วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระวิหารของพระเจ้า


 พระวิหารของพระเจ้า  

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต
ปี B
อพย 20:1-17
1 คร 1:22-25
ยน 2:13-25

บทนำ

พระสงฆ์องค์หนึ่งหลังจากเสร็จภารกิจในการอภิบาลสัตบุรุษ ได้เดินทางกลับบ้านพัก เนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลามืดค่ำจึงตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่คอยจี้ปล้นคนที่ผ่านไปมา โจรได้ใช้ปืนจี้คุณพ่อและบอกว่า “ส่งเงินมา ไม่งั้นตาย” คุณพ่อหันกลับมาและล้วงกระเป๋าสตางค์ ทำให้เขาเห็นชุดพระสงฆ์ จึงพูดว่า “เป็นพระสงฆ์นี่ งั้นเชิญคุณพ่อไปได้ครับ” คุณพ่อองค์นั้นรู้สึกแปลกใจและขอบคุณในความเคารพที่ได้รับแบบคาดไม่ถึง จึงตอบแทนโจรคนนั้นด้วยการยื่นบุหรี่ให้ซองหนึ่ง เขาตอบคุณพ่อว่า “ไม่ละครับคุณพ่อ ผมไม่สูบบุหรี่ในเทศกาลมหาพรต”

พระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มเป็นสัญลักษณ์ของศาสนายิว มีเพียงแห่งเดียวและเป็นศูนย์กลางของการถวายสักการบูชาและเครื่องเผาบูชาสำหรับชาวยิว ขณะที่ศาลาธรรมมีอยู่ทั่วไปตามชุมชนชาวยิว เป็นที่สำหรับภาวนาและศึกษาธรรมบัญญัติในแต่ละสัปดาห์ ในเทศกาลปัสกาซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญในรอบปี ชาวยิวที่อาศัยอยู่ทั่วปาเลสไตน์จะพากันไปแสวงบุญที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญนี้และจ่ายภาษีสำหรับบำรุงพระวิหาร

จึงถือเป็นเรื่องปกติที่ในบริเวณพระวิหารจะมีโต๊ะแลกเงิน (เนื่องจากเงินเหรียญโรมันใช้ในพระวิหารไม่ได้ เพราะมีรูปเทพเจ้าและจักรพรรดิซึ่งเป็นคนต่างศาสนา ต้องแลกเป็นเงินเชเคลที่ชาวยิวใช้กัน) มีพ่อค้าที่นำสัตว์ชนิดต่างๆ อาทิ นกพิราบ แกะและวัวมาขายให้ผู้แสวงบุญสำหรับใช้เป็นเครื่องเผาบูชาในพระวิหาร ลานด้านนอกพระวิหารจึงคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้า ที่ส่งเสียงอึกทึกคึกโคมเหมือนตลาดทั่วไป

พระวรสารโดยนักบุญมัทธิว มาระโกและลูกา แสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าได้เสด็จไปร่วมงานฉลองปัสกาครั้งหนึ่งในชีวิตเปิดเผยของพระองค์ ก่อนที่จะถูกจับ โดยเน้นเหตุการณ์การชำระพระวิหารด้วยการขับไล่บรรดาพ่อค้าให้ออกจากพระวิหาร ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากพระองค์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้มีชัย ขณะที่นักบุญยอห์นพูดถึงเหตุการณ์ตอนนี้ในการเริ่มพันธกิจของพระองค์ เพื่อแสดงให้เห็นว่านี่เป็นการกระทำของพระแมสิยาห์ที่บรรดาประกาศกทำนายถึง

1.           พระวิหารของพระเจ้า

ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงชำระพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม และทรงทำนายถึงการทำลายและการสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งหมายถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์ ทำให้การประทับอยู่ของพระเจ้าในพระวิหารหมายถึงพระเยซูเจ้าเองและร่างกายของผู้ที่มีความเชื่อ โดยทรงอ้างประกาศกอิสยาห์ที่กล่าวว่า “บ้านของเราต้องเป็นบ้านสำหรับการภาวนา” (อสย 56:7ก) ดังนั้นพระวิหารหรือวัดจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการเสกและอุทิศเพื่อจุดประสงค์ในการนมัสการพระเจ้า

พระวิหารหรือวัดเป็นสถานที่ซึ่งผู้มีใจศรัทธามาพบและมีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ผ่านทางการภาวนาและการนมัสการพระเจ้า จึงไม่มีเรื่องของการค้าขายหรือแสวงหาผลกำไร ที่จะมาทำลายหรือรบกวนบรรยากาศของการรำพึงภาวนาและนมัสการพระเจ้า ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงคว่ำโต๊ะแลกเงิน เอาเชือกมาทำเป็นแส้ขับไล่พ่อค้าและสัตว์ที่พวกเขานำมาให้ออกไปจากพระวิหาร เพื่อไม่ให้พวกเขาทำให้บ้านของพระบิดากลายเป็นซ่องโจรหรือตลาด

การชำระพระวิหารของพระเยซูเจ้า จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการชำระของพระแมสิยาห์ ดังนั้น เมื่อพระองค์กล่าวถึงการทำลายและการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ จึงหมายถึงพระวิหารใหม่แห่งพระแมสิยาห์ ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แกะ วัวหรือสัตว์เป็นเครื่องเผาบูชาอีกต่อไป เพราะเป็นวิหารแห่งความเมตตากรุณาสำหรับมนุษย์ทุกคนในการนมัสการและคืนดีกับพระเจ้า ทุกคนจะสามารถเข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์ได้ผ่านทางพระเยซูเจ้า “เราเป็นหนทาง ความจริงและชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา” (ยน 14:6)

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ

ประการแรก ธรรมบัญญัติที่สำคัญที่สุดคือบัญญัติแห่งความรัก ในการถือตามบทบัญญัติสิบประการ เราคริสตชนควรได้แรงจูงใจมาจากบัญญัติแห่งความรัก ซึ่งเป็นพื้นฐานของธรรมบัญญัติทุกข้อ ซึ่งพระเยซูเจ้าสรุปให้เหลือเพียงสองประการ นั่นคือ รักพระเจ้าและรักเพื่อนพี่น้อง ความรักทั้งสองประการเป็นเหมือนกับเหรียญที่มีสองด้านที่ไปด้วยกันเสมอ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้

ประการที่สอง เราเป็นพระวิหารของพระเจ้า นักบุญเปาโลพูดอย่างชัดเจนว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน” (1 คร 3:16) ดังนั้น เราต้องไม่ทำให้พระวิหารแห่งจิตใจของเราต้องด่างพร้อยด้วยความไม่บริสุทธิ์และความอยุติธรรม เราต้องชำระพระวิหารแห่งจิตใจของเราให้พ้นจากความยิ่งจองหอง ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา ความเห็นแก่ตัวและความคิดที่ไม่ดีต่างๆ ผ่านทางศีลอภัยบาป เป็นต้นในเทศกาลมหาพรตนี้

ประการที่สาม เราต้องรักวัดของเรา วัดเป็นสถานที่ที่เรามาชุมนุมกันเพื่อรักและสรรเสริญพระเจ้า วัดจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เรามารวมกัน ส่งเสริมสนับสนุนกันในการเจริญชีวิตตามพระวรสาร ช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้พบกับพระทัยเมตตากรุณาของพระเจ้า นำทุกคนที่หลงผิดให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับหมู่คณะผ่านทางศีลแห่งการคืนดี เลียนแบบอย่างของพระเยซูเจ้าในความรักและการให้อภัย และสนับสนุนงานของวัดตามกำลังความสามารถของแต่ละคน ทำให้วัดของเรามีบรรยากาศชวนศรัทธา ที่ทุกคนสามารถพบปะกับพระเจ้าได้ทุกเมื่อ

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ได้ท้าทายเราให้รักษาพันธสัญญากับพระเยซูเจ้า ดังเช่นชาวอิสราแอลรักษาพันธสัญญากับพระยาเวห์ ด้วยการถือปฏิบัติตามบทบัญญัติสิบประการ เพื่อเราจะได้กลายเป็นประชากรแห่งพันธสัญญาใหม่ที่รักทุกคนตามที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ เราต้องมีส่วนทำให้วัดของเราเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสมสำหรับการนมัสการพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องรักษาพระวิหารแห่งจิตใจของเราให้สะอาด บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากบาป สมกับเป็นวิหารของพระจิตเจ้า

ให้เราต้อนรับพระเยซูเจ้าเข้ามาในจิตใจและชีวิตของเราตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ ด้วยการกลับใจใช้โทษบาปและฟื้นฟูชีวิตของเรา ใช้การภาวนา การจำศีลอดอาหารและการทำบุญให้ทานเป็นแส้ขับไล่ความไม่ดีไม่งามต่าง ได้แก่ ความยิ่งจองหอง ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา และความเห็นแก่ตัว ให้ออกไปจากจิตใจของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการไปสารภาพบาปเพื่อจะได้รับความรักที่ให้อภัยของพระเจ้า ผ่านทางศีลแห่งการคืนดี ตลอดเทศกาลมหาพรตนี้

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
9 มีนาคม 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น