หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา ปี C |
บสร 27:4-7 1
คร 15:54-58 ลก 6:39-45 |
บทนำ
ชายตาบอดไปเยี่ยมเพื่อนสนิท สนทนากันจนค่ำ
เมื่อได้เวลากลับบ้าน เจ้าของบ้านยื่นโคมกระดาษให้ชายตาบอด พร้อมจุดเทียนให้เสร็จ “ให้ฉันทำไม
ฉันไม่ต้องใช้โคมก็เดินกลับบ้านได้” “ฉันรู้ แต่ถ้าแกไม่ถือไว้ คนอื่นอาจเดินชนแกได้”
ชายตาบอดรับโคมแล้วก็เดินกลับบ้าน ระหว่างทางปรากฏว่ามีคนเดินชนเขาอย่างจัง
ชายตาบอดโมโห โวยเสียงดัง “ตาบอดหรือไง ไม่เห็นโคมหรือ” “ขอโทษครับ
แต่โคมของคุณดับนี่ครับ” ชายแปลกหน้าตอบ
ชายตาบอดมีเหตุผลที่ปฏิเสธโคมของเพื่อน
แต่เขาลืมไปว่าถึงแม้โคมไม่มีประโยชน์กับเขา แต่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นที่ตาดี
เพื่อนจึงเตือนให้เขานึกถึงคนอื่นด้วย ซึ่งที่สุดส่งผลดีต่อตัวเขาเอง คนเรามักคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง
หรือนึกถึงแต่ความต้องการของตนสถานเดียว
ที่สุดก็เกิดความขัดแย้งระหว่างเรากับผู้อื่น ทำนองเดียวกันกับคนตาบอดซึ่งอาจถูกคนอื่นเดินมาชนหากไม่ถือโคมไว้
พระเยซูเจ้าทรงนำเราให้สนใจหลักปฏิบัติสำคัญในการดำเนินชีวิตคริสตชน
และทรงท้าทายเราให้แบ่งปันชีวิตคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยกัน
หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้ายที่ทำลายเกียรติภูมิและชื่อเสียงของผู้อื่น อีกทั้ง ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร
ทรงตำหนิการตัดสินผู้อื่นด้วยความมุ่งร้ายและหุนหันพลันแล่น
1.
หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องคนตาบอดนำทางคนตาบอด
เพื่อนำทางคนตาบอดได้เราต้องมีสายตาดี หากเรากลายเป็นผู้นำทางตาบอดเสียเอง
ย่อมเป็นเรื่องที่เสียงอันตรายอย่างยิ่ง “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ
ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ” (ลก 6:39) สิ่งสำคัญคือเมื่อใครคนหนึ่งได้รับเลือกให้นำคนอื่นในด้านต่าง
ๆ เขาต้องมีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการนำพาคนอื่นให้ไปถึงเป้าหมายโดยปลอดภัย
อุปมาเรื่องเศษฟางในตาของพี่น้องสะท้อนความจริงว่า เราไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร
ตราบใดที่เรายังมีข้อบกพร่องและเป็นคนบาปคนหนึ่ง เราต้องแก้ไขความผิดของตนก่อนจนมั่นใจว่า
เราไม่มีความผิดใด ๆ จากนั้นจึงไปแนะนำ หรือแก้ไขความผิดของผู้อื่น “เศษฟาง”
กับ “ท่อนซุง” เป็นคำพูดในลักษณะเกินจริง ความพยายามในการแก้ไขความผิดแบบพี่น้อง
สามารถทำได้เมื่อเราได้พิจารณาตนเองอย่างดีแล้ว
พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราเติบโตในชีวิตคริสตชน
บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัย โดยไม่ตัดสินใครเพราะหน้าที่ในการตัดสินเป็นของพระเจ้า
ซึ่งเป็นองค์ความดีบริบรูรณ์และเห็นความจริงทั้งหมด อีกทั้ง เมื่อเราชี้นิ้วกล่าวหาคนอื่น
อีกสามนิ้วได้ชี้มาที่ตัวเรา ดังนั้น เราต้องระมัดระวังดังคำแนะนำของอาจารย์ชาวยิว
“ใครที่ชอบตัดสินผู้อื่น ย่อมจะถูกตัดสินจากพระเจ้าเช่นกัน”
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องไม่ตัดสินใคร ทั้งนี้เพราะ : 1) มีเพียงพระเจ้าที่ดีพร้อมในการตัดสินผู้อื่น เพราะทรงเห็นความจริงทั้งหมดและทรงล่วงรู้ถึงส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์, 2) เรามักมีอคติในการตัดสินผู้อื่น ไม่สามารถคาดหวังการตัดสินที่ยุติธรรมจากมนุษย์ได้, 3) เราไม่ได้เห็นข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อมทั้งหมด หรือพลังที่ชักนำบุคคลให้ทำผิดได้, 4) เราไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินผู้อื่นเพราะเราต่างมีความผิดเดียวกัน และบ่อยครั้งอยู่ในขั้นที่หนักกว่าด้วยซ้ำ
ประการที่สอง เราต้องหลีกเลี่ยงความหน้าซื่อใจคด ในฐานะศิษย์พระคริสต์เราต้องดำเนินชีวิตตรงไปตรงมาทั้งในคำพูดและการกระทำ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง มองดูบาปของเราก่อนเป็นลำดับแรก หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าทางการอธิษฐานภาวนา ซึ่งคำพูดและกิจการต้องสอดคล้องกัน เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวรสารเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า
ประการที่สาม เราต้องระวังคำพูด สิ่งที่เราพูดออกมาสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจ
บ่อยครั้งคำพูดของเราทำลายตัวเราเอง ดังนี้ อิสบจึงสอนว่า “สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในโลกคือคำพูด
(ลิ้น) สิ่งที่อันตรายที่สุดในโลกคือคำพูด” อีกทั้ง เราต้องทำให้คำพูดปรากฏเป็นจริงในการกระทำ
เพราะเราถูกตัดสินจากการกระทำของเรา “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูดเสมอ”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงให้หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน
บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยกัน ไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินใคร
เพราะหน้าที่ในการตัดสินเป็นของพระเจ้าซึ่งทรงความดีบริบูรณ์
ทรงเห็นความจริงทั้งหมด และทรงล่วงรู้ส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์ ประการสำคัญ
เราเองเป็นคนบาปคนหนึ่งซึ่งเลวร้ายกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ เราต้องแก้ไขความผิดของตนก่อน
จากนั้นจึงไปแนะนำ หรือแก้ไขความผิดของผู้อื่น
พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้มองดูทัศนคติทั่วไปของเราต่อผู้อื่น
เราต้องมีทัศนคติด้านบวก มีท่าทีที่เปิดกว้าง
มองเห็นความดีของกันและกันและให้กำลังใจกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตตรงไปตรงมาตามความจริง
หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้าย ไม่วิพากวิจารณ์ หรือตัดสินใคร รู้จักระวังคำพูด
เลียนแบบพระเยซูเจ้าทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ และทำให้คำพูดปรากฎเป็นจริงในกิจการ
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
ID
LIND : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ
ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
1 มีนาคม 2025
ภาพ : พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, ฉลองวัดพระคริสตราชา ช้างมิ่ง, สกลนคร; 2025-02-15
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น