วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

คุณพ่อบอสโก บิดาและอาจารย์ของเยาวชน



คุณพ่อบอสโก บิดาและอาจารย์ของเยาวชน

ตูริน นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นดินแดนแห่งผ้าตราสังข์ที่เชื่อกันว่าเป็นผ้าพันพระศพของพระเยซูเจ้าแล้ว ยังเป็นถิ่นกำเนิดของนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือ “นักบุญยอห์น บอสโก” หรือ “คุณพ่อบอสโก(Don Bosco) ผู้ตั้งคณะซาเลเซียน ซึ่งฉลองครบรอบ 150 ปีแห่งการก่อตั้งในปีนี้ จะพบเห็นป้ายผ้าที่มีรูปคุณพ่อบอสโกกับบรรดาเด็กๆ บนตัวเลข 150 สัญลักษณ์ของการฉลองอยู่ทั่วไป
คุณพ่อบอสโกแม้จะไม่ได้เกิดที่ตูรินแต่ได้เริ่มงานเพื่อเด็กและเยาวชนที่ตูริน ในสมัยของท่านเป็นช่วงเวลาของการปฏิวัติอุตสาหกรรมซึ่งเริ่มที่ประเทศอังกฤษ ส่วนที่ประเทศอิตาลีเริ่มที่ตูริน มีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมาย มีเด็กและเยาวชนเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ตูรินจึงเป็นสนามงานที่ท่านทุ่มเทอุทิศชีวิตตามความฝันในวัยเด็กจนถึงวันที่ท่านสิ้นใจ เรียกได้ว่าตูรินคือถิ่นกำเนิดและศูนย์กลางของคณะซาเลเซียนคงไม่ผิดนัก
ดังนั้น หากใครต้องการมาแสวงบุญหรือขอพรนักบุญยอห์น บอสโกต้องมาที่ตูริน  อีกทั้งบ้านเกิดของท่านคือ กัสเตลนูโอโวแห่งอัสตี (Castelnuovo d’Asti) ก็อยู่ไม่ไกลจากตูรินเท่าใดนัก (ห่างจากตูรินไปทางตะวันออกเพียง 22 กิโลเมตรเท่านั้น) การได้มีโอกาสไปเยือนถิ่นกำเนิดที่ท่านเคยเจริญวัยและได้รับการอบรมบ่มเพาะคุณธรรมและความเชื่อ รวมถึงเยี่ยมชมศูนย์กลางคณะซาเลเซียนและสักการสถานแม่พระองค์อุปถัมภ์ (Santuario di Maria Ausiliatrice) ที่วัลด๊อกโก (Valdocco) ทางตอนเหนือของตูริน จึงถือเป็นอะไรที่พิเศษเหนือความคาดหมาย

องค์อุปถัมภ์ของนักมายากล
คุณพ่อบอสโก เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1815 (พ.ศ. 2358) ที่ฟาร์มในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อกัสเตลนูโอโวซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเบ็กกี (Becchi) จังหวัดอัสตี (Asti) แคว้นปิเอมอนเต (Piemonte) ทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี  ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวได้กลายเป็นที่ตั้งสักการสถานนักบุญยอห์น บอสโก ที่ผู้คนมากมายพากันไปแสวงบุญ และหมู่บ้านแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กัสเตลนูโอโว ดอน บอสโก” (Castelnuovo Don Bosco) เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่าน
คุณพ่อบอสโกเกิดในครอบครัวที่ยากจน แต่เป็นครอบครัวที่ซื่อสัตย์สุจริตมีศีลธรรม มีความเชื่อศรัทธาและเคร่งครัดในศาสนา  เมื่ออายุได้สองขวบ ฟรันเชสโก (Francesco) ผู้บิดาได้จากไป ทิ้งให้ท่านกับพี่ชายอีกสองคนเป็นกำพร้า ต้องอยู่ในความดูแลของมารดาเพียงลำพัง  แต่คุณแม่มาร์เกรีตา (Mamma Margherita) มารดาของท่านได้ดูแลเอาใจใส่อบรมสั่งสอน ฝึกฝนให้เป็นเด็กที่เข้มแข็งอดทน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักความจริงและยึดมั่นในความยุติธรรม อีกทั้งสอนให้มีใจเมตตาต่อคนยากจน
แม้จะเกิดในครอบครัวที่ยากจนแต่คุณพ่อบอสโกกลับร่ำรวยด้วยพรสวรรค์ มีความสามารถพิเศษในการเล่นกลและกายกรรมเพื่อการประกาศพระวรสาร  เมื่อแสดงจบจะถือโอกาสสอนผู้ชมรุ่นราวคราวเดียวกันตามบทเทศน์ที่ได้ยินมาในมิสซาตอนเช้าและนำสวดภาวนาร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่  30 มกราคม ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) บรรดานักมายากลทั่วโลกโดยการนำของคุณพ่อซิลวีโอ มันเตลลี (Silvio Mantelli, SDB) ได้เสนอให้สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ได้ประกาศให้คุณพ่อบอสโกเป็นองค์อุปถัมภ์ของนักมายากล

บิดาและอาจารย์ของเยาวชน
คุณพ่อบอสโกเป็นคนที่กระฉับกระเฉงและตรงไปตรงมา ตั้งแต่เป็นเด็กได้ก่อตั้งกลุ่ม “กองหน้าร่าเริง” เพื่อต่อสู้กับบาป  พออายุได้ 9 ขวบได้ฝันเห็นพันธกิจที่จะต้องทำในอานาคต ทำให้มีความตั้งใจที่จะเป็นพระสงฆ์เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่เป็นกำพร้า ถูกทอดทิ้ง และขาดโอกาสทางการศึกษา  กระทั่งอายุ 20 ปีได้เข้าบ้านเณรตามความตั้งใจ แม้จะพบกับปัญหาหลายอย่างเนื่องจากครอบครัวขัดสน แต่ท่านได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในการศึกษาเล่าเรียนที่บ้านเณรจนได้บวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1841 (พ.ศ. 2384) ที่ตูริน
หลังจากบวชเป็นพระสงฆ์คุณพ่อบอสโกได้เริ่มภารกิจตามที่ได้ตั้งใจไว้ ด้วยการรวบรวมเด็กที่ยากจนให้เข้ามาอยู่รวมกัน อบรมสั่งสอนพวกเขาด้านศีลธรรมควบคู่ไปกับวิชาความรู้ สอนให้รู้จักเจริญชีวิตเยี่ยงคริสตชนที่ดี มีความศรัทธาต่อแม่พระ โดยมุ่งสกัดกั้นและป้องกันพวกเขาจากความชั่วอาศัยความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่าเริงยินดี  นอกนั้นยังได้ให้พวกเขาฝึกงานต่างๆ ตามความถนัดและบุคลิกภาพของแต่ละคน เมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้นและเรียนรู้งานดีแล้วยังเป็นธุระจัดหางานให้ทำอีกด้วย
คุณพ่อบอสโกได้สร้างโรงเรียนฝึกหัดอาชีพและโรงงานสำหรับช่วยเหลือเด็กนักเรียน เพื่อให้มีอาชีพ มีงานทำ และได้พยายามหาผู้ร่วมงานที่ดีจากบรรดาเยาวชนเหล่านี้  กิจการของท่านเติบโตและขยายตัวจากตูรินไปยังเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว  ท่านมีความรู้สึกว่างานทั้งหมดของท่านเป็นหนี้ต่อ “พระนางมารีอาที่พึ่งของคริสตชน” จากการที่ท่านได้ทุ่มเทเสียสละและอุทิศตนทำงานเพื่อบรรดาเด็กและเยาวชนดังกล่าว จึงได้รับสมญานามว่า “บิดาและอาจารย์ของเยาวชน

ผู้ตั้งคณะซาเลเซียน
พันธกิจอันยิ่งใหญ่ในการอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชน จำเป็นต้องมีความมั่นคงและได้รับการสานต่อ ดังนั้นคุณพ่อบอสโกได้ขออนุมัติจากสันตะสำนักเพื่อจัดตั้งคณะนักบวชขึ้น โดยได้มอบไว้ในความคุ้มครองของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาล ผู้ใจดีมีเมตตา สุภาพอ่อนโยน และยิ้มแย้มแจ่มใส อันเป็นที่มาของชื่อ ซาเลเซียน” และจิตตารมณ์ของคณะ อีกทั้งยังได้ตั้งคณะนักบวชหญิง “ธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์” ร่วมกับนักบุญมารีอา โดเมนีกา มัสซาเรลโล เพื่อช่วยงานและสานต่อพันธกิจของท่าน
กิจการและงานของคณะซาเลเซียนขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่คุณพ่อบอสโกมักจะพูดเสมอว่า “ท่านไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นแม่พระที่ทำทุกอย่าง” ที่ทำให้ความฝันของท่านเวลาเป็นเด็กกลายเป็นความจริง  ก่อนจะสิ้นใจเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1888 (พ.ศ. 2431) ท่านได้บอกสมาชิกที่รายล้อมด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ขอให้รักกันเหมือนพี่น้อง ทำดีกับทุกคน  ไม่ทำชั่วต่อใคร” นี่คือชีวิตและวาระสุดท้ายของบิดาและอาจารย์แห่งเยาวชน ซึ่งเป็นเหมือนกับของขวัญอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับพระศาสนจักรและโลก
คุณพ่อบอสโกได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ในวันอาทิตย์สมโภชปัสกา วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1934 (พ.ศ. 2477) โดยมีวันฉลองตรงกับวันที่ 31 มกราคมของทุกปี คณะซาเลเซียนที่ท่านก่อตั้งเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบัน มีสมาชิก 16,568 คน, มีบ้าน 2,711 หลัง, มีโรงเรียนประเภทต่างๆ หลายพันโรงกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ กว่า 128 ประเทศทั่วโลก (ข้อมูล 31 ธันวาคม 2005) นับเป็นคณะนักบวชชายที่ใหญ่ที่สุดในพระศาสนจักร สมาชิกที่มีตำแหน่งสำคัญในพระศาสนจักรเวลานี้คือ พระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน (Card. Tarcisio Bertone) เลขาธิการรัฐวาติกัน
อนึ่ง คณะซาเลเซียนได้เข้ามาในประเทศไทยในปี ค.ศ. 1904 (พ.ศ. 2447) โดยเริ่มงานที่บางนกแขวก จังหวัดสมุทรสาคร และมีส่วนสำคัญในการอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะด้านการศึกษาการอบรมผู้เตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการช่วยพระศาสนจักรไทยในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการเบียดเบียนศาสนาและมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสถูกขับออกนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ดังนั้นโอกาสฉลอง 125 ปีแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรมในปีนี้ ควรที่อนุชนรุ่นหลังจะรำลึกพระคุณของคณะซาเลเซียน
Don  Daniele
Torino, ITALY
18 settembre 2009

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

การเรียกให้มาเป็นศิษย์



การเรียกให้มาเป็นศิษย์
สัปดาห์ที่ 3
เทศกาลธรรมดา
ปี A
อสย 9:1-4
1 คร 1:10-1, 17
มธ 4:12-23
บทนำ
ชายคนหนึ่งไปตัดผมที่ร้านแห่งหนึ่ง เมื่อช่างตัดผมเริ่มตัดผม ทั้งคู่สนทนากันอย่างถูกคอ เรื่องที่พูดคุยกันมีหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องศาสนาด้วย เมื่อรู้ว่าลูกค้าของตนเป็นคริสตชน ช่างตัดผมได้พูดขึ้นว่า “ผมไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า” ชายคนนั้นถามว่า “ทำไมคุณถึงพูดเช่นนั้น” ช่างตัดผมอธิบายว่า “คุณลองออกไปในถนนสิ คุณจะรู้ว่าไม่มีพระเจ้าจริงๆ หากมีพระเจ้าช่วยบอกผมหน่อย ทำไมถึงมีความทุกข์ มีคนเจ็บป่วย และเด็กเร่ร่อนที่ถูกทอดทิ้งมากมาย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้า องค์แห่งความรักถึงปล่อยให้มีสิ่งเลวร้ายเหล่านี้”

ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่โต้ตอบอะไร เนื่องจากไม่ต้องการทำลายบรรยากาศของการสนทนา กระทั่งตัดผมเสร็จและเดินออกจากร้าน เขาเห็นชายคนหนึ่งผมเผ้ารุงรัง สกปรก หนวดเครายาวน่าเกลียด จึงเดินกลับเข้ามาในร้านตัดผมอีกครั้งและพูดกับช่างตัดผมว่า “คุณรู้ไหมว่าช่างตัดผมไม่มีอยู่จริงหรอก” ช่างตัดผมรู้สึกแปลกใจและยืนยันว่า ผมนี่ไง ผมเป็นช่างตัดผมและเพิ่งตัดผมให้คุณไปหยกๆ”

ชายคนนั้นย้ำว่า “ไม่จริง หากช่างตัดผมมีอยู่จริง คงไม่มีคนผมเผ้ารุงรังสกปรกเหมือนชายคนที่คุณเห็น” ช่างตัดผมแย้งว่า “สาเหตุที่ชายคนนั้นผมยาว หน้าตาดูไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมมาหาผม” ชายนั้นพูดบ้างว่า “จริงทีเดียว การมีอยู่ของพระเจ้าเป็นเช่นเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เวลานี้เพราะไม่ยอมมาหาพระองค์ พวกเขาไม่ต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ ดังนั้น โลกของเราจึงเต็มไปด้วยความทุกข์และความเลวร้ายต่างๆ”

การเป็นศิษย์และศาสนบริการเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคริสตชน เราแต่ละคนได้รับการเรียกให้มาเป็นศิษย์และรับใช้ พระเยซูเจ้ายังคงกระทำภารกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์ต่อไปในโลกสำหรับมนุษยชาติผ่านทางพระศาสนจักร ซึ่งไม่ได้หมายถึงศาสนบริกรที่ได้รับศีลบวชคือพระสงฆ์และนักบวชเท่านั้น แต่พระศาสนจักรหมายถึงเราทุกคน ความทุกข์ยากลำบากยังคงมีอยู่ในโลก เพราะคริสตชนแต่ละคนไม่ได้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์ ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์ “กระแสเรียกของเราแต่ละคนคือการรับใช้คนอื่น” (ลีโอ ตอลสตอย)

1.         การเรียกให้มาเป็นศิษย์
ในพระวรสารวันนี้ บอกให้เราทราบถึงการเริ่มต้นพันธกิจของพระคริสตเจ้า พระองค์เสด็จไปแคว้นกาลิลี ทรงเทศน์สอนในศาลาธรรมและประกาศข่าวดีแห่งอาณาจักรพระเจ้า พระองค์ทรงเรียกศิษย์กลุ่มแรกคือ เปโตร อันดรูว์ ยากอบ และยอห์น ซึ่งเป็นชาวประมงที่เมืองการ์เปอร์นาอุม เพื่อร่วมส่วนในพันธกิจของพระองค์และเป็นพยานถึงพระองค์ในโลก โดยตรัสกับซีโมนและอันดรูว์ว่า “จงตามเรามา เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงจับมนุษย์” พวกเขาล้วนเป็นชาวประมงธรรมดา เป็นคนต่ำต้อย ไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก สิ่งที่พวกเขารู้ดีที่สุดคือการจับปลา

พระเยซูเจ้าทรงเริ่มงานที่เมืองการ์เปอร์นาอุมในฐานะเป็นแสงสว่างยิ่งใหญ่ ที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงในบทอ่านแรก ข่าวดีที่พระองค์ทรงประกาศคือ “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” คำเชื้อเชิญให้ “กลับใจ” (Metanoia) ของพระองค์คือการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าด้วยการตอบสนองการเรียกของพระองค์ เป็นการเรียกให้เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินชีวิตแบบถอนรากถอนโคน ไม่ใช่การเรียกให้เสียใจต่อบาปที่เรากระทำในอดีต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจิตใจเพื่อทำงานของพระเจ้า

ดังนั้น ศิษย์กลุ่มแรกขอพระเยซูเจ้า จึงเป็นผู้ร่วมงานที่มีส่วนในงานและพันธกิจของพระองค์ เมื่อได้รับการเรียกพวกเขาได้ตอบรับทันทีโดยไม่ลังเล พวกเขาละทิ้งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการหาปลาที่พวกเขาใช้เลี้ยงชีพ บิดามารดาและครอบครัว เพื่อเป็นศิษย์ติดตามพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข ในหมู่พวกเขาไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้จักพระเยซูเจ้ามาก่อน แต่เมื่อได้รับการเรียก พวกเขาหยุดงานที่กำลังทำอยู่ทันที ละทิ้งทุกสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของเพื่อมาอยู่กับพระองค์

2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องตอบสนองการเรียกของพระเจ้าทันที นักบุญเปาโลได้ย้ำกับคริสตชนชาวโครินทร์ในบทอ่านที่สองว่า ทุกคนได้รับการเรียกให้มาเป็นศิษย์และศาสนบริกรของพระคริสตเจ้า มีส่วนในภารกิจของพระองค์ในการเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดให้แก่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้แสงสว่างแห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัยของพระคริสตเจ้าฉายแสงในตัวเรา เพื่อคนอื่นที่เห็นกิจการดีในตัวเรา จะได้ชมสรรเสริญพระบิดาเจ้าของเรา

ประการที่สอง เราต้องประกาศข่าวดีแห่งอาณาจักรของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเดินทางไปทั่วแคว้นกาลิลีเพื่อประกาศข่าวดีแห่งอาณาจักรของพระเจ้า และทรงมอบพันธกิจนี้ให้แก่เราตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาป เราถูกเรียกร้องให้เจริญชีวิตในความรัก ยุติธรรมและสันติที่พระองค์ประกาศ เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งความรัก ความยุติธรรมและสันติสุขให้บังเกิดขึ้น โดยเริ่มจากในครอบครัว สังคม และหมู่คณะของเรา

ประการที่สาม เราต้องละทิ้งบางสิ่งและติดตามพระเยซูเจ้า สาวกรุ่นแรกได้ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระเยซูเจ้า ในการเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้าจะต้องละทิ้งสิ่งที่เราเป็นเจ้าของโดยไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำใจของเรา เพื่อเราจะสามารถอุทิศตนรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องได้อย่างเต็มที่ เราจะต้องเป็นอิสระในการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากกว่าน้ำใจของเรา และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ที่มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น รัก รับใช้ และมอบชีวิตเพื่อทุกคนโดยไม่แบ่งแยก

บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้มาเป็นคริสตชนและเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ทำให้เราได้รับแสงสว่างและมีส่วนในพันธกิจของพระองค์ในโลกนี้ นั่นไม่ใช่เพราะเราดีกว่าคนอื่น แต่เพราะความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงรักเราและเรียกเราทุกวันให้ติดตามพระองค์ เราจะต้องไม่ลังเลในการติดตามและเลียนแบบอย่างของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรัก การรับใช้ และการให้อภัยของพระคริสตเจ้าในชีวิตประจำวัน

ให้เราได้รักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคริสตชน และพยายามทุกวิถีทางในการขยายอาณาจักรของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการดำเนินชีวิตเป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้ของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน ในการรักและรับใช้ซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก เริ่มจากนครอบครัว ที่ทำงาน และที่ที่เราอยู่ เช่นนี้เอง เราถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนและเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
24 มกราคม 2014

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

สลากการกุศล กองทุนยอแซฟผู้ชอบธรรม



โครงการกองทุน “ยอแซฟผู้ชอบธรรม”

โรงเรียนในเครืออัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
1.           ชื่อโครงการ
กองทุน “ยอแซฟผู้ชอบธรรม” โรงเรียนในเครืออัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
2.           หลักการและเหตุผล
ด้วยฝ่ายการศึกษาและอบรมอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ซึ่งรับผิดชอบโรงเรียนในเครืออัครสังฆมณฑลทั้ง 7 แห่ง ประกอบด้วยโรงเรียนเซนต์ยอแซฟยานนาวา กรุงเทพฯ, โรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร, โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกาฬสินธุ์, โรงเรียนเซนต์ยอแซฟมุกดาหาร, โรงเรียนเซนต์ยอแซฟนาแก, โรงเรียนเซนต์ยอแซฟศรีสงคราม และโรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์ มีความมุ่งหวังที่จะจัดตั้งกองทุน “ยอแซฟผู้ชอบธรรม” ขึ้น เพื่อเป็นทุนสวัสดิการบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในเครือ ให้มีขวัญและกำลังใจในการทำงาน

อีกทั้ง เป็นการหารายได้สมทบทุนการก่อสร้างอาคารเรียนก่อนประถมศึกษาโรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์ที่กำลังก่อสร้าง และเป็นทุนในการจัดงานเทิดเกียรตินักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียนในเครือ ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2557 นี้ ฝ่ายการศึกษาและอบรมจึงได้จัดทำสลากการกุศล เพื่อบอกบุญผู้มีจิตศรัทธา ผู้ปกครอง คณะครูและนักเรียนโรงเรียนในเครือ รวมถึงโรงเรียนคาทอลิกทั่วไป ตลอดจนคริสตชนตามวัดต่างๆ ในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ให้มีส่วนร่วมในเนื้อนาบุญและสร้างกุศลในครั้งนี้

จึงบอกบุญมายังทุกฝ่าย ในอันที่จะช่วยให้โครงการนี้สำเร็จ มีกองทุนสวัสดิการสำหรับบุคลากรทางการศึกษา มีรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนการก่อสร้างอาคารเรียนที่กำลังก่อสร้างให้สำเร็จ ช่วยให้งานด้านการศึกษาของอัครสังฆมณฑลเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรับใช้สังคมและพระศาสนจักร
 อาคารเรียนอนุบาลโรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์ที่กำลังก่อสร้าง
3.           วัตถุประสงค์
3.1    เพื่อจัดตั้งกองทุน “ยอแซฟผู้ชอบธรรม” สำหรับบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในเครือ
3.2    เพื่อหารายได้สมทบทุนการก่อสร้างอาคารเรียนก่อนประถมศึกษาโรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
3.3    เพื่อจัดงานเทิดเกียรตินักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน
4.           เป้าหมาย
4.1    โรงเรียนในเครือทุกโรงมีเงินทุนสำหรับจัดตั้งกองทุน “ยอแซฟผู้ชอบธรรม”
4.2    โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์มีรายได้สมทบทุนสร้างอาคารเรียนที่กำลังก่อสร้าง
4.3    บุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในเครือได้รับการพัฒนาสู่มาตรฐานสากล
5.           วิธีการในการดำเนินโครงการ
5.1    ประชุมผู้บริหารโรงเรียนในเครือจัดทำโครงการ
5.2    นำเสนอโครงการผ่านคณะกรรมการบริหารอัครสังฆมณฑลและที่ประชุมคณะที่ปรึกษา
5.3    จัดหาของรางวัลและจัดพิมพ์สลาก
5.4    แจกจ่ายสลากไปตามโรงเรียนในเครือ โรงเรียนคาทอลิก วัด และผู้มีอุปการคุณ
5.5    จัดงานวันเทิดเกียรตินักบุญยอแซฟ วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2557
 สลากการกุศล กองทุน "ยอแซฟผู้ชอบธรรม" และของรางวัล
6.           ผู้รับผิดชอบโครงการ
6.1    อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
6.2    ฝ่ายการศึกษาและอบรมอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
6.2.1                คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์                ผู้อำนวยการฝ่ายและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
6.2.2                คุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ             กรรมการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟยานนาวา กรุงเทพฯ
6.2.3                คุณพ่อสุกิจ นารินรักษ์             กรรมการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟนาแก
6.2.4                คุณพ่อสุริยา ผันพลี                 กรรมการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟมุกดาหาร
6.2.5                คุณพ่อวีรพงศ์ โพธิมล             กรรมการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟกาฬสินธุ์
6.2.6                คุณพ่อวิรัช นารินรักษ์                         กรรมการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร
6.2.7                คุณพ่ออดิพงศ์ แสนสุริวงศ์     กรรมการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟศรีสงคราม
7.           ระยะเวลาในการดำเนินการ
วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 19 มีนาคม 2557
8.           สถานที่จัดงาน
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์ 299 ม.10 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ 46110
9.           งบประมาณ
9.1 ประมาณการรายรับ
9.1.1    ได้รับการอนุเคราะห์ของรางวัลจากบริษัทและห้างร้านต่างๆ             300,000.- บาท
9.1.2                ได้รับการสนับสนุนขายสลากการกุศลจากทุกภาคส่วน        3,000,000.- บาท
9.2    ประมาณการรายจ่าย
9.2.1                ค่าพิมพ์สลากการกุศล จำนวน 6,000 เล่ม                   ราคา      50,000.- บาท
9.2.2                ค่าทำเสื้อที่ระลึก “ยอแซฟผู้ชอบธรรม” 500 ตัว          ราคา      50,000.- บาท
10.  ผลที่คาดว่าจะได้รับ
10.1     บุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในเครือมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน
10.2     บุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในเครือได้รับการพัฒนาคุณภาพสู่สากล
10.3     คณะครูและนักเรียนโรงเรียนในเครือเข้าใจถึงคุณธรรมและความสำคัญของนักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน
 อนุสาวรีย์นักบุญยอแซฟที่โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
หมายเหตุ
1)           ท่านสามารถติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์ มือถือ 086-2313231, คุณพ่อวีรพงศ์ โพธิมล มือถือ 087-9535142 และคุณพ่อวิรัช นารินรักษ์ มือถือ 081-7681365
2)           ท่านสามารถโอนเงินเข้าบัญชี “ร.ร. เซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์ กองทุนยอแซฟผู้ชอบธรรม” ธนาคารกรุงไทย สาขากุฉินารายณ์ เลขที่บัญชี 416-0-46320-7
3)           ท่านสามารถติดตามประกาศผลรางวัลได้ที่ www.sjkcn.ac.th, http://dondaniele.blogspot.com/, www.facebook.com/saintjosephkuchinaraischool