วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความช่วยเหลือของพระเจ้า


ความช่วยเหลือของพระเจ้า

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 13
เทศกาลธรรมดา
ปี B
ปชญ 1:13-15;2:23-24
2 คร 8:7,9,13-15
มก 5:21-43

บทนำ

 มีเรื่องเล่าว่า เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผู้คนพากันอพยพหนีไปยังที่ปลอดภัย เว้นแต่หญิงชราคนหนึ่งที่ไม่ยอมทิ้งบ้านหนีไปไหน น้ำเริ่มท่วมพื้นชั้นล่าง ขณะที่เธอยืนตรงขอบหน้าต่างห้องครัว มีเรือลำหนึ่งผ่านมาร้องบอกให้เธอขึ้นเรือเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่หญิงชราปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะต้องช่วยฉัน”

วันต่อมาน้ำเริ่มท่วมถึงชั้นที่สองของบ้าน ขณะที่หญิงชรายืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นสองมองดูน้ำที่กำลังท่วมสูงขึ้น เรืออีกลำหนึ่งผ่านมาและบอกให้เธอขึ้นมาบนเรือเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่หญิงชราปฏิเสธพร้อมกับพูดเช่นเดิมว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน” คนขับเรือจึงแล่นเรือจากไป

วันต่อมาน้ำท่วมถึงหลังคาบ้าน หญิงชราต้องหนีขึ้นบนหลังคา ขณะที่เธออยู่บนหลังคารอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างมีความหวัง เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมา หย่อนบันไดเชือกและประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ให้เธอปีนบันไดเชือกขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด แต่หญิงชรายังคงปฏิเสธและร้องบอกว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน” นักบินจึงบินจากไป

ที่สุด น้ำท่วมมิดหลังคาบ้านทำให้หญิงชราจมน้ำเสียชีวิต เนื่องจากเธอเป็นคนชอบธรรมจึงได้เข้าสวรรค์ ก่อนจะเข้าสวรรค์เธอได้พบนักบุญเปโตรและได้บ่นกับเปโตรว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน แต่ทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย” เปโตรมองดูหญิงชราอย่างงงงวยและพูดกับเธอว่า “เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยายถึงปฏิเสธความช่วยเหลือของพระเจ้าเล่า ทั้งๆ ที่พระองค์ได้ส่งเรือสองลำและเฮลิคอบเตอร์อีกหนึ่งลำไปช่วย”

พระวรสารวันนี้ ได้แสดงถึงบุคคลสองคนที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดียวกับหญิงชราที่ถูกน้ำท่วม หญิงที่ป่วยเป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปี กับไยรัสหัวหน้าศาลาธรรมที่บุตรสาววัยสิบสองขวบของเขากำลังป่วยหนัก ทั้งสองคนต่างเชื่อวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกับหญิงชราคนนั้น แต่ความเชื่อวางใจของพวกเขาแตกต่างอย่างใหญ่หลวงกับของหญิงชราที่เราได้ยินในตอนต้น

1.           ความช่วยเหลือของพระเจ้า

หญิงที่ป่วยเป็นโรคตกโลหิตมีความเชื่อว่า พระเยซูเจ้าสามารถรักษาโรคตกเลือดที่เธอทุกข์ทรมานมาสิบสองปีให้หายได้ แต่เธอตระหนักว่าเธอเองต้องทำบางสิ่งบางอย่าง เธอไม่ได้นั่งอยู่ที่บ้านรอพระเยซูเจ้ามาหา แต่ครั้นจะเปิดเผยตัวไปพบพระเยซูเจ้าคงไม่ได้ เพราะจะทำให้พระองค์เป็นมลทิน เธอจึงเดินเบียดเสียดไปกับฝูงชนเพื่อสัมผัสชายเสื้อของพระองค์ ทำให้อาการตกเลือดที่เรื้อรังมานานได้รับการรักษาให้หาย

เช่นเดียวกันไยรัส หัวหน้าศาลาธรรม ซึ่งเป็นผู้นำและเป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่ชาวยิว เขาเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสามารถรักษาบุตรสาวของเขาซึ่งป่วยหนักให้หายได้ เขาตระหนักว่าจะต้องทำบางสิ่งด้วยการไปพบพระเยซูเจ้า เพื่อขอร้องพระองค์ให้มารักษาบุตรสาวของเขาซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้าน เขาละทิ้งตำแหน่งอันมีเกียรติ ศักดิ์ศรีและอคติที่เคยมีเพื่อไปพบกับพระเยซูเจ้าด้วยตนเอง

ทั้งหญิงที่ป่วยเป็นโรคตกโลหิตและไยรัส ได้กระทำมากกว่าความเชื่อวางใจ พวกเขาได้ทำส่วนของพวกเขา ด้วยการใช้ช่องทางปกติทั่วไปที่เป็นไปได้ เพื่อร้องขอการรักษาจากพระเยซูเจ้าที่พวกเขาต้องการ เราไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้าโดยไม่ทำอะไร เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราจะต้องร่วมมือกับพระเจ้า ทำส่วนของเราให้ดีที่สุด

นักบุญอิกญาซีโอแห่งโลโยลา ได้ขยายความความร่วมมือกับพระเจ้าในแบบที่ว่า “เราต้องทำงานของเราประหนึ่งว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา แต่เราต้องภาวนาประหนึ่งว่าทุกอย่างขึ้นกับพระเจ้า” นั่นหมายความว่า เราต้องร่วมมือกับพระเจ้าและใช้ช่องทางปกติทั่วไปที่พระเจ้าทรงประทานให้ ก่อนที่เราจะร้องขอพระองค์ให้ช่วยเหลือเราด้วยวิธีพิเศษ

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ

ประการแรก เราจะต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด ก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราต้องออกแรงทำในส่วนของเราที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด เหมือนนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการผ่านการสอบ ก็ต้องอ่านหนังสือ ทบทวนวิชาต่างๆ ที่ได้เรียนมา เข้าทำนอง “พระเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยตัวเอง”

ประการที่สอง เราต้องมีใจเมตตาและปฏิบัติต่อคนที่เจ็บป่วยด้วยความรัก โรคที่คนเป็นกันมากที่สุดในปัจจุบันคือโรคขาดความรัก นี่คือพันธกิจแห่งการเยียวยารักษาของพระศาสนจักรในโลก เมื่อคนใดคนหนึ่งเจ็บป่วยไม่สบาย  ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจและความเมตตากรุณา การเยี่ยมเยียนและอยู่ด้วยกับเขาคือโอสถชั้นดีที่คนป่วยต้องการมากที่สุด

ประการที่สาม เราต้องวางใจในพระทัยกรุณาและอำนาจของพระเจ้า มนุษย์ได้รับชีวิตมาจากพระเจ้า พระองค์สามารถขับไล่โรคภัยไข้เจ็บและความตายได้ เงื่อนไขแรกสุดเพื่อคำภาวนาของเราจะได้เกิดผล เราต้องวางใจในพระทัยกรุณาของพระเจ้า ผ่านทางการหมั่นภาวนา มาหาพระองค์บ่อยๆ ทางศีลศักดิ์สิทธิ์ รำพึงและศึกษาพระวาจาของพระองค์อยู่เสมอ

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบถึงพระทัยกรุณาและอำนาจของพระเจ้า ซึ่งสามารถขจัดความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเรามนุษย์ให้หมดสิ้นไปได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเพื่อจะได้รับความช่วยเหลือหรือการเยียวยารักษาจากพระเจ้า เราต้องมีความเชื่อวางใจในพระองค์และต้องแสดงออกภายนอกให้พระองค์ได้ประจักษ์ ด้วยการทำส่วนของเราให้ดีที่สุด

พระเจ้าทรงรักเรามากจึงให้อิสระแก่เรา ไม่บังคับให้เราต้องรับความช่วยเหลือจากพระองค์ นี่คือเครื่องหมายของความรักแท้ พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราได้แบ่งปันและแสดงออกถึงความรักแท้นี้กับเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นคนที่เจ็บป่วย กำลังทนทุกข์และต้องการความช่วยเหลือ ให้เราได้มอบความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต เจริญชีวิตในความรักต่อพระองค์และต่อกันและกัน เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
29 มิถุนายน 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น