วัดมารีย์สมภพ กุดจอก
เลขที่ 236 หมู่ 4 ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร 47170
1.1 ความเป็นมา
จากบันทึกของคุณพ่อปีแอร์ แอกก๊อฟฟอง
ธรรมทูตคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสของคุณพ่ออัลเฟรด มารี รองแดล ที่วัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม
นครพนม ทำให้เราทราบว่า คุณพ่อรองแดลได้รับผู้สมัครเป็นคริสตชนจากบ้านนาบัวและบ้านกุดจอกในเขตจังหวัดสกลนครปี
1887 (2430) ซึ่งพระสังฆราชเกลาดิอุส บาเย
ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในหนังสือ ประวัติการเผยแพร่พระศาสนาในภาคอีสานและประเทศลาว,
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เรือนแก้ว, 2527,
หน้า 83 ดังนี้ ผู้อาวุโสบ้านดอนทอยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านกุดจอกกับเจ้าอาวาสวัดดอนทอยปี
1980 ว่า นายสานน คนบ้านวาได้ไปหาธรรมทูตที่บ้านคำเกิ้ม นครพนม
เพื่อให้มาประกาศข่าวดีในเขตนี้ จึงแน่ใจได้ว่าคริสตศาสนาเข้ามาที่บ้านกุดจอกในปีดังกล่าว
บันทึกปี 1889 (2432) ของคุณพ่อแอกก๊อฟฟองได้บอกให้เราทราบว่า
หมู่บ้านทั้งสองทำให้คุณพ่อรองแดลรู้สึกหนักใจมาก
เพราะต้องเดินทางขี่ม้าจากบ้านคำเกิ้มเป็นเวลาสองวันกว่าจะถึง จึงอยากให้มีผู้อยู่ประจำสำหรับเอาใจใส่ดูแลบ้านทั้งสองนี้ ที่สุดได้เปโตร จานพิมพ์ ซึ่งเคยบวชเป็นพระภิกษุ
ก่อนกลับใจมาเป็นคริสตชน คุณพ่อรองแดลได้มอบหมายให้จานพิมพ์ไปสอนคำสอนแก่ผู้สมัครเป็นคริสตชนที่บ้านนาบัวและบ้านกุดจอก
ซึ่งไม่มีใครเอาใจใส่เนื่องจากอยู่ไกล
จานพิมพ์ได้ออกเดินทางไปบ้านนาบัวและบ้านกุดจอกต้นปี 1889
(2432) และได้ทำหน้าที่สอนคำสอนเป็นอย่างดี
กระทั่ง 14-15 สิงหาคม ปีเดียวกัน ได้มีการโปรดศีลล้างบาปกลุ่มแรกที่บ้านกุดจอก
และได้มีพิธีโปรดศีลล้างบาปอีกครั้งเมื่อ 23 มกราคม 1890
(2433) นั่นแสดงว่า มีผู้กลับใจเป็นคริสตชนที่บ้านกุดจอกจำนวนมาก
เพราะต้องใช้เวลาโปรดศีลล้างบาปถึง 3 วันด้วยกัน
ดังนั้น
ปี 1889
(2432) จึงเป็นจุดเริ่มต้นของคริสตชุมชนวัดกุดจอกอย่างแท้จริง
หากนับเนื่องถึงปัจจุบันจะมีอายุ 136 ปี นอกนั้นในบันทึกปี 1890
(2433) ยังพูดถึงความพยายามของคุณพ่อรองแดล
ในการดูแลคริสตชนที่คำเกิ้มกว่า 700 คน
และสอนคำสอนให้ผู้สมัครเป็นคริสตชนอีก 1,300 คน
ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่บ้านนาบัว กุดจอก ไปจนถึงแก่งสะดอก
จึงขอร้องให้คุณพ่อยอแซฟ กอมบูริเออ เจ้าอาวาสวัดมหาพรหมมีคาแอล ท่าแร่
ให้ทำหน้าที่ดูแลบ้านนาบัวและบ้านกุดจอก เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้ท่าแร่มากกว่าคำเกิ้ม
ในบันทึกรายงานประจำปี 1901 (2444) พระสังฆราชมารี ยอแซฟ
กืออ๊าส ได้เขียนไว้ว่า บ้านช้างมิ่ง บ้านนาบัว บ้านกุดจอก บ้านดอนทอย บ้านแก่งราบ
ทั้งหมดนี้คุณพ่อกองเต และคุณพ่อกราเซียง เป็นผู้ดูแล
1.2 การฟื้นฟูกลุ่มคริสตชนขึ้นใหม่
หากพิจารณาจากหลักฐานการล้างบาป
ชุมชนวัดกุดจอกถือเป็นวัดแม่ของวัดต่าง ๆ ในบริเวณนี้ เคยมีวัดที่ยังเห็นร่องรอยของการเจริญเติบโตในอดีต
มีสุสานศักดิ์สิทธิ์ และบ่อน้ำโบราณผนังก่ออิฐถือปูนที่บรรดาธรรมทูตได้สร้างเอาไว้
เพื่อการอุปโภคและบริโภคของชาวกุดจอก ทุกวันนี้ยังเรียกขานว่า “บ่อน้ำคุณพ่อ”
เมื่อบรรพบุรุษที่ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งความเชื่อเสียชีวิตลง
บุตรหลานไม่ได้สนใจเรื่องศาสนาอีกต่อไป ส่วนหนึ่งมาจากการขาดพระสงฆ์มาทำหน้าที่ดูแลอภิบาลและหล่อเลี้ยงความเชื่อให้เติบโต
ประกอบกับในอดีตพระศาสนจักรมีระเบียบปฎิบัติที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการฝังศพ
ใครที่ไม่เข้าวัดปฏิบัติศาสนา เมื่อเสียชีวิตลงพระสงฆ์จะไม่ประกอบพิธีฝังศพให้ เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นและสาเหตุสำคัญทำให้คริสตชนชาวกุดจอกละทิ้งความเชื่อไป
นับเป็นเรื่องน่าเสียใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งที่คริสตชนกุดจอก
ไม่มีโอกาสได้ฉลองร้อยปีแห่งความเชื่อของพวกเขาเพราะได้ละทิ้งความเชื่อไป
พระสงฆ์องค์สุดท้ายที่มาทำหน้าที่ดูแลคือคุณพ่ออันตน เสงี่ยม ศรีวรกุล ปี 1985 (2528) จากนั้นเป็นต้นมาไม่มีใครมาทำหน้าที่อภิบาลดูแลคริสตชนที่นี่อีก เมื่อคุณพ่อยอห์นบัปติสต์
นรินทร์ ศิริวิริยานันท์ เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย ปี 1989 (2532) วัดกุดจอกอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก คุณพ่อได้ทำการรื้อวัดไม้หลังดังกล่าวและปลูกสร้างเป็นบ้านพักสองชั้น
ทำรั้วลวดหนามล้อม นัยว่าเพื่อรักษาที่ดินวัดจำนวน 2 ไร่เศษ ซึ่งได้รับการรับรองตามพระราชบัญญัติ
ร.ศ. 128 ในสมัยรัชกาลที่
5
เป็นเวลาร่วม 40 ปี
ที่คริสตชนกุดจอกเป็นเหมือนแกะพลัดฝูง ขาดผู้เลี้ยงแกะที่ดีในการมาทำหน้าที่อภิบาลดูแล
โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์การจาริกแห่งความหวัง ค.ศ. 2025 ที่พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศ
พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี ประมุขอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง มีความคิดที่จะรื้อฟื้นชุมชนวัดกุดจอกให้กลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง
เพื่อเป็นของขวัญถวายแด่พระเจ้าโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ โดยติดต่อคุณแม่มารีอา รัตติยา
ธาตุวิสัย มหาธิการิณีคณะรักกางเขนแห่งท่าแร่
ให้ส่งทีมแพร่ธรรมไปฟื้นฟูความเชื่อที่บ้านกุดจอก โดยเริ่มงานเมื่อ 10 พฤษภาคม 2024 (2567) ทีมแพร่ธรรมที่ลงพื้นที่บ้านกุดจอกในปีแรกประกอบด้วย
ภคินีอัมพร แสนเมือง, ภคินีสุภารัตน์ อำจุฬา และภคินีบุษบา นุกานนท์ และในปีที่สอง
ภคินีสุภารัตน์ อำจุฬา และคภินีจันทริดา วงศ์แหล้
1.3 การสร้างวัดหลังใหม่
เมื่อทีมแพร่ธรรมคณะภคินีรักกางเขนแห่งท่าแร่เริ่มงานที่บ้านกุดจอกด้วยการเยี่ยมเยียน
ติดตาม สอนคำสอน จนได้คริสตชนกลับคืนมาจำนวนหนึ่ง พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช
ใจเสรี ได้สร้างวัดใหม่ขึ้นที่กุดจอก เพื่อให้ความมั่นใจแก่คริสตชนและสานต่องานประกาศข่าวดีของบรรดาธรรมทูต
เริ่มด้วยการถมดิน ปรับพื้นที่ และลงนามว่าจ้างนายประดิษฐ์ สายศร เป็นผู้รับเหมา โดยเริ่มงานก่อสร้างเมื่อ
29 มกราคม 2025 (2568) ในวงเงินงบประมาณ
1,400,000.- บาท เมื่อการก่อสร้างวัดแล้วเสร็จ ได้ปรับปรุงพื้นที่โดยรอบเพิ่มเติมด้วยการก่อสร้างกำแพง
ถมดิน และเทถนนเข้าสู่ตัววัด จนกระทั่งงานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ รวมค่าก่อสร้างทั้งสิ้น
2.5 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้มีน้ำใจดีหลายท่าน
วัดหลังใหม่ที่สร้างเสร็จได้ชื่อว่า “วัดมารีย์สมภพ กุดจอก” โดยแมร์มีเรียม กิจเจริญ เป็นผู้ตั้งชื่อให้ มีพิธีเปิดเสกเมื่อเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2025 (2568) โดยพระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี
พร้อมด้วยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ คณะสงฆ์ นักบวช
และพี่น้องคริสตชนมาร่วมในพิธีมากว่า 700 คน มีพระภิกษุ 5
รูปจากวัดใกล้เคียงมาร่วมพิธีเปิดวัดครั้งนี้ด้วย ก่อนเริ่มพิธีได้มีขบวนฟ้อนต้อนรับพระคุณเจ้าจากพี่น้องกุดจอก
กุดจอกน้อย และดอนทอยจากถนนใหญ่ผ่านหมู่บ้านมุ่งสู่ตัววัด ยังความตื่นเต้นดีใจของพี่น้องกุดจอก
เนื่องจากไม่เคยเห็นคนมาร่วมงานมากเช่นนี้มาก่อน และเห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องคริสตชนจากวัดต่าง
ๆ มีการแสดงต้อนรับก่อนพิธี 5 รายการ
พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี ได้เทศน์เตือนใจผู้มาร่วมพิธีว่า วันนี้ถือเป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีของพี่น้องชาวกุดจอกอย่างแท้จริง กลุ่มคริสตชนที่นี่เก่าแก่มาก มีบันทึกว่ามีการล้างบาปถึงสามวัน แสดงว่ามีคนกลับใจมาก ให้เราขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ทรงทอดทิ้งประชากรของพระองค์ เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงในดิน หวังว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นจะค่อย ๆ เติบโต เพื่อสานต่องานประกาศข่าวดีของบรรดาธรรมทูต เหนือสิ่งอื่นใด วัดเป็นบ้านของพระเจ้าและเป็นที่เราประชากรของพระองค์มานมัสการพระองค์ร่วมกัน พระแท่นซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัด เป็นเหมือนท่อธารแห่งพระพรที่หลั่งมายังชีวิตของเรา
นอกนั้นวัดยังเป็นที่หลบภัยสำหรับชีวิตของเรา
เวลาที่เรามีปัญหาในชีวิตเรามาวัด เรารู้สึกมีความบรรเทาใจ วัดจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ
พระวรสารนักบุญลูกาที่เราได้ฟังวันนี้เห็นชัดว่า พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อตามหาคนบาป
ทรงเป็นเพื่อนกับคนบาปและต้อนรับทุกคน โดยทรงเล่าเรื่องแกะที่หายไป เจ้าของออกตามหาแกะที่หายไปและมีความยินดี
พระวรสารวันนี้สะท้อนประวัติศาสตร์ของบ้านกุดจอกได้ดีมาก เราเป็นเหมือนแกะที่หายไป
ซิสเตอร์แพร่ธรรมและคุณพ่อมาที่นี่เพื่อตามหาแกะที่หายไป
บางคนไม่ได้แก้บาปมาสี่สิบปี ต้องมาสอนคำสอนใหม่และได้แก้บาปรับศีล เมืองสวรรค์จะยินดีเมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ
เนื่องจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ไม่ทรงปรารถนาให้ใครเสียไปแม้แต่คนเดียว
2. ลำดับพระสงฆ์ผู้ดูแล
เดิมทีเดียววัดกุดจอกอยู่ในความดูแลของเจ้าอาวาสวัดนักบุญยอแซฟ
ดอนทอย ก่อนหยุดไปนับตั้งแต่ปี 1985 (2528) เมื่อเริ่มต้นการฟื้นฟูคริสตชนขึ้นใหม่
พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี ได้มอบหมายให้ คุณพ่อเปโตร วิรัช นารินรักษ์
เป็นผู้ดูแล พร้อมกับทีมแพร่ธรรมของคณะภคินีรักกางเขนแห่งท่าแร่ นำโดยภคินีสุภารัตน์
อำจุฬา และภคินีจันทร์ธิดา วงศ์แหล้





























