วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

การรับใช้ผู้อื่น

 

การรับใช้ผู้อื่น

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

ปี A

มลค 1:14-2:2.8-10

1 ธส 2:7-9.13

มธ 23:1-12

บทนำ

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ได้กล่าวกับศิษย์และผู้ติดตามใกล้ชิดว่า “ฉันไม่ต้องการพิธีฝังศพที่ยืดยาวในวันที่ไปหาพระเจ้า และหากมีใครกล่าวสดุดีฉัน บอกเขาให้พูดสั้น ๆ... ไม่ต้องพูดถึงการได้รับรางวัลโนเบล (สาขาสันติภาพ) นั่นไม่ได้สำคัญอะไร ไม่ต้องบอกว่า ฉันได้รับรางวัลมากถึงสามสี่ร้อยรางวัล นั่นไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไม่ต้องบอกว่า ฉันเรียนที่ไหน สิ่งที่ฉันต้องการให้คนพูดถึงฉันในวันนั้นคือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ได้อุทิศชีวิตของเขาในการรับใช้ผู้อื่น

ธรรมาจารย์ คือผู้มีอาชีพศึกษาและอธิบายพระบัญญัติกับธรรมประเพณี พร้อมทั้งออกกฎเกณฑ์สำหรับกรณีต่าง ๆ ตัวอย่าง วันสับบาโตห้ามทำการ 39 อย่าง เช่น ห้ามเก็บเกี่ยว ห้ามนวดข้าว ซึ่งรวมถึงการเด็ดรวงข้าว (ลก 6:1-2) มีการกำหนดระยะทางที่เดินได้ในวันสะบาโต (กจ 1:12) ระยะทางที่ยาวที่สุดที่เดินได้ในวันสับบาโตคือประมาณ 1 กิโลเมตร น่าเศร้าที่บรรดาธรรมาจารย์มัวแต่ยุ่งกับการรักษากฎระเบียบหยุมหยิมของธรรมประเพณีเหล่านี้ จนลืมรากฐานสำคัญของพระบัญญัติ (มก 7:1-13, 3:4-5)

ชาวฟาริสี เป็นกลุ่มที่เคร่งครัดในการรักษาความบริสุทธิ์ทางศาสนา  สิ่งที่พวกเขาเน้นมากที่สุดคือ การรักษาธรรมบัญญัติและธรรมประเพณีอย่างเคร่งครัด ถ้าตัดสินตามมาตรฐานทั่วไปแล้ว พวกเขาเป็นยิวที่เป็นแบบอย่างดี (ฟป 3:5-6) พวกเขาจำเป็นต้องแยกตัวจากคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคิดว่า ฉันบริสุทธิ์กว่าคนอื่น ความหยิ่งเกิดจากการทำตามกฎบัญญัติอย่างเคร่งครัด จนกลายเป็นว่า การปฏิบัติตามกฎสำคัญกว่าความรักและความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น นี่เป็นเหตุทำให้พวกเขาขัดแย้งกับพระเยซูเจ้า

1.         การรับใช้ผู้อื่น

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีอย่างรุนแรง เพราะพฤติกรรมของพวกเขาที่พูดอย่างทำอย่าง “ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่อย่าปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูดแต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสำภาระหนักวางบนบ่าคนอื่น แต่เขาไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิ้ว” (มธ 23:3-4) บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีมีความรอบรู้เกี่ยวกับธรรมบัญญัติอย่างดีเยี่ยม แต่ปัญหาของพวกเขาคือ ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขารู้

พระเยซูเจ้าทรงประณามการหลอกลวงทุกชนิด ทรงตำหนิความหน้าซื่อใจคดของบรรดาธรรมมาจารย์และชาวฟาริสี ที่แสร้งทำเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ในที่สาธารณะ เพื่อให้คนสังเกตเห็นและหวังการยกย่องชมเชย แต่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องการอุทิศตน ปฏิบัติต่อกันด้วยความรักและการรับใช้ นี่คือเครื่องหมายแท้จริงของการเป็นคริสตชนและเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า พันธกิจของพระศาสนจักรคือ “การรับใช้” บุคลากรของพระศาสนจักรต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น

คนทุกวันนี้แสวงหาและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูงและหน้าที่ใหญ่โต เพราะนั่นหมายถึงเกียรติยศชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง และอำนาจวาสนา อันเป็นยอดปรารถนาของทุกคนในโลก ไม่เว้นแม้ในวงการศาสนา  ในสังคมไทยกล่าวกันว่า เพื่อบรรลุถึงตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าว ต้องมีอักษร 3 ตัวนี้ : ด-ว-ง ที่ไม่ได้หมายถึง “โชควาสนา”

1)         หมายถึง “เด็กของใคร” หรือเด็กเส้นในระบบอุปถัมภ์ที่เขาจะดูว่า ใครให้การสนับสนุน เป็นศิษย์ของใคร จบการศึกษาจากสถาบันไหน นามสกุลอะไร

2)         หมายถึง “วิ่ง” หากไม่มีอย่างแรกต้องวิ่งเข้าหาคนใหญ่โต หรือผู้มีชื่อเสียงดีเป็นที่รู้จัก เพื่อให้การรับรอง หรือสนับสนุนฝากฝังให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ ที่เรียกว่า “ตั๋วช้าง”

3)         หมายถึง “เงิน” หากไม่มีทั้งสองอย่าง เงินต้องถึง เข้าทำนองจ่ายไม่อั้นเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ

นี่คือวิธีบรรลุความสำเร็จในชีวิตและได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการในทางโลก แต่ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงให้คำตอบในลักษณะตรงข้าม “ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น” (มธ 23:11) พระวาจาตอนนี้คือบทสรุปชีวิตและแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่เสด็จมามิใช่เพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่เพื่อรับใช้ผู้อื่น (มธ 20:26) และทรงมอบแบบอย่างนี้ไว้แก่เราในการล้างเท้าอัครสาวก (ดู ยน 13:1-15)

2.         บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาจองพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องรับใช้กันและกัน อำนาจหน้าที่ที่เราได้รับมามิใช่มีไว้เพื่อใช้บังคับ หรืออยู่เหนือคนอื่น แต่เพื่อการรับใช้กันและกันตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ผู้มอบแบบอย่างนี้แก่เราในการล้างเท้าอัครสาวก การรับใช้จึงเป็นเครื่องหมายแท้จริงของการเป็นคริสตชนและศิษย์ของพระองค์ นี่คือ “ความรักในภาคปฏิบัติ” ที่สามารถมองเห็นได้

ประการที่สอง เราต้องลงมือปฏิบัติมากว่าพูด ปัญหาของพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคือ มีความรู้ธรรมบัญญัติเป็นอย่างดีแต่ไม่ปฏิบัติตาม พวกเขาตีความและขยายความธรรมบัญญัติออกไปเป็นระเบียบหยุมหยิมถึง 613 ข้อ เพื่อให้คนอื่นปฏิบัติแต่พวกเขากับละเลย ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ตนเองสอน ขาดความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ สิ่งที่เขาเสแสร้งแกล้งทำเพียงเพื่อหวังให้คนเห็นและได้รับคำชม

ประการที่สาม เราต้องมีความสุภาพถ่อมตน เป็นการง่ายในการชี้นิ้วด่าคนอื่นว่าเป็นคนไม่ดี ใช้ไม่ได้ สิ่งสำคัญที่พระวรสารสอนเราคือให้เราย้อนกลับมามองดูตัวเอง สุภาพถ่อมตน และยอมรับในความอ่อนแอไม่เหมาะสมของเรา “ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” (มธ 23:12)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวรสารทุกตอนเขียนขึ้นเพื่อพระศาสนจักร บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคือเราแต่ละคน พระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี รวมถึงเราแต่ละคน ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้คนเห็น หรือเพื่อหวังให้คนชม ไม่ได้มาจากความรัก หรือความสัมพันธ์แท้จริงที่เรามีต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า ตำแหน่งหมายถึงภาระหน้าที่ มิใช่เกียรติยศ ต้องรับใช้มากกว่าตั้งตนเป็นนาย หรืออยู่เหนือผู้อื่น ศิษย์พระคริสต์ต้องถ่อมตัวเองลงรับใช้ผู้อื่น เพราะชีวิตที่มีความสุขคือชีวิตที่อุทิศตนรับใช้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ดังตัวอย่างของนักบุญทเรซาแห่งกัลกัตตาที่สอนว่า “การรับใช้คือความรักในภาคปฏิบัติ” และนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 พระสันตะปาปา ผู้เป็นแบบอย่างของ “ข้ารับใช้แห่งผู้รับใช้ทั้งหลาย”

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

4 พฤศจิกายน 2023

ภาพ : การรับใช้ผู้อื่น, วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2023-09-02

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น