วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

ความรักที่ยิ่งใหญ่

ความรักที่ยิ่งใหญ่
โอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงสถาปนาบุญราศีคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา เป็นนักบุญ วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2016 ถือเป็นประวัติศาสตร์และความชื่นชมยินดีของโลกที่สื่อทุกสำนักให้ความสนใจ รวมถึงสื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศไทยที่ทำการถ่ายทอดสดพิธีสถาปนานักบุญผ่านช่อง TNN 24 ทีวีดิจิตอลช่อง 16 เพื่อร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ จึงขอนำเรื่องราวและคำสอนของนักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา มาแบ่งปันสำหรับผู้อ่าน
วันหนึ่งหลัง ค.ศ. 1946 ที่ได้รับการเรียกจากภายในให้รับใช้คนยากไร้ คุณแม่เทเรซาได้เดินเข้าไปในย่านที่ยากจนที่สุดของเมืองกัลกัตตาและได้พบสถานการณ์ที่น่าเศร้า เด็กจำนวนมากไร้ที่อยู่และถูกทอดทิ้ง คนยากไร้และคนเจ็บป่วยนอนรอความตายทุกหัวระแหง คุณแม่พูดกับตนเองว่าต้องทำบางสิ่งบางอย่าง โดยรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีอยู่ไปเช่าห้องแถวเล็กๆ โกโรโกโสห้องหนึ่ง จากนั้นได้ออกไปรวบรวมเด็กเร่ร่อนที่ถูกทอดทิ้งและไร้ที่พึ่งมาอยู่รวมกัน

คุณแม่เทเรซาได้ใช้ห้องแถวนั้นเป็นโรงเรียน เวลานั้นไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ ไม่มีกระดานดำ คุณแม่สอนพวกเขาโดยใช้พื้นที่เปื้อนฝุ่นเป็นกระดาน ใช้ไม้แทนชอล์กเขียนบนพื้นฝุ่น และใช้ผ้าขี้ริ้วลบเมื่อต้องการเขียนข้อความใหม่ นี่คือวิธีที่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้ต่อสู้กับความยากจนและความโหดร้ายของสังคมที่อยู่รอบตัว แม้จะเป็นการแก้ปัญหาที่น่าสมเพท แต่นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่คุณแม่สามารถทำได้ 
เวลาผ่านไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของงานที่คุณแม่เทเรซาได้เริ่มไว้  ในวันที่คุณแม่จบชีวิตในโลกนี้เมื่อ 5 กันยายน 1997  คุณแม่มีโรงเรียนที่มีอุปกรณ์ครบครันและทันสมัยมากกว่า 80 โรง, มีหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่มากกว่า 300 หน่วย, มีคลินิกสำหรับคนโรคเรื้อนมากกว่า 70 แห่ง, มีบ้านสำหรับคนที่กำลังจะตายมากกว่า 40 หลัง, มีบ้านสำหรับเด็กไร้ที่พึ่งมากกว่า 30 หลัง และมีอาสาสมัครที่สานต่องานของเธอมากกว่า 40,000 คน

นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นดังแม่พระของชาวอินเดียและคนยากไร้ทั่วโลก มีความรักในพระเยซูเจ้าเป็นแรงบันดาลใจ “ฉันพบพระเยซูเจ้าในมนุษย์ทุกคน ฉันบอกกับตัวเองว่านี่คือพระเยซูเจ้าที่กำลังหิว ฉันต้องให้อาหารพระองค์ นี่คือพระเยซูเจ้าที่กำลังเจ็บป่วย กำลังเป็นโรคเรื้อนหรือเป็นแผลเน่าเปื่อย ฉันต้องล้างแผลให้และคอยรับใช้พระองค์ ฉันรับใช้เพราะฉันรักพระเยซูเจ้า”
เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้เคยเตือนสมาชิกในคณะของท่านว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือการรับใช้” และท่านได้แสดงให้เห็นด้วยชีวิตของท่านในการดูแลคนยากไร้และเจ็บป่วยใกล้จะตาย เพราะตระหนักว่า เมื่อคนยากไร้คนหนึ่งตายเพราะความหิว นั่นไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่ดูแลเขาและเธอ แต่เกิดขึ้นเพราะทั้งคุณและฉันไม่ได้ให้สิ่งที่เขาและเธอต้องการ
อย่างน้อยท่านได้ช่วยพวกเขาให้พบกับความรักของพระเจ้าในห้วงเวลาที่กำลังจะตาย “ตลอดชีวิตของพวกเขาไม่เคยพบคำว่าความสุขเลย เราควรให้พวกเขาได้มีความสุขและได้รับความรัก แม้จะเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ตาม” นี่คืองานเล็กน้อยที่ท่านได้ทำและเริ่มต้น แต่กระทำด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ และพระเจ้าทรงทำให้งานนั้นเติบโตและเกิดผลในแบบที่เราคาดไม่ถึง

นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาได้ให้แบบอย่างแก่เราในความรักอันยิ่งใหญ่ ผ่านทางการรับใช้และช่วยเหลือคนยากไร้ คนเจ็บป่วย และคนที่ขาดความรักที่อยู่รายรอบตัวเรา เพราะ “ชีวิตที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นคือชีวิตที่ไร้ค่า” เราอาจไม่สามารถทำสิ่งใหญ่โตได้ แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กๆ ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ “ไม่สำคัญว่าท่านได้ทำมากแค่ไหน แต่สำคัญว่าท่านได้ใส่ความรักลงไปมากแค่ไหนในการกระทำนั้น”
อย่าลืมที่จะยิ้มให้กัน “เพราะรอยยิ้มเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก” “ทุกครั้งที่คุณยิ้มให้ใครคนหนึ่ง นั่นคือกิจการแห่งความรัก เปรียบดังของขวัญที่งดงามที่มอบแก่บุคคลนั้น” อีกทั้งไม่นินทาว่าร้ายหรือตัดสินใคร เพราะ “หากท่านตัดสินคน ท่านจะไม่มีเวลารักพวกเขา” ประการสำคัญ “ในห้วงเวลาแห่งความตายเมื่อเราอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เราจะถูกตัดสินด้วยความรัก ไม่ใช่สิ่งมากมายที่เราได้กระทำ แต่เป็นความรักที่เราใส่ลงไปในการกระทำนั้น”
นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา ช่วยวิงวอนเทอญ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์

3 กันยายน 2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น