วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568

หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน

 

หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา

ปี C

บสร 27:4-7

1 คร 15:54-58

ลก 6:39-45

บทนำ

ชายตาบอดไปเยี่ยมเพื่อนสนิท สนทนากันจนค่ำ เมื่อได้เวลากลับบ้าน เจ้าของบ้านยื่นโคมกระดาษให้ชายตาบอด พร้อมจุดเทียนให้เสร็จ “ให้ฉันทำไม ฉันไม่ต้องใช้โคมก็เดินกลับบ้านได้” “ฉันรู้ แต่ถ้าแกไม่ถือไว้ คนอื่นอาจเดินชนแกได้” ชายตาบอดรับโคมแล้วก็เดินกลับบ้าน ระหว่างทางปรากฏว่ามีคนเดินชนเขาอย่างจัง ชายตาบอดโมโห โวยเสียงดัง “ตาบอดหรือไง ไม่เห็นโคมหรือ“ขอโทษครับ แต่โคมของคุณดับนี่ครับ” ชายแปลกหน้าตอบ

ชายตาบอดมีเหตุผลที่ปฏิเสธโคมของเพื่อน แต่เขาลืมไปว่าถึงแม้โคมไม่มีประโยชน์กับเขา แต่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นที่ตาดี เพื่อนจึงเตือนให้เขานึกถึงคนอื่นด้วย ซึ่งที่สุดส่งผลดีต่อตัวเขาเอง คนเรามักคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง หรือนึกถึงแต่ความต้องการของตนสถานเดียว ที่สุดก็เกิดความขัดแย้งระหว่างเรากับผู้อื่น ทำนองเดียวกันกับคนตาบอดซึ่งอาจถูกคนอื่นเดินมาชนหากไม่ถือโคมไว้

พระเยซูเจ้าทรงนำเราให้สนใจหลักปฏิบัติสำคัญในการดำเนินชีวิตคริสตชน และทรงท้าทายเราให้แบ่งปันชีวิตคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยกัน หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้ายที่ทำลายเกียรติภูมิและชื่อเสียงของผู้อื่น อีกทั้ง ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร ทรงตำหนิการตัดสินผู้อื่นด้วยความมุ่งร้ายและหุนหันพลันแล่น

1.        หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องคนตาบอดนำทางคนตาบอด เพื่อนำทางคนตาบอดได้เราต้องมีสายตาดี หากเรากลายเป็นผู้นำทางตาบอดเสียเอง ย่อมเป็นเรื่องที่เสียงอันตรายอย่างยิ่ง “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ” (ลก 6:39) สิ่งสำคัญคือเมื่อใครคนหนึ่งได้รับเลือกให้นำคนอื่นในด้านต่าง ๆ เขาต้องมีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการนำพาคนอื่นให้ไปถึงเป้าหมายโดยปลอดภัย

อุปมาเรื่องเศษฟางในตาของพี่น้องสะท้อนความจริงว่า เราไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร ตราบใดที่เรายังมีข้อบกพร่องและเป็นคนบาปคนหนึ่ง เราต้องแก้ไขความผิดของตนก่อนจนมั่นใจว่า เราไม่มีความผิดใด ๆ จากนั้นจึงไปแนะนำ หรือแก้ไขความผิดของผู้อื่น “เศษฟาง” กับ “ท่อนซุง” เป็นคำพูดในลักษณะเกินจริง ความพยายามในการแก้ไขความผิดแบบพี่น้อง สามารถทำได้เมื่อเราได้พิจารณาตนเองอย่างดีแล้ว

พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราเติบโตในชีวิตคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัย โดยไม่ตัดสินใครเพราะหน้าที่ในการตัดสินเป็นของพระเจ้า ซึ่งเป็นองค์ความดีบริบรูรณ์และเห็นความจริงทั้งหมด อีกทั้ง เมื่อเราชี้นิ้วกล่าวหาคนอื่น อีกสามนิ้วได้ชี้มาที่ตัวเรา ดังนั้น เราต้องระมัดระวังดังคำแนะนำของอาจารย์ชาวยิว “ใครที่ชอบตัดสินผู้อื่น ย่อมจะถูกตัดสินจากพระเจ้าเช่นกัน”

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องไม่ตัดสินใคร ทั้งนี้เพราะ : 1) มีเพียงพระเจ้าที่ดีพร้อมในการตัดสินผู้อื่น เพราะทรงเห็นความจริงทั้งหมดและทรงล่วงรู้ถึงส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์, 2) เรามักมีอคติในการตัดสินผู้อื่น ไม่สามารถคาดหวังการตัดสินที่ยุติธรรมจากมนุษย์ได้, 3) เราไม่ได้เห็นข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อมทั้งหมด หรือพลังที่ชักนำบุคคลให้ทำผิดได้, 4) เราไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินผู้อื่นเพราะเราต่างมีความผิดเดียวกัน และบ่อยครั้งอยู่ในขั้นที่หนักกว่าด้วยซ้ำ

ประการที่สอง เราต้องหลีกเลี่ยงความหน้าซื่อใจคด ในฐานะศิษย์พระคริสต์เราต้องดำเนินชีวิตตรงไปตรงมาทั้งในคำพูดและการกระทำ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง มองดูบาปของเราก่อนเป็นลำดับแรก หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าทางการอธิษฐานภาวนา ซึ่งคำพูดและกิจการต้องสอดคล้องกัน เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวรสารเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า

ประการที่สาม เราต้องระวังคำพูด สิ่งที่เราพูดออกมาสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจ บ่อยครั้งคำพูดของเราทำลายตัวเราเอง ดังนี้ อิสบจึงสอนว่า “สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในโลกคือคำพูด (ลิ้น) สิ่งที่อันตรายที่สุดในโลกคือคำพูด” อีกทั้ง เราต้องทำให้คำพูดปรากฏเป็นจริงในการกระทำ เพราะเราถูกตัดสินจากการกระทำของเรา “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูดเสมอ”

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงให้หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยกัน ไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินใคร เพราะหน้าที่ในการตัดสินเป็นของพระเจ้าซึ่งทรงความดีบริบูรณ์ ทรงเห็นความจริงทั้งหมด และทรงล่วงรู้ส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์ ประการสำคัญ เราเองเป็นคนบาปคนหนึ่งซึ่งเลวร้ายกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ เราต้องแก้ไขความผิดของตนก่อน จากนั้นจึงไปแนะนำ หรือแก้ไขความผิดของผู้อื่น

พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้มองดูทัศนคติทั่วไปของเราต่อผู้อื่น เราต้องมีทัศนคติด้านบวก มีท่าทีที่เปิดกว้าง มองเห็นความดีของกันและกันและให้กำลังใจกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตตรงไปตรงมาตามความจริง หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้าย ไม่วิพากวิจารณ์ หรือตัดสินใคร รู้จักระวังคำพูด เลียนแบบพระเยซูเจ้าทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ และทำให้คำพูดปรากฎเป็นจริงในกิจการ

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LIND : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

1 มีนาคม 2025

ภาพ : พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, ฉลองวัดพระคริสตราชา ช้างมิ่ง, สกลนคร; 2025-02-15

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น