วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความเมตตากรุณา

วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต
ดนล 9:4ข-10
ลก 6:36-38

 ความเมตตากรุณา


หลายปีมาแล้วมีพนักงานขายกลุ่มหนึ่งเดินทางไปประชุมใหญ่ที่เมืองหลวง พวกเขาได้บอกกับภรรยาว่าคงกลับมาทันเวลาทานอาหารเย็นที่บ้านอย่างแน่นอน บังเอิญการประชุมวันนั้นมีเรื่องมากมาย ทำให้การประชุมเลยเวลาออกไป พวกเขาต้องรีบเดินทางไปที่สนามบินเพื่อกลับบ้าน ด้วยความเร่งรีบคนหนึ่งได้ชนโต๊ะที่วางตะกร้าแอปเปิลที่อาคารผู้โดยสาร พวกเขามุ่งตรงไปที่เครื่องบินโดยไม่ยอมหยุด และสามารถขึ้นเครื่องได้ทันเวลาพอดี

ขณะที่คนหนึ่งในพวกเขามีความรู้สึกว่าต้องหยุด เพราะสงสารหญิงคนนั้นที่ตะกร้าแอปเปิลคว่ำกระจาย เขาโบกมือให้เพื่อนและย้อนกลับไปหาหญิงที่น่าสงสารนั้น เขารู้สึกดีใจที่ได้ทำเช่นนั้นเพราะหญิงคนนั้นตาบอด เขาช่วยเก็บผลแอปเปิลใส่ตะกร้าและสังเกตว่ามีหลายลูกช้ำจึงหยิบเงินในกระเป๋าให้หญิงคนนั้น พร้อมกับบอกว่า “กรุณารับเงินนี้ไว้สำหรับความเสียหายที่พวกเราได้ทำ” เมื่อเขาเดินจากไปได้ยินเสียงหญิงตาบอดคนนั้นร้องว่า “ท่านเป็นพระเยซูหรือเปล่า” ทำให้เขารู้สึกดีใจละคนแปลกใจมาจนถึงทุกวันนี้

ในสังคมปัจจุบันช่างหาคนใจดีมีเมตตาได้ยากนัก ทั้งๆ ที่ทุกคนอยากได้รับความเมตตาจากคนอื่นด้วยกันทั้งนั้น พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราอีกครั้งให้เลียนแบบพระบิดาเจ้าสวรรค์ใน “ความเมตตากรุณา” ซึ่งพระองค์ได้ให้แนวทางในการปฏิบัติความเมตตานี้ บนพื้นฐานของความรักต่อเพื่อนพี่น้อง 4 อย่างด้วยกัน

1) อย่าตัดสินคนอื่น เรามักจะคุ้นเคยและตัดสินคนอื่นโดยเบาความ เราไม่ควรตัดสินเขาเพราะไม่รู้ถึงเจตนาและเบื้องลึกแห่งจิตใจของเขาที่ทำเช่นนั้น บางที หากเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา อาจทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าเขาด้วยซ้ำ และที่สำคัญ พระเยซูเจ้าไม่ได้มาเพื่อตัดสินโลก แต่เพื่อช่วยให้รอด

2) อย่ากล่าวโทษคนอื่น เรามักจะกล่าวโทษและมองเห็นแต่ความผิดของคนอื่นอยู่เสมอ เข้าทำนองที่ว่า “ความผิดของคนอื่นมองเห็นเท่าขุนเขา ความผิดของตนเล่ามองเห็นเท่าเส้นข (ตดคนอื่นแสนเบื่อเหม็นเหลือทน ตดของตนแสนเหม็นไม่เป็นไร)”

3) จงให้อภัยคนอื่น ใครที่บอกว่า “ฉันให้อภัยคุณนะ แต่ฉันไม่มีวันลืม” นั่นเป็นเพียงแค่วิธีพูดให้ตัวเองดูดี แต่ความจริงคือ “ฉันไม่มีวันให้อภัยคุณ” สุภาษิตอาหรับจึงบอกว่า “การให้อภัยสมบูรณ์ได้ เมื่อไม่คิดถึงบาปนั้นอีก” (Forgiveness is perfect when the sin is not remembered.)

4) จงรู้จักให้ ทั้งนี้เพราะ “การให้นำความสุขใจมาให้เรามากกว่าการรับ” ดังนั้น จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ อย่างน้อย ในการให้ความรักและความยุติธรรมกับทุกคน ยิ่งให้มากเท่าใด เราก็จะได้รับมากเท่านั้น

พระวรสารของวันนี้จึงเตือนสติเราให้มีความเมตตาต่อทุกคน ไม่ตัดสิน ไม่กล่าวโทษ แต่ให้อภัย และรู้จักให้ เพราะความเมตตากรุณาคือภาษาที่ทุกคนสามารถรับรู้และเข้าใจได้ ดังนั้น เทศกาลมหาพรต จึงเป็นช่วงเวลาที่เราพุ่งความสนใจมาหาตัวเรา เพื่อจะได้ตระหนักว่า เราเองอ่อนแอและมีข้อบกพร่องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่น และพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงใจเรา ให้เป็นดวงใจใหม่เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ที่มีความเมตตากรุณาต่อทุกคน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
1 มีนาคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น