วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

การเรียกให้มาเป็นศิษย์



การเรียกให้มาเป็นศิษย์
สัปดาห์ที่ 3
เทศกาลธรรมดา
ปี A
อสย 9:1-4
1 คร 1:10-1, 17
มธ 4:12-23
บทนำ
ชายคนหนึ่งไปตัดผมที่ร้านแห่งหนึ่ง เมื่อช่างตัดผมเริ่มตัดผม ทั้งคู่สนทนากันอย่างถูกคอ เรื่องที่พูดคุยกันมีหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องศาสนาด้วย เมื่อรู้ว่าลูกค้าของตนเป็นคริสตชน ช่างตัดผมได้พูดขึ้นว่า “ผมไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า” ชายคนนั้นถามว่า “ทำไมคุณถึงพูดเช่นนั้น” ช่างตัดผมอธิบายว่า “คุณลองออกไปในถนนสิ คุณจะรู้ว่าไม่มีพระเจ้าจริงๆ หากมีพระเจ้าช่วยบอกผมหน่อย ทำไมถึงมีความทุกข์ มีคนเจ็บป่วย และเด็กเร่ร่อนที่ถูกทอดทิ้งมากมาย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้า องค์แห่งความรักถึงปล่อยให้มีสิ่งเลวร้ายเหล่านี้”

ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่โต้ตอบอะไร เนื่องจากไม่ต้องการทำลายบรรยากาศของการสนทนา กระทั่งตัดผมเสร็จและเดินออกจากร้าน เขาเห็นชายคนหนึ่งผมเผ้ารุงรัง สกปรก หนวดเครายาวน่าเกลียด จึงเดินกลับเข้ามาในร้านตัดผมอีกครั้งและพูดกับช่างตัดผมว่า “คุณรู้ไหมว่าช่างตัดผมไม่มีอยู่จริงหรอก” ช่างตัดผมรู้สึกแปลกใจและยืนยันว่า ผมนี่ไง ผมเป็นช่างตัดผมและเพิ่งตัดผมให้คุณไปหยกๆ”

ชายคนนั้นย้ำว่า “ไม่จริง หากช่างตัดผมมีอยู่จริง คงไม่มีคนผมเผ้ารุงรังสกปรกเหมือนชายคนที่คุณเห็น” ช่างตัดผมแย้งว่า “สาเหตุที่ชายคนนั้นผมยาว หน้าตาดูไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมมาหาผม” ชายนั้นพูดบ้างว่า “จริงทีเดียว การมีอยู่ของพระเจ้าเป็นเช่นเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เวลานี้เพราะไม่ยอมมาหาพระองค์ พวกเขาไม่ต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ ดังนั้น โลกของเราจึงเต็มไปด้วยความทุกข์และความเลวร้ายต่างๆ”

การเป็นศิษย์และศาสนบริการเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคริสตชน เราแต่ละคนได้รับการเรียกให้มาเป็นศิษย์และรับใช้ พระเยซูเจ้ายังคงกระทำภารกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์ต่อไปในโลกสำหรับมนุษยชาติผ่านทางพระศาสนจักร ซึ่งไม่ได้หมายถึงศาสนบริกรที่ได้รับศีลบวชคือพระสงฆ์และนักบวชเท่านั้น แต่พระศาสนจักรหมายถึงเราทุกคน ความทุกข์ยากลำบากยังคงมีอยู่ในโลก เพราะคริสตชนแต่ละคนไม่ได้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์ ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์ “กระแสเรียกของเราแต่ละคนคือการรับใช้คนอื่น” (ลีโอ ตอลสตอย)

1.         การเรียกให้มาเป็นศิษย์
ในพระวรสารวันนี้ บอกให้เราทราบถึงการเริ่มต้นพันธกิจของพระคริสตเจ้า พระองค์เสด็จไปแคว้นกาลิลี ทรงเทศน์สอนในศาลาธรรมและประกาศข่าวดีแห่งอาณาจักรพระเจ้า พระองค์ทรงเรียกศิษย์กลุ่มแรกคือ เปโตร อันดรูว์ ยากอบ และยอห์น ซึ่งเป็นชาวประมงที่เมืองการ์เปอร์นาอุม เพื่อร่วมส่วนในพันธกิจของพระองค์และเป็นพยานถึงพระองค์ในโลก โดยตรัสกับซีโมนและอันดรูว์ว่า “จงตามเรามา เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงจับมนุษย์” พวกเขาล้วนเป็นชาวประมงธรรมดา เป็นคนต่ำต้อย ไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก สิ่งที่พวกเขารู้ดีที่สุดคือการจับปลา

พระเยซูเจ้าทรงเริ่มงานที่เมืองการ์เปอร์นาอุมในฐานะเป็นแสงสว่างยิ่งใหญ่ ที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงในบทอ่านแรก ข่าวดีที่พระองค์ทรงประกาศคือ “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” คำเชื้อเชิญให้ “กลับใจ” (Metanoia) ของพระองค์คือการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าด้วยการตอบสนองการเรียกของพระองค์ เป็นการเรียกให้เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินชีวิตแบบถอนรากถอนโคน ไม่ใช่การเรียกให้เสียใจต่อบาปที่เรากระทำในอดีต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจิตใจเพื่อทำงานของพระเจ้า

ดังนั้น ศิษย์กลุ่มแรกขอพระเยซูเจ้า จึงเป็นผู้ร่วมงานที่มีส่วนในงานและพันธกิจของพระองค์ เมื่อได้รับการเรียกพวกเขาได้ตอบรับทันทีโดยไม่ลังเล พวกเขาละทิ้งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการหาปลาที่พวกเขาใช้เลี้ยงชีพ บิดามารดาและครอบครัว เพื่อเป็นศิษย์ติดตามพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข ในหมู่พวกเขาไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้จักพระเยซูเจ้ามาก่อน แต่เมื่อได้รับการเรียก พวกเขาหยุดงานที่กำลังทำอยู่ทันที ละทิ้งทุกสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของเพื่อมาอยู่กับพระองค์

2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องตอบสนองการเรียกของพระเจ้าทันที นักบุญเปาโลได้ย้ำกับคริสตชนชาวโครินทร์ในบทอ่านที่สองว่า ทุกคนได้รับการเรียกให้มาเป็นศิษย์และศาสนบริกรของพระคริสตเจ้า มีส่วนในภารกิจของพระองค์ในการเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดให้แก่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้แสงสว่างแห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัยของพระคริสตเจ้าฉายแสงในตัวเรา เพื่อคนอื่นที่เห็นกิจการดีในตัวเรา จะได้ชมสรรเสริญพระบิดาเจ้าของเรา

ประการที่สอง เราต้องประกาศข่าวดีแห่งอาณาจักรของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเดินทางไปทั่วแคว้นกาลิลีเพื่อประกาศข่าวดีแห่งอาณาจักรของพระเจ้า และทรงมอบพันธกิจนี้ให้แก่เราตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาป เราถูกเรียกร้องให้เจริญชีวิตในความรัก ยุติธรรมและสันติที่พระองค์ประกาศ เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งความรัก ความยุติธรรมและสันติสุขให้บังเกิดขึ้น โดยเริ่มจากในครอบครัว สังคม และหมู่คณะของเรา

ประการที่สาม เราต้องละทิ้งบางสิ่งและติดตามพระเยซูเจ้า สาวกรุ่นแรกได้ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระเยซูเจ้า ในการเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้าจะต้องละทิ้งสิ่งที่เราเป็นเจ้าของโดยไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำใจของเรา เพื่อเราจะสามารถอุทิศตนรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องได้อย่างเต็มที่ เราจะต้องเป็นอิสระในการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากกว่าน้ำใจของเรา และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ที่มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น รัก รับใช้ และมอบชีวิตเพื่อทุกคนโดยไม่แบ่งแยก

บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้มาเป็นคริสตชนและเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ทำให้เราได้รับแสงสว่างและมีส่วนในพันธกิจของพระองค์ในโลกนี้ นั่นไม่ใช่เพราะเราดีกว่าคนอื่น แต่เพราะความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงรักเราและเรียกเราทุกวันให้ติดตามพระองค์ เราจะต้องไม่ลังเลในการติดตามและเลียนแบบอย่างของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรัก การรับใช้ และการให้อภัยของพระคริสตเจ้าในชีวิตประจำวัน

ให้เราได้รักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคริสตชน และพยายามทุกวิถีทางในการขยายอาณาจักรของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการดำเนินชีวิตเป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้ของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน ในการรักและรับใช้ซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก เริ่มจากนครอบครัว ที่ทำงาน และที่ที่เราอยู่ เช่นนี้เอง เราถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนและเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
24 มกราคม 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น