และพบว่ามีเด็กคนหนึ่งกำลังจ้องมองรถยนต์ใหม่คันงามของเขา เด็กชายถามว่า “รถยนต์คันนี้เป็นของคุณหรือ” นักธุรกิจหนุ่มตอบว่า “ใช่ พี่ชายของฉันเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญคริสต์มาส” เด็กชายดวงตาเป็นประกาย ถามต่อว่า “คุณหมายความว่ามีคนซื้อรถคันนี้ให้ฟรีๆ โดยที่คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลยหรือ” นักธุรกิจหนุ่มตอบว่า “ถูกต้อง พี่ชายของฉันซื้อมันเป็นของขวัญให้ฉัน” เด็กคนนั้นพูดว่า “ฉันอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง”

หนุ่มนักธุรกิจเข้าใจทันทีว่าเด็กชายคงต้องการมีพี่ชายที่แสนดีเช่นเขาที่ให้รถยนต์คันงามแก่เขา แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเด็กชายบอกว่า “ผมอยากเป็นเหมือนพี่ชายคนนั้นจริงๆ ผมจะได้ให้รถยนต์แก่น้องชายของผมบ้าง” (เนื่องจากน้องชายของเขาขาพิการเดินไม่ได้) เด็กชายคนนั้นเข้าใจถึงความลับของ “บัญญัติใหม่แห่งความรัก” ที่พระเยซูเจ้ามอบให้กับบรรดาอัครสาวกในการสนทนาครั้งสุดท้ายอย่างที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้ “ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด”

พระวรสารวันนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ที่พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าอัครสาวกและยูดาส ผู้ทรยศออกจากห้องไปแล้ว พระองค์จึงได้ตรัสกับบรรดาอัครสาวกที่เหลืออยู่แบบเปิดอก เกี่ยวกับพระสิริรุ่งโรจน์และบัญญัติใหม่ของพระองค์ นี่คือความปรารถนาสุดท้ายที่พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวก หลังจากที่ทรงรู้ว่าเวลาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว หนทางที่พระองค์ได้เลือกเพื่อรับพระสิริรุ่งโรจน์คือ หนทางแห่งไม้กางเขน

1.      บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า

เพื่อเราจะบรรลุถึง “ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ นครศักดิ์สิทธิ์ นครเยรูซาเล็มใหม่” ตามที่นักบุญยอห์นพูดถึงในหนังสือวิวรณ์ เราจะต้องปฏิบัติตาม “บัญญัติใหม่” ที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้เราทราบ “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) พระองค์ได้แสดงให้เราเห็นว่าจะต้องรักกันอย่างไร เราจะต้องรักเช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงรักเรา

ประการแรก ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข พระเยซูเจ้าทรงให้ความสำคัญกับผู้อื่นเป็นลำดับแรกจนกระทั่งไม่มีเวลาสำหรับพระองค์เอง ทรงรักทุกคนด้วยหัวใจที่ไม่แบ่งแยก เห็นได้จากทรงติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะกับคนจนและคนบาปทั้งหลาย

ประการที่สอง ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว พระเยซูเจ้าทรงสะท้อนภาพความรักของพระบิดาที่โปรดให้ดวงอาทิตย์สาดส่องเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ทุกสิ่งที่พระองค์มีทรงให้แก่เราทั้งหมด แม้กระทั่งเลือดหยดสุดท้าย

ประการที่สาม ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ให้อภัยเสมอ แม้เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ถึงสามครั้งและบรรดาสาวกคนอื่นๆ ต่างหนีเอาตัวรอด ทิ้งให้พระองค์อยู่ในเงื้อมมือศัตรูตามลำพัง แต่พระองค์ก็ทรงให้อภัยพวกเขา ในวาระสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงวอนขอให้พระบิดาอภัยความผิดของพวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่ากระทำอะไรลงไป

ประการสุดท้าย ความรักของพระองค์สละได้แม้กระทั่งชีวิต พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีความรักใดใหญ่หลวงกว่าการพลีชีพของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13) และพระองค์ทรงทำให้เห็นด้วยการยอมรับความตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย พระองค์ไม่เพียงเทศน์สอน แต่ได้มอบชีวิตของพระองค์เพื่อเรา

2.      บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก ให้เราเรียนรู้ที่จะรักตัวเองเพื่อว่าเราจะสามารถรักผู้อื่นได้ บทบัญญัติในพันธสัญญาเดิมบอกเราว่า “จงรักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเอง” (ลวต 19:1-2, 9-18) เราคงไม่สามารถรักคนอื่นได้หากเราไม่รู้จักรักตนเอง เราอยู่ในโลกที่ปฏิเสธคุณค่าพื้นฐานของมนุษย์ด้วยกัน เราจะทำให้คุณค่านี้กลับคืนมาได้อย่างไร หากเราไม่เรียนรู้ที่จะรักตนเองอย่างถูกต้อง รับรู้ถึงความจริงที่ว่าเราต่างเป็นลูกของพระเจ้า พระองค์ทรงประทับอยู่ในตัวเราและร่างกายของเราเป็นวิหารของพระจิตเจ้า

ประการที่สอง เราต้องรักผู้อื่นในชีวิตประจำวัน เราถูกเรียกร้องให้รักเช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงรักเราในชีวิตประจำวัน เรารักผู้อื่นด้วยการรับรู้ถึงความเดือดร้อนและความต้องการของเรา ด้วยการปกป้องคุ้มครองคนที่อ่อนแอและถูกเอารัดเอาเปรียบ ด้วยการรับใช้ซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก มองเห็นพระเยซูเจ้าในตัวเขา ด้วยการให้อภัยความผิดของกันและกันมากกว่าการประณามหยามเหยียดหรือลงโทษ ที่สุด เราต้องรักผู้อื่นด้วยการให้เวลา แบ่งปันความรู้ความสามารถและพระพรที่เราได้รับกับผู้อื่น

ประการที่สาม เราต้องเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้า เอกลักษณ์หรือเครื่องหมายของคริสตชนคือความรัก เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35) ชีวิตคริสชนจะต้องฉายให้เห็นถึงความรักของพระคริสตเจ้า ที่รวมเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และพระบิดาเจ้าสวรรค์ ความรักทำให้เราเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในชีวิตของผู้อื่น ยิ่งเราเลียนแบบความรักของพระเยซูเจ้าและดำรงชีวิตละม้ายคล้ายพระองค์มากเท่าใด คนอื่นก็จะรู้ถึงความรักของพระเจ้ามากเท่านั้น

บทสรุป

พี่น้องที่รัก บัญญัติใหม่แห่งความรักคือพินัยกรรมสุดท้าย ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่เราคริสตชน พระองค์ทรงเน้นพระวาจานี้ถึงสามครั้ง “ให้รักกันและกัน” นี่คือคำสั่งของพระองค์ และได้ทรงประทานแบบอย่างแก่เรา “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” ด้วยเหตุนี้เอง นักบุญเอากุสตินได้กล่าวว่า “ใครที่มีความรักที่แท้ สามารถทำทุกสิ่งได้” เพราะความรักที่แท้จริงจะไม่นำไปสู่การกระทำบาปหรือความผิด

พระเยซูเจ้าได้มอบบัญญัติใหม่และแบบอย่างในการปฏิบัติสำหรับเราแล้ว ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่า เราจะนำมาปฏิบัติให้เป็นจริงในชีวิตประจำวันของเรา มากน้อยแค่ไหน หากเราดำเนินชีวิตและปฏิบัติตามแบบอย่างความรักเช่นว่านี้ เราจะเป็นพยานที่มีชีวิตที่ดีเยี่ยมของพระคริสตเจ้าในครอบครัว หมู่คณะ สังคมและหมู่บ้านของเรา เมื่อนั้น สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในใจเราและสันติภาพจะบังเกิดขึ้นในโลก

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
26 เมษายน 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น