วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

พุธรับเถ้า วันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต

วันพุธรับเถ้า เทศกาลมหาพรต
ยอล 2:12-18
2 คร 5:20; 6:2
มธ 6:1-6, 16-18
พุธรับเถ้า วันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต

บทนำ

วันพุธรับเถ้า เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการภาวนา การใช้โทษบาป และการจำศีลอดอาหาร ซึ่งเป็นการเตรียมสำหรับการเฉลิมฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าหรือสมโภชปัสกา วันนี้จึงเป็นวันเริ่มต้น 40 วันแห่งการเลียนแบบพระเยซูเจ้าที่ทรงจำศีลอดหารหารในถิ่นทุรกันดารและได้รับการทดลองจากปีศาจ ดังนั้น คริสตชนแต่ละคนจะต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้าตลอด 40 วันนี้

การโรยเถ้าบนศีรษะเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการเป็นทุกข์กลับใจ เถ้าในสมัยโบราณเป็นเครื่องหมายของการเป็นทุกข์ถึงบาป อันแสดงถึงการเป็นทุกข์เสียใจในบาปและความผิดที่ตนเองได้กระทำ เถ้าที่เราใช้ทำมาจากใบลานที่ได้รับการเสกในวันอาทิตย์ใบลาน ซึ่งนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการใช้โทษบาปและการสำนึกผิดแล้ว ยังเตือนใจเราให้ตระหนักว่า พระเจ้าทรงความเมตตากรุณาต่อผู้ที่เรียกหาพระองค์ด้วยดวงใจที่สำนึกผิด เราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปและได้รับการเรียกให้กลับใจมาหาพระเจ้า

ในระยะเริ่มแรกของพระศาสนจักร เทศกาลมหาพรต เป็นช่วงเวลาของการเตรียมผู้ที่จะกลับใจเป็นคริสตชน ให้ได้รับศีลล้างบาปและศีลกำลัง ในสมัยต่อมา เทศกาลมหาพรต ได้กลายเป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน เป็นการไตร่ตรองเกี่ยวกับการเดินทางสู่เขากัลวารีโอของพระเยซูเจ้า ที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและจบลงด้วยการกลับคืนชีพ อีกทั้ง ยังเป็นช่วงเวลาสำหรับคนบาปที่กระทำบาปสาธารณะจะได้กลับใจ ด้วยการไปสารภาพบาปกับพระสังฆราชหรือพระสงฆ์

เริ่มต้นมหาพรตอย่างไร

พระศาสนจักรแนะนำบรรดาสัตบุรุษให้ใช้ช่วงเวลาตลอด 40 วันนี้ในการภาวนา การจำศีลอดอาหาร และการให้ทาน ซึ่งถือเป็น 3 เสาหลักที่สำคัญในการถวายเกียรติและรับใช้พระเจ้าในเทศกาลมหาพรต ในเวลาเดียวกันพระศาสนจักรยังเชิญชวนให้เราได้เตรียมจิตใจของเรา สำหรับการเฉลิมฉลองการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ด้วยการชำระจิตใจของเราให้สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากบาป สวมใส่จิตใจใหม่ขององค์พระคริสตเจ้า

ประการแรก การภาวนา เป็นการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ยกความคิดและจิตใจของเราขึ้นหาพระเจ้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ พระศาสนจักรคาดหวังว่า เราจะให้เวลามากขึ้นในการภาวนาระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้ พระเยซูเจ้าทรงบอกให้เราเข้าไปในห้องหรือสถานที่สงัดเงียบ ปิดประตูและภาวนาถึงพระบิดาเจ้าแบบส่วนตัว เพราะพระองค์ทรงล่วงรู้ทุกสิ่งและจะประทานบำเหน็จให้เรา พึงระลึกว่า “การภาวนาที่สม่ำเสมอ ช่วยให้เรามีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า”

ประการที่สอง การอดอาหาร เป็นเครื่องช่วยให้เรารู้จักบังคับและควบคุมแตนเอง อีกทั้ง ช่วยให้เราภาวนาได้ดียิ่งขึ้น ความรู้สึกหิวเตือนใจเราให้กระหายหาพระเจ้า นอกนั้น การอดอาหารจะต้องเชื่อมโยงไปถึงความใส่ใจต่อผู้ที่กำลังหิวโหยอันเนื่องจากความยากจน ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระบบเศรษฐกิจและการเมืองที่อยุติธรรม รวมถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในลักษณะต่างๆ การอดอาหารจะต้องช่วยให้เราได้ตระหนักถึงความทุกข์ยากลำบากที่ผู้คนในโลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ประการสำคัญ เราต้องสำนึกเสมอว่า “การอดอาหารที่ปราศจากการเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า”

ประการสุดท้าย การให้ทาน เป็นการตอบสนองต่อพระเจ้า ซึ่งถือเป็นผลที่เกิดจากการภาวนาและการอดอาหาร เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อพระเจ้าที่ได้ประทานทุกสิ่งแก่เรา การให้ทานจึงเป็นเครื่องหมายว่าเราใส่ใจต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อีกทั้ง เป็นเครื่องหมายภายนอกที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ถ่อมตน สำนึกผิด และเมตตาต่อผู้อื่น อันเกิดจากการเจริญชีวิตและความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

ดังนั้น การให้ทานจึงเป็นกิจการแห่งความรัก ซึ่งเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำหรับศิษย์ของพระคริสตเจ้าที่มีต่อผู้ที่กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ พระเยซูเจ้าตรัสกับเราชัดเจนว่า “เมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำลังทำสิ่งใด” พระองค์ทรงเรียกร้องจากเราให้ทำความดีหรือประกอบกิจเมตตาแบบ “ปิดทองหลังพระ” มิใช่ “ทำบุญเอาหน้า” เพื่อหวังให้คนเห็นหรือยกย่องอย่างคนทั่วไป แต่จะต้องทำเพราะเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง

บทสรุป

พี่น้องที่รัก วันนี้เราได้รับการโปรยเถ้าและเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการกลับใจมาหาพระเจ้า เพื่อเตรียมจิตใจเราสำหรับการสมโภชปัสกาและกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้า ในช่วงเวลาการเดินทางนี้เราจึงต้องละทิ้งกิจการชั่วร้ายและนิสัยไม่ดีต่างๆ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าในตัวของเราจืดจางไป ด้วยการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่และสวมใส่ดวงใจขององค์พระคริสตเจ้า

ขอให้เราได้ใช้ช่วงเวลาตลอด 40 วันในเทศกาลมหาพรตนี้ใน การปฏิบัติกิจศรัทธา ประกอบกิจเมตตา และทำบุญให้ทานมากกว่าที่เคยกระทำ โดยไม่หวังให้ใครชม แต่เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนพี่น้อง ด้วยการช่วยเหลือแบ่งปันกันอย่างสุดความสามารถ เพื่อว่า เทศกาลมหาพรตในปีนี้จะได้เป็นช่วงเวลาของการ “มาหาพระ” อย่างแท้จริง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
8 มีนาคม 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น