วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คำอธิษฐานเพื่อบรรดาคริสตชน

คำอธิษฐานเพื่อบรรดาคริสตชน
วันพฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
กจ 22:30; 23:6-21
ยน 17:20-26
ความเป็นหนึ่งเดียวกันถือเป็นสิ่งสำคัญของทุกหน่วยงานและองค์กร ที่จะทำให้หน่วยงานหรือองค์กรนั้นก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ กล่าวกันว่าในทางวิทยาศาสตร์การที่จะทำให้ของสองสิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้มีสองวิธี 1) การใช้ความเย็นทำให้จับตัวเป็นน้ำแข็ง และ 2) การใช้ความร้อนหลอมละลายเป็นของเหลว สำหรับการเป็นหนึ่งเดียวกันแบบพี่น้องในหมู่คริสตชน จำเป็นต้องใช้ความรักและความเมตตาตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า
พระวรสารวันนี้เป็นตอนสุดท้ายของคำอธิฐานภาวนาของสงฆ์ผู้สุดสุด พระเยซูเจ้าได้ภาวนาเพื่อผู้ที่เชื่อในบรรดาศิษย์ อันหมายถึงบรรดาคริสตชนและเราแต่ละคน ทรงภาวนาเพื่อทุกคนที่จะเชื่อและติดตามพระองค์ในอนาคต เพื่อพวกเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนพระองค์กับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการประทับอยู่ของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพระองค์กับพระบิดา เป็นต้นแบบแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของบรรดาศิษย์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระองค์ ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาเสมอแม้จะจากไปแล้ว โดยทางศีลล้างบาป เราได้เป็นหนึ่งเดียวกับบรรดาศิษย์และเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า เมื่อเรารับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท เชื่อและปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ พระบิดา พระบุตร และพระจิตจะเสด็จมาประทับอยู่ในเรา
คำอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้า เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของบรรดาศิษย์ยังคงท้าทายและต้องการคำตอบ เราไม่เพียงภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น แต่เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่คริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา การรับใช้ และการให้อภัยตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า เป็นต้นในครอบครัว สังคมและหมู่คณะ เราได้ภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้บ่อยแค่ไหนในชีวิตของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
31 พฤษภาคม 2017
ภาพประกอบ: พิธีปิดงานครบรอบ 100 ปีแห่งความเชื่อ, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่; 1984-12-10

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

แม่พระเสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ

แม่พระเสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ
31 พฤษภาคม
ฉลองพระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมเยียน
 ศพย 3:14-18
ลก 1:39-56
วันนี้เราฉลองพระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีหลังพระนางได้รับแจ้งข่าวจากอัครเทวดาคาเบรียลให้เป็นมารดาของพระเจ้า พระนางได้เดินทางไปยังหมู่บ้านในแคว้นยูเดียที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร เพื่อแบ่งปันพระพรแห่งความยินดีของการเป็นมารดา และปรนนิบัติรับใช้นางเอลีซาเบธที่กำลังจะให้กำเนิดยอห์น บัปติสต์
เราสรรเสริญพระนางมารีย์ในความเอาใจใส่ของพระนางต่อญาติ และเราสรรเสริญพระเจ้าที่การเสด็จเยี่ยมของพระนางได้นำพระพรมากมายมาสู่เรา การฉลองนี้ช่วยเราให้ตระหนักถึงงานช่วยมนุษย์ให้รอดที่พระเยซูเจ้านำมาสู่โลก และยังคงดำเนินต่อไปอาศัยพระจิตของพระองค์ในตัวเรา  ทรงต้องการให้พระมารดาของพระองค์มีบทบาทสำคัญในการช่วยมนุษย์ให้รอด ดังนั้น เราจึงเรียกการเสด็จเยี่ยมนี้ว่า การฉลองการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้า
พระเยซูเจ้าประทับอยู่ในครรภ์ของพระนางมารีย์ ได้นำความยินดีและพระพรมาสู่นางอลีซาเบธและบุตรในครรภ์ของนาง การประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าได้ทำให้ชีวิตคริสตชนของเรามีความหมายและเต็มเปี่ยมด้วยความยินดี ดังนั้น ในวันฉลองพระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ พระศาสนจักรได้เชื้อเชิญเราได้ค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงแห่งชีวิตคริสตชน และที่มาแห่งความยินดีแท้จริงแบบคริสตชน
ประการแรก เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า นางเอลีซาเบธค้นพบการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในตัวพระนางมารีย์ขณะที่กล่าวคำทักทายเธอ (เทียบ ลก 1:43) ความเชื่อบอกเราว่าพระเยซูเจ้าทรงใช้หลายวิถีทางเพื่อประทับอยู่ท่ามกลางเรา อาทิ ทรงให้ความมั่นใจกับเราเมื่อเรารวมตัวกันภาวนา (เทียบ มธ 18:20) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงประทับอยู่ในตัวเราเมื่อเราดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ (เทียบ ยน 14:21-23) บ่อยครั้งทรงเปิดเผยให้เราได้เห็นถึงแผนการแห่งความรักของพระองค์ในเพื่อนพี่น้องของเรา
ประการที่สอง คริสตชนต้องช่วยเพื่อนพี่น้องให้ค้นพบพระเยซูเจ้า ความรักของพระนางมารีย์ได้ช่วยให้นางเอลีซาเบธค้นพบพระเยซูเจ้าในตัวพระนาง เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวและเปิดออกไปสู่ผู้อื่น เราคริสตชนต้องเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนความรักของพระเจ้า ความจริงใจและความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ซึ่งจะทำให้คนอื่นได้ค้นพบพระคริสตเจ้าในตัวเรา ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา (ยน 13:35)
การเยี่ยมเยียนนางเอลีซาเบธของพระนางมารีย์ นำความชื่นชมยินดีมาสู่นางเอลีซาเบธและเราทุกคน พระนางมารีย์ได้แสดงความรักและความเอาใจใส่ช่วยเหลือนางเอลีซาเบธตลอดสามเดือน ให้เราได้เลียนแบบอย่างของพระนางในการนำพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น ให้กำลังใจ ช่วยเหลือกันด้วยความรัก และรับใช้ด้วยความเต็มใจ คำสรรเสริญของนางเอลีซาเบธและคำตอบของพระนางมารีอา ทำให้เราทราบความจริงว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยคนสุภาพถ่อมตน ความสุภาพและความห่วงใยที่ไวต่อความต้องการของเพื่อนพี่น้อง สามารถนำผู้อื่นให้พบพระเยซูเจ้าได้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
30 พฤษภาคม 2017

คำอธิษฐานเพื่อบรรดาศิษย์

คำอธิษฐานเพื่อบรรดาศิษย์
วันพุธ
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
กจ 20:28-38
ยน 17:11-19
ชายคนหนึ่งสูญเสียภรรยาทำให้ต้องทำหน้าที่แม่และพ่อของเด็กชายวัย 6 ขวบ สองพ่อลูกเสียใจมากจนไม่อาจข่มตาหลับได้ ลูกชายได้พูดกับพ่อว่า “พ่อกำลังมองผมอยู่ไหม หากพ่อมองผมอยู่ ผมจะนอนหลับได้” พ่อตอบลูกชายว่า “พ่อกำลังมองลูกอยู่” ลูกชายหลับตาและหลับไป แต่พ่อยังหลับไม่ลง ไปที่หน้าต่างมองดูท้องฟ้าและพูดว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์กำลังมองดูลูกอยู่ไหม หากพระองค์มองดู ลูกจะหลับพักผ่อนได้”
 พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระบิดาเจ้าเพื่อบรรดาศิษย์ของพระองค์ ให้ตระหนักถึงความจริงที่ว่า 1) พระบิดาเจ้าทรงมองดูพวกเขาอยู่ ดังนั้นชีวิตของพวกเขาต้องฉายแสงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และ 2) โลกเกลียดชังพวกเขาเพราะเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า แต่พระองค์มิได้ขอให้พระบิดาเอาพวกเขาออกจากโลก พวกเขาต้องเป็นพยานถึงพระบิดาเจ้าในโลก
พระเยซูเจ้าทรงวอนขอพระบิดาเจ้าให้ช่วยเหลือบรรดาศิษย์เป็นพิเศษ พวกเขากำลังหมกมุ่นในโลกที่เต็มไปด้วยบาป ซึ่งเป็นความชั่วร้ายสำคัญในโลก เพราะบาปทำให้มนุษย์ถอยห่างจากพระเจ้าและหนทางแห่งความรอดนิรันดร ในฐานะที่เราเป็นผู้นำสารของพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ เราต้องตระหนักถึงอันตรายของบาปและผลของมัน ที่ทำให้พระองค์ต้องรับทรมานและสิ้นพระชนม์ เราต้องเกลียดชังและหลีกหนีบาป หันกลับมาคืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง
พระเจ้าทรงส่งเราไปในโลกเหมือนส่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อให้เราหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาในชีวิตประจำวันให้ปรากฏเป็นจริงในภาคปฏิบัติ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ทุกที่ที่เราอยู่และไป แม้โลกปัจจุบันมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่ท้อถอย ต้องกล้าเป็นพยานถึงความจริง ดังที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนเรา ให้ถือปฏิบัติความรัก มีความใจดี และมีความเมตตาเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกในชีวิต
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
30 พฤษภาคม 2017
ภาพประกอบ: ภาพวาดในงาน IEC2016, Cebu Philippines; 2016-01-29

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คำอธิษฐานของพระเยซูเจ้า

คำอธิษฐานของพระเยซูเจ้า
วันอังคาร
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
กจ 20:17-27
ยน 17:1-11
คำอธิษฐานของพระเยซูเจ้าที่กล่าวถึงในพระวรสารวันนี้ เป็นคำอธิษฐานที่พระเยซูเจ้าภาวนาต่อพระบิดาเจ้าสำหรับพระองค์เองและสำหรับศิษย์ของพระองค์ ที่เผยให้ทราบว่าพระองค์มิได้ทำอะไรโดยลำพัง แต่ทรงทำงานของพระบิดาเพื่อนำความรอดนิรันดร และบรรดาศิษย์เป็นส่วนหนึ่งของงานที่นำความรอดนี้ ในการสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลกเมื่อพระองค์จากโลกนี้ไปแล้ว
คำอธิษฐานนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คำอธิษฐานของสงฆ์ผู้สูงสุด (high priestly prayer) เพราะพูดถึงพระเยซูเจ้าในฐานะสงฆ์ที่กำลังถวายตนเองเป็นบูชา ด้วยการมอบชีวิตของพระองค์เองบนไม้กางเขน ในคำอธิฐานนี้พระเยซูเจ้าได้ภาวนาโดยตรงต่อพระบิดาต่อหน้าบรรดาอัครสาวก เพื่อพวกเขาได้ทราบถึงความสัมพันธ์ที่พระองค์มีต่อพระบิดาเจ้า และพระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์เคยมีร่วมกับพระบิดาตั้งแต่ก่อนสร้างโลก (ยน 17:5)
“พระสิริรุ่งโรจน์” ถือเป็นถ้อยคำสำคัญในคำอธิษฐานของพระเยซูเจ้า ในนามของพระศาสนจักรและผู้ติดตามพระองค์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต พระองค์ได้พูดถึงพระสิริรุ่งโรจน์ถึงหกครั้ง ทรงวอนขอพระบิดาได้ประทานพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระองค์  มิใช่เพื่อให้พระองค์เป็นที่รู้จัก แต่เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระองค์ นี่คือรูปแบบเดียวกันกับที่พระองค์สอนเราให้ภาวนาต่อพระบิดาเจ้าในบท “ข้าแต่พระบิดา”
เมื่อเราอธิษฐานภาวนา ก่อนอื่นหมดต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เราสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ในชีวิตประจำวัน ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การเต็มใจแบกไม้กางเขนของตน และการซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ทั้งนี้เพราะ
1)        เมื่อเราอธิษฐานภาวนา เราเปิดตนเองต่อพระเจ้าและติดต่อสัมพันธ์กับพระองค์ เพื่อให้พระองค์เปลี่ยนแปลงตัวเรา ทำให้พระเจ้ากลายเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของเรา ช่วยให้เราเปิดตนเองไปสู่ผู้อื่นและอธิษฐานภาวนาเพื่อกันและกัน
2)        เมื่อเราแบกไม้กางเขนของตน เราสรรเสริญพระเยซูเจ้า แสดงให้เห็นถึงความรักและการอุทิศตนต่อพระเจ้า ทำให้พระองค์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในกิจการที่ต่ำต้อยซึ่งเรากระทำ
3)        เมื่อเราซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เรารักพระองค์สิ้นสุดจิตใจและรักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเอง ผ่านทางงานเมตตาจิตและความเห็นอกเห็นใจที่เราแสดงออกต่อผู้อื่นในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
29 พฤษภาคม 2017
ภาพประกอบ: ภาพวาดในงาน IRC2016, Cebu, Philippines; 2016-01-28

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ความเห็นอกเห็นใจ

ความเห็นอกเห็นใจ
วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
กจ 19:1-8
ยน 16:29-33
 บทอ่านแรก หนังสือกิจการอัครสาวก เปาโลได้เดินทางไปเมืองเอเฟซัสและพบศิษย์บางคนที่ได้รับพิธีล้างของยอห์น ซึ่งเป็นพิธีชำระตนให้บริสุทธิ์ หลีกหนีบาปหันมาหาพระเจ้า ด้วยการกลับใจใช้โทษบาปตามคำสอนของยอห์น บัปติสต์ แต่การได้รับพิธีล้างยังไม่เพียงพอที่ทำให้เราเป็นคริสตชน เราต้องได้รับพระจิตเจ้าด้วย พระจิตเจ้าจะทรงนำเราให้เดินในความจริง ดำรงตนในความรัก และเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า
คำพูดที่ให้กำลังใจและแสดงถึงความเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เรากำลังเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากหรือปัญหาหนักในชีวิต พระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าได้เตรียมบรรดาศิษย์ ให้พร้อมสำหรับช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก เมื่อพระองค์จะไม่ได้อยู่กับพวกเขาอีกต่อไป
พระเยซูเจ้าทรงให้ความมั่นใจกับบรรดาศิษย์ว่าพวกเขาจะพบสันติสุข ในความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อพระองค์ “เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว” (ยน 16: 33) ทำให้พวกเรามีความหวังท่ามกลางอุปสรรคปัญหาและความยากลำบากในชีวิต
ความเห็นอกเห็นใจ (Compassion) เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ เมื่อใครได้สัมผัสแล้วจะเห็นถึงความปรารถนาดีที่ใครคนหนึ่งมีต่อเขา ทำให้มีกำลังใจและพลังอย่างเต็มเปี่ยมในการเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต ไม่ท้อแท้หรือสิ้นหวัง เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราชนะโลกแล้ว” เป็นการประกาศว่าพระองค์ได้ช่วยโลกและเราแต่ละคนให้รอดพ้น ด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
แม้พระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์ ไม่ได้อยู่ในโลกอีกต่อไปแล้ว แต่พระองค์ยังได้ส่งพระจิตเจ้ามาช่วยเราให้เอาชนะปัญหาทุกอย่าง เพื่อว่าพระองค์จะอยู่กับเราตลอดไปและใจของเราจะพบสันติสุข ให้เราได้เตรียมตัวรับพระจิตเจ้า ผู้ประทานสันติสุขและพลังให้เราสามารถเอาชนะความกลัวและปัญหาทุกอย่างในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการภาวนา และการคืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตในความรักและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
28 พฤษภาคม 2017
ภาพประกอบ: เด็กยากจนชาวลาวในงานฉลองวัดท่าแขก แขวงคำม่วน สปป. ลาว; 2017-05-27

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สารวัดป่าพนาวัลย์, ปีที่ 3 ฉบับที่ 107

Text Box:  สารวัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์

ปีที่ 3  ฉบับที่ 1067  อาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560):  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 187 หมู่ที่ 5 บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47230È086-231-3231

รา
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
ร่วมฉลองวัดนักบุญเปโตร ศรีสงคราม เสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2017
พี่น้องที่รัก วันนี้พระศาสนจักรให้เราทำการสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ หลังกลับคืนพระชนม์ชีพพระเยซูเจ้าได้อยู่กับบรรดาอัครสาวกเป็นเวลา 40 วัน จากนั้นได้เสด็จกลับไปหาพระบิดาเจ้า ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดภารกิจของพระองค์ในโลกนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งพันธกิจของพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น
พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นฉากสุดท้ายระหว่างพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวก พระองค์ได้มอบพันธกิจในการสานต่องานประกาศข่าวดีของพระองค์ในโลกแก่บรรดาศิษย์ ซึ่งหมายถึงเราทุกคนที่จะต้องเป็นพยานถึงพระองค์ ด้วยการเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร บอกเล่าเรื่องราวชีวิต พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ให้เรากราบขอขมาโทษพระองค์หากเราได้ละเลยหน้าที่นี้
 ทำโรงทานและต้นเงินร่วมฉลองวัดศรีสงคราม เสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2017
บทอ่านแรก หนังสือกิจการอัครสาวก เริ่มต้นด้วยการบรรยายให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการเสด็จสู่สวรรค์ ก่อนจะเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูเจ้าได้มอบอำนาจให้กับบรรดาศิษย์ไปประกาศข่าวดีแก่โลกทั้งมวล พระองค์ได้ทรงสัญญาว่า จะประทานพระจิตเจ้าที่จะนำทางพวกเขาในการสานต่อพันธกิจนี้ให้ประสบผลสำเร็จ
บทอ่านที่สอง นักบุญเปาโลได้อธิบายให้เข้าใจถึงความหมายของการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้าว่า พระเจ้าได้ยกพระเยซูเจ้าให้สูงขึ้นเหนือทุกสิ่ง และทำให้พระองค์เป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระกายทิพย์ของพระองค์ ในแง่นี้ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้นำที่มองไม่เห็นของพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น
พระวรสาร นักบุญมัทธิวได้เล่าเหตุการณ์การเสด็จสู่สวรรค์ว่าเกิดขึ้นบนภูเขาแห่งหนึ่ง เพราะภูเขาเป็นเครื่องหมายแห่งการปรากฏพระองค์ของพระเจ้าในพันธสัญญาเก่า ภูเขาจึงกลายเป็นฉากที่สำคัญในการประกาศเทศน์สอน รวมถึงการจากโลกนี้กลับไปหาพระบิดาเจ้า เพื่อเน้นย้ำความคิดที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาเพื่อทำให้พันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ไป
 ติดตั้งหลอดไฟพลังแสงอาทิตย์ อาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2017
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1)     ขอให้บรรดาลูกๆ นักเรียนคำสอนได้มาเรียนคำสอนในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 08.00-09.00 น. ขอพ่อแม่ผู้ปกครองได้ตักเตือนบุตรหลานของตนให้มาวัดเรียนคำสอน ในช่วงเวลาดังกล่าว
2)     ขอบคุณสภาอภิบาลที่มาช่วยกันติดตั้งหลอดไฟและสปอร์ตไลท์แสงอาทิตย์ บริเวณหน้าวัด ซุ้มประตู และตามทางเดินเข้าวัด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของการใช้ไฟฟ้า
3)     วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน 2017 วันศุกร์ต้นเดือน มีการส่งศีลมหาสนิทคนป่วยและผู้สูงอายุ
4)     วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2017 สมโภชพระจิตเจ้า
5)     วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2017 ขอเชิญร่วมฉลอง 60 ปีโรงเรียนนิรมลวิทยา ป่าหว้าน พิธีบูชาขอบพระคุณ โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เวลา 10.00 น.
6)     วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2017 ขอเชิญร่วมโมทนาคุณพระเจ้าโอกาสครบรอบวันเกิด และครบรอบ 23 ปีชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อ พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.30 น. หลังพิธีขอเชิญร่วมรับประทานอาหารที่ศาลามีคาแอลเกี้ยน เสมอพิทักษ์
7)     เงินทานวันอาทิตย์ (21 พฤษภาคม) มิสซาเช้า จำนวน 763.- บาท มิสซาเย็น 620.- บาท
 โปรดศีลเจิมคนไข้และส่งศีลมหาสนิทให้แก่อันนา อนงค์ เผ่าพงษ์ (น้องสาว อ.นนท์สมบัติ)
ที่บ้านดงบัง อ.เจริญศีลป์ อังคารที่ 23 พฤษภาคม 2017
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
วันอาทิตย์
28
10.00 น.
19.30 น.
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
†สุขสำราญ พี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
จันทร์
29
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา

วันอังคาร
30
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา

วันพุธ
31
18.30 น.
ฉลองพระนางมารีย์ เสด็จเยี่ยมเยียน

วันพฤหัสบดี
01
18.30 น.
ระลึกถึง น.ยุสติน มรณสักขี

วันศุกร์
02
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา

วันเสาร์
03
18.30 น.
ระลึกถึง น.ชาร์ล ลวงก้า และเพื่อนมรณสักขี

 ผูกแขนเลี้ยงส่งบราเดอร์ลูกวัดป่าพนาวัลย์ อังคารที่ 23 พฤษภาคม 2017
 บร.ศีลวัตร ดาลุนพัน เข้าบ้านเณรใหญ่แสงธรรม เทววิทยาปีแรก
และบร.สิทธิศักดิ์ บุญเชิด เข้าบ้านเณรกลาง นครราชสีมา


การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า

การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า
วันอาทิตย์
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
ปี A
กจ 1:1-11
อฟ 1:17-23
มธ 28:16-20
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า หลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว บรรดาทูตสวรรค์ได้มาห้อมล้อมพระองค์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับงานที่พระองค์ทรงกระทำในโลกว่าเป็นอย่างไร พระเยซูเจ้าได้บอกพวกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับงานของพระองค์ อาทิ การบังเกิด ชีวิตในโลก การเทศนาสั่งสอน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานไถ่กู้โลกให้รอดของพระองค์
อัครเทวดาคาเบรียลได้ทูลถามพระองค์ว่า “ในเมื่อเวลานี้พระองค์อยู่บนสวรรค์แล้ว ใครจะเป็นผู้สานต่องานของพระองค์ในโลก” พระเยซูเจ้าตรัสว่าขณะที่อยู่ในโลก พระองค์ได้รวบรวมคนกลุ่มหนึ่งที่รักและเชื่อในพระองค์ และพระองค์ได้มอบหมายให้พวกเขาสานต่องานของพระองค์ในการประกาศพระวรสาร ผ่านทางพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น
อัครเทวดาคาเบรียลรู้สึกฉงนใจจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระองค์หมายถึงเปโตร ที่เคยปฏิเสธพระองค์สามครั้ง และกลุ่มคนที่หนีเอาตัวรอดเวลาที่พระองค์ถูกตรึงการเขนนะหรือ” และทูลต่อว่า “หากแผนนี้ใช้ไม่ได้ผลละ พระองค์จะทำอย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่มีแผนอื่นอีก” เป็นความจริงว่าพระเยซูเจ้าไม่มีแผนสอง แผนสาม พระองค์ได้มอบงานทุกอย่างไว้กับผู้ติดตามพระองค์ ภายใต้การนำของพระจิตเจ้า
1.        การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า
ทุกสัปดาห์เราประกาศว่า “(พระเยซูเจ้า) เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระบิดา” การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้าเป็นหัวใจของแผนการของพระเจ้า ทำให้พันธกิจของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์ ได้รับเกียรติรุ่งโรจน์กับพระเจ้า พระบิดา และปัจจุบันพระองค์ทรงประทับอยู่กับเราในองค์พระจิตเจ้า “เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20) ดังนั้น การเสด็จสู่สวรรค์จึงหมายถึงการที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่กับพระบิดาเจ้าอย่างรุ่งเรือง
พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นถึงฉากสุดท้ายระหว่างพระเยซูเจ้ากับอัครสาวก ก่อนจากกันพระองค์ได้มอบพันธกิจสำคัญให้กับพวกเขา “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา” (มธ 28:19) ปฏิกิริยาของพวกเขาหลังจากนั้นคือ “กลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า” (ลก 24:52-53) ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับก่อนหน้านั้น ที่ชุมนุมกันแต่ในห้องชั้นบนเพราะกลัวชาวยิว
พระเยซูเจ้าได้สั่งบรรดาอัครสาวกให้เป็นพยานที่กรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย และจนสุดปลายแผ่นดิน (กจ 1:8) พระองค์ได้มอบพันธกิจในการเป็นพยานถึงพระองค์ ด้วยการเทศน์สอนและการเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร ด้วยการออกไปบอกเล่าเรื่องราวชีวิต พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ทรงให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าพระจิตเจ้าจะทรงช่วยเหลือให้พันธกิจนี้ดำเนินต่อไป ประการสำคัญ พระองค์ทรงสัญญาจะอยู่กับพวกเขาเสมอไปจนสิ้นพิภพ

2.        บทเรียนสำหรับเรา
การสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์และพระวรสารในวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราจะต้องเป็นผู้ประการพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้มอบพันธกิจให้แก่ผู้มีความเชื่อทุกคน “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา” (มธ 28:19) มีความแตกต่างระหว่างการเทศน์สอนกับการประกาศ เราสอนด้วยคำพูด แต่เราประกาศด้วยชีวิตของเรา นั่นหมายความว่า เราถูกส่งไปให้ประกาศข่าวดีแห่งความรักและชีวิต ข่าวดีแห่งความหวังและสันติสุข ในการเป็นพยานด้วยชีวิตของเรา โดยเริ่มต้นจากในครอบครัว หมู่คณะและวัดของเรา
ประการที่สอง เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ให้ความมั่นใจว่าจะอยู่กับเราตลอดไป แม้ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบากในชีวิต ดังที่นักบุญเอากุสตินกล่าวเอาไว้ว่า “เวลานี้พระเยซูเจ้าได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในสวรรค์ แต่ยังคงทรมานในโลก ในความเจ็บปวดและความทุกข์ระทมที่พระกายทิพย์ของพระองค์ได้รับ” แม้จะอยู่ในสวรรค์แล้ว แต่ยังทรงอยู่กับเราในโลกนี้
ประการที่สาม เราต้องดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซูเจ้า เป็นความจริงว่าพระองค์ทรงอยู่กับเรา แต่ปัญหาคือ เราได้อยู่กับพระองค์หรือเปล่า ดังนั้น เราต้องดำเนินชีวิตในพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรักที่เรามีต่อกัน ในการภาวนาร่วมกัน ในการเป็นแสงสว่างแห่งความเชื่อ เพื่อคนอื่นจะได้เห็นความรักและความดีในตัวเรา ต้องทำให้พระวาจาของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเรา

บทสรุป
พี่น้องที่รัก เป็นความปรารถนาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าก่อนจะจากบรรดาศิษย์สู่สวรรค์ พระองค์ทรงต้องการให้เราประกาศพระวรสารแก่ทุกคนในโลก นี่เป็นเหมือนกับเจตจำนงสุดท้ายที่ทรงต้องการจากศิษย์ของพระองค์ เราได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารแล้วตั้งแต่วันที่เรารับศีลล้างบาป ดังนั้น เราต้องนำข่าวดีนี้ไปสู่ผู้อื่น ความเชื่อที่เรามีมิใช่สมบัติส่วนบุคคลที่ต้องเก็บรักษาไว้กับตนเอง แต่ต้องแบ่งปันกับผู้อื่นด้วยชีวิตของเรา
พระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นความหวังสำหรับเราว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์เช่นเดียวกัน หากดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ในอีกด้านหนึ่ง สวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้า ดังนั้น เราต้องอุทิศตนเองเพื่อทำให้โลกนี้กลายเป็นสวรรค์ที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ สวรรค์บังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ในโลกนี้ ในความรักต่อกัน ในการให้อภัยความผิดของกันและกัน ในการรับใช้ซึ่งกันและกัน และในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะ และวัดของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
27 พฤษภาคม 2017