วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

ความเชื่อในพระเยซูเจ้า

ความเชื่อในพระเยซูเจ้า
วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
กจ 6:8-15
ยน 6:22-29
การทวีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวเลี้ยงคนเป็นจำนวนมากของพระเยซูเจ้า ได้ก่อให้เกิดผลที่ตามมามากมาย แม้ประชาชนได้กินขนมปังจนอิ่ม แต่พวกเขายังรู้สึกไม่เพียงพอ ยังมีความต้องการอีก คนจำนวนมากได้ออกตามหาพระเยซูเจ้า ส่วนหนึ่งเพราะการได้เห็นเครื่องหมาย ได้ฟังพระวาจา และได้กินขนมปังที่พระองค์ทรงทวีในวันนั้น สะท้อนแรงจูงใจของมนุษย์ที่แสวงหาสิ่งที่ตนเองพึงพอใจ
พระเยซูเจ้าทรงล่วงรู้ความต้องการของประชาชนเหล่านั้น และได้ย้ำเตือนถึงอาหารฝ่ายจิตที่มิเสื่อมสลายแต่ให้ชีวิตนิรันดร “อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป แต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้” (ยน 6:27) ซึ่งอาหารนี้พระเจ้าทรงประทานแก่เราผ่านทางพระบุตรของพระองค์ ดังนั้น เราจึงต้องเชื่อในพระเยซูเจ้าผู้ซึ่งพระเจ้าทรงส่งมา นี่คือ สิ่งที่เราพึงกระทำเพราะพระองค์ทรงเป็นอาหารฝ่ายจิตที่หล่อเลี้ยงชีวิตและทำให้เราเติบโต
 พระเยซูเจ้าไม่ได้เรียกร้องให้เราทำในสิ่งที่เกินความสามารถของเรา แต่ให้เชื่อในผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมา “กิจการของพระเจ้าก็คือให้ท่านทั้งหลายเชื่อในผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา” (ยน 6:29) อาศัยความเชื่อทำให้เราพร้อมที่จะทำงานทุกอย่างของพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ความเชื่อจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญของการติดตามพระคริสตเจ้า สำหรับผู้มีความเชื่อแล้วไม่มีสิ่งไหนที่เป็นไปไม่ได้
คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2016  เป็นตัวอย่างของผู้ที่เชื่อในพระเยซูเจ้าและนำความเชื่อสู่ภาคปฏิบัติ ท่านได้ย้ำกับสมาชิกในคณะว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือการรับใช้” ความรักและการรับใช้ซึ่งกันและกัน จึงเป็นความเชื่อในภาคปฏิบัติที่เราพึงกระทำในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com

San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
30 มษายน 2017

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

สารวัดป่าพนาวัลย์, ปีที่ 2 ฉบับที่ 103

Text Box:  สารวัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์

ปีที่ 2  ฉบับที่ 103,  อาทิตย์ที่ 30 เมษายน  ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560):  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 187 หมู่ที่ 5 บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47230È086-231-3231

รา
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
พิธีแต่งงานของณัฐวุฒิ-อันนา พรรณวดี สวัสดิ์พาณิชย์ ครอบครัวใหม่ของวัดป่าพนาวัลย์
เสาร์ที่ 29 เมษายน 2017
พี่น้องที่รัก ในค่ำวันอาทิตย์ปัสกา ขณะที่ศิษย์สองคนของพระเยซูเจ้ากำลังเดินทางกลับหมู่บ้านเอมมาอูส พวกเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง เพราะชายที่พวกเขาฝากความหวังไว้ได้ถูกประหารชีวิต ในเวลานั้นเองพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพได้เสด็จมาร่วมเดินทางไปกับพวกเขา แต่พวกเขาจำพระองค์ไม่ได้ พระองค์ได้เปิดตาและเปลี่ยนความโศกเศร้าและสิ้นหวังของพวกเขาให้กลายเป็นความยินดี
พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา ขณะที่เรารวมตัวกันเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทในพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวันอาทิตย์ พระองค์จะทรงเปลี่ยนความโศกเศร้าและความสิ้นหวังของเราให้กลายเป็นความยินดี ให้เราได้กราบขอสมาโทษพระองค์หากเราจำพระองค์ไม่ได้ หรือถอยห่างจากพระองค์เพราะบาปทั้งหลายที่เราได้กระทำ
 พิธีล้างบาปเปโตร ศุภกร กระบอกโท และเลโอ ธนวรรศ วงศรีชู
สมาชิกใหม่ของวัดป่าพนาวัลย์ อาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2017
บทอ่านแรก หนังสือกิจการอัครสาวก บอกให้เราทราบถึงส่วนหนึ่งของคำเทศนาของเปโตรต่อชาวยิวในวันเปนเตกอสเต ที่แสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพจากความตาย คือหัวใจของข่าวดีแห่งพระวรสาร เปโตรได้เตือนคริสตชนให้หันกลับมาหาพระเยซูเจ้าและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระองค์
บทอ่านที่สอง นักบุญเปโตรได้ตอบคำถามที่ว่า “ทำไมคนชอบธรรมจึงประสบทุกข์ร้อน” โดยขอให้เรามองดูพระเยซูเจ้าที่ทรงรับความทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพระเจ้า เปโตรย้ำว่าการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าคือ รากฐานของความเชื่อคริสตชนที่พวกเขาจะต้องมีประสบการณ์ด้วยตนเอง
พระวรสาร พระวรสารวันนี้ได้เล่าถึงเรื่องศิษย์สองคนของพระเยซูเจ้า ที่กำลังเดินทางสู่หมู่บ้านเอมมาอูสในค่ำวันอาทิตย์ปัสกา พวกเขาจำพระองค์ไม่ได้ แต่มาจำได้ตอนบิขนมปัง นี่เป็นเรื่องเล่าที่งดงามเรื่องหนึ่งของนักบุญลูกา ที่สะท้อนภาพของพิธีบูชาขอบพระคุณที่เริ่มด้วยภาคพระวาจาและภาคศีลมหาสนิท ทำให้เราสามารถพบพระเยซูเจ้าได้
 การประชุมกลุ่มคริสตชนพื้นฐานที่คุ้มแสงตะวัน บ้านนายลำไพ-นางถวิล เพียงกล้า
ศุกร์ที่ 28 เมษายน 2017
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1)     ขอขอบคุณพี่น้องที่นำเงินทานมหาพรตและข้าวสารที่พี่น้องได้อดออมตลอดเทศกาลมหาพรตปีนี้ มามอบให้วัดเพื่อนำส่งศูนย์สังคมพัฒนาอัครสังฆมฑณทลท่าแร่-หนองแสงต่อไป
2)     วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2017 วันศุกร์ต้นเดือน มีการส่งศีลมหาสนิทคนป่วยและผู้สูงอายุ
3)     ประกาศบวชพระสงฆ์ สังฆานุกรเปโตร ศิริชัย พุดษา สัตบุรุษอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ และสังฆานุกรเปาโล กฤษฎา ว่องไว สัตบุรุษสักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี สองคอน วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม 2017 ณ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ เวลา 10.00 น.
4)     วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2017 ขอเชิญร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณครั้งแรกของคุณพ่อเปโตร ศิริชัย พุดษา ณ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ เวลา 11.00 น. และขอเลื่อนเวลามิสซาวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2017 ที่วัดของเราเป็น 8.30 น.
5)     วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2017 ขอเชิญร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณครั้งแรกขอคุณพ่อเปาโล กฤษฎา ว่องไว ณ สักาการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี สองคอน เวลา 10.30 น.
6)     เงินทานวันอาทิตย์ (23 เมษายน) มิสซาเช้า จำนวน 1,285.- บาท มิสซาเย็น 596.- บาท, เงินทำบุญมิสซาแต่งงานนายณัฐวุฒิ-อันนา พรรณวดี สวัสดิ์พาณิชย์ 1,000.- บาท
 ตัวแทนพี่น้องชาวป่าพนาวัลย์ร่วมแสดงความยินดีกับชุมชนวัดดอนม่วย
โอกาสฉลอง 100 ปีแห่งความเชื่อ เสาร์ที่ 29 เมษายน 2017
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
วันอาทิตย์
30
10.00 น.
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
†สุขสำราญ พี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
จันทร์
1
18.30 น.
ฉลอง น.ยอแซฟ กรรมกร

วันอังคาร
2
18.30 น.
ระลึกถึง น.อาทานาส พระสังฆราชและนักปราชญ์

วันพุธ
3
18.30 น.
ฉลอง น.ฟิลิปและยากอบ อัครสาวก

วันพฤหัสบดี
4
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา

วันศุกร์
5
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา

วันเสาร์
6
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา

 พิธีแต่งงานของณัฐวุฒิ-อันนา พรรณวดี สวัสดิ์พาณิชย์ ครอบครัวที่ 284 
ของวัดป่าพนาวัลย์ เสาร์ที่ 29 เมษายน 2017






จากเอมมาอูสสู่เยรูซาเล็ม

จากเอมมาอูสสู่เยรูซาเล็ม
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
ปี A
กจ 2:14,22-28
1ปต 1:17-21
ลก 24:13-35
บทนำ
หลังร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณวันอาทิตย์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เดินกลับบ้านผ่านสวนสาธารณะ เขาฉุกคิดถึงบทเทศน์ที่ได้ยินในมิสซาที่คุณพ่อเทศน์ว่า “เมื่อท่านให้บางสิ่งกับใครคนหนึ่ง แท้จริงแล้วท่านได้ให้พระเยซูเจ้า และท่านจะเห็นพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในทุกคนที่ท่านพบ” เขาสังเกตเห็นคุณยายคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งโดยลำพังและดูเหมือนเธอกำลังหิว เขาจึงนั่งลงข้างคุณยายและแบ่งขนมปังให้คุณยายกิน
คุณยายยิ้มกว้างรับขนมปังจากเขาและกินอย่างเอร็ดอร่อย เขานั่งมองคุณยายอย่างมีความสุขโดยไม่พูดอะไร ที่สุด เขาได้ลุกขึ้นสวมกอดคุณยายและเดินจากไป เมื่อเขากลับถึงบ้านแม่เห็นเขายิ้มอย่างมีความสุขจึงถามว่า “อะไรนะที่ทำให้ลูกมีความสุขวันนี้” เขาตอบแม่ว่า “ผมได้แบ่งขนมปังให้พระเยซู” ก่อนที่แม่จะถามอะไรอีก เขาได้กล่าวเสริมว่า “แม่รู้ไหมว่าพระองค์ยิ้มสวยมาก”
ในเวลาเดียวกันคุณยายได้เดินกลับห้องพักซึ่งอยู่กับน้องสาว “ทำไมวันนี้ดูยิ้มอย่างความสุขกว่าทุกวัน” น้องสาวถาม “วันนี้ฉันได้รับขนมปังจากพระเยซู ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในสวนสาธารณะ” เธอตอบ “พระองค์ดูสง่างามและหนุ่มกว่าที่ฉันคิดเสียอีก” พระวรสารวันนี้บอกเราว่า เราจะพบและมีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ ในทุกสถานที่และกับบุคคลที่เราคาดไม่ถึง
1.    จากเอมมาอูสสู่เยรูซาเล็ม
เรื่องศิษย์สองคนที่เอมมาอูส เป็นเรื่องเล่าที่งดงามเรื่องหนึ่งของนักบุญลูกา ที่แสดงให้เห็นถึงเทววิทยาเรื่องพิธีบูชาขอบพระคุณ ซึ่งประกอบด้วยสองภาคคือ ภาคพระวาจาและภาคศีลมหาสนิท การเติบโตในความเชื่อเกิดขึ้นโดยอาศัยพระวาจาของพระเจ้า และบรรลุถึงความสมบูรณ์ในการฉลองศีลมหาสนิท ศิษย์สองคนมีประสบการณ์ทั้งสองรูปแบบ “ใจของเราไม่ได้เร่าร้อนเป็นไฟอยู่ภายในหรือ เมื่อพระองค์ตรัสกับเราขณะเดินทาง และอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟัง” (ลก 24:32) และในพิธีบิขนมปังที่พวกเขา “จำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง” (ลก 24:35)
ศิษย์ทั้งสองเปิดประตูบ้านเชิญพระเยซูเจ้าให้ร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปัง กล่าวถวายพร บิออกและยื่นให้พวกเขา พระองค์ทรงปฏิบัติแบบเดียวกันกับที่ทรงกระทำในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ทำให้พวกเขาตาสว่างและจำพระองค์ได้ พิธีบิขนมปังที่เอมมาอูสจึงเป็นการฉลองศีลมหาสนิทอาหารฝ่ายจิต ซึ่งเป็นข่าวดีแห่งปัสกาที่เราฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
พระศาสนจักรในระยะเริ่มแรก มีเอกลักษณ์อยู่ที่พิธีบิขนมปังและการนำสิ่งของมารวมเป็นของกลาง (กจ 2:42) กลุ่มคริสตชนแรกจึงมักเว้นที่ให้พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพประทับอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น การที่พวกเขามาร่วมพิธีบิปังเพื่อจะได้พบกับองค์พระเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ ในพิธีบิขนมปัง พระเยซูเจ้าได้บันดาลให้ศิษย์ทั้งสองคนตาสว่าง พระองค์ได้แปรเปลี่ยนความท้อแท้ สิ้นหวังให้กลายเป็นความยินดีและความหวัง จนพวกเขาไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเอง ต้องรีบเดินทางกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อแบ่งปันประสบการณ์นี้กับคนอื่น
2.    บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ โดยเฉพาะคนที่กำลังแสวงหาพระเยซูเจ้า หรือคนที่ได้สูญเสียพระองค์ไป
ประการแรก พระเยซูเจ้าทรงร่วมทางสู่เอมมาอูส เราคงเคยมีช่วงเวลาของความท้อแท้ สิ้นหวัง ที่เรารู้สึกว่ากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายและยากลำบากโดยลำพัง ความจริงพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพทรงประทับอยู่และร่วมทางกับเรา ทรงตรัสกับเรา ช่วยเหลือเรา และทำให้เราเข้มแข็งในแบบที่เราคาดไม่ถึง แม้เราจะมองไม่เห็นพระองค์ก็ตาม เส้นทางสู่เอมมาอูสจึงเป็นเส้นทางแห่งมิตรภาพที่ยืนยันว่าพระเยซูเจ้าทรงอยู่กับเราตลอดไปจนสิ้นพิภพ (มธ 28:20)
ประการที่สอง เราพบพระเยซูเจ้าได้ในพระคัมภีร์ ในการเดินทางสู่เอมมาอูส พระเยซูเจ้าได้ร่วมทางและอธิบายพระคัมภีร์ทุกข้อที่กล่าวถึงพระองค์ นั่นหมายความว่าเราสามารถพบพระเยซูเจ้าได้ทุกวันในการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ “ของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์คือพระคัมภีร์” (อับราฮัม ลินคอล์น) การรำพึงพระวาจาของพระเจ้าในแต่ละวันจะช่วยให้เราเข้าใจถึงแผนการและพระประสงค์ของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประทับอยู่ในผู้อื่น
ประการที่สาม เราพบพระเยซูเจ้าในพิธีบิขนมปัง ศิษย์สองคนที่เอมมาอูสจำพระเยซูเจ้าได้ตอนบิขนมปัง เราสามารถพบพระองค์ได้ในศีลมหาสนิท ในพิธีบูชาขอบพระคุณที่เรามาร่วมทุกอาทิตย์ “ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเรา ก็ดำรงอยู่ในเราและเราก็ดำรงอยู่ในเขา” (ยน 6:56) ศีลมหาสนิทจึงเป็นอาหารฝ่ายจิตที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ประสบการณ์ที่เรามีกับพระเยซูเจ้าไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเอง แต่ต้องแบ่งปันกับผู้อื่น เพื่อช่วยทุกคนให้พบกับพระเยซูเจ้าและนำเขาไปสู่ชีวิตนิรันดร
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การร่วมเดินทางของพระเยซูเจ้าบนเส้นทางสู่เอมมาอูส คือเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเราและร่วมชีวิตกับเรา โดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบากของชีวิต แม้เราจะจำพระองค์ไม่ได้แต่พระองค์ทรงอยู่กับเราเสมอ การร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณเตือนเราถึงอาหารฝ่ายจิตที่ต้องแบ่งปัน และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง
เอมมาอูส หมายถึงทุกที่ที่เราสามารถพบพระเจ้าได้ พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์ทุกครั้งที่เรารวมกันในนามของพระองค์ (มธ 18:20) ขอให้เราได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ที่ทรงร่วมเดินทางกับเรา ตรัสกับเรา ช่วยเหลือเรา และอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพื่อนพี่น้องที่ต่ำต้อย การเดินทางจากเอมมาอูสสู่เยรูซาเล็มคือ ประสบการณ์การพบกับองค์พระเจ้าที่เราต้องแบ่งปันกับคนอื่น นี่คือข่าวดีที่เราต้องประกาศในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
29 เมษายน 2017

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

จงวางใจในพระเจ้า

จงวางใจในพระเจ้า
วันเสาร์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา
กจ 6:1-7
ยน 6:16-21
หลังการทวีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวเลี้ยงคนเป็นจำนวนมาก ผู้คนต่างต้องการให้พระองค์เป็นกษัตริย์ปกครอง แต่พระองค์กลับเลี่ยงและเสด็จไปบนภูเขาตามลำพัง บรรดาอัครสาวกต่างผิดหวังที่พระองค์ทิ้งโอกาสทองในการเป็นผู้นำทางการเมือง เพราะนี่เป็นเป้าหมายของพวกเขาในการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ พวกเขาได้ลงเรือข้ามฟากไปคาเปอร์นาอุมโดยไม่มีพระองค์
ทะเลที่ปั่นป่วนและลมพัดแรง ทำให้บรรดาอัครสาวกรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและหวาดกลัว ยิ่งเมื่อเห็นพระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินบนทะเล พวกเขาตกใจกลัวมากเพราะคิดว่าเป็นผี แต่พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับพวกเขาว่า “เป็นเราเอง อย่ากลัวเลย” (ยน 6:20)  พระองค์ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าทรงอำนาจเหนือความชั่วร้าย โดยมีความมืดและทะเลปั่นป่วนเป็นตัวแทน ทรงเป็นองค์แห่งความรักและความเมตตากรุณาที่พวกเขาต้องวางใจในพระองค์
ในห้วงเวลาที่บรรดาอัครสาวกกำลังเผชิญกับความยากลำบาก พระเยซูเจ้าเสด็จไปหาพวกเขา พระองค์ไม่เคยละสายตาไปจากพวกเขาเลย ทรงช่วยพวกเขาและนำพวกเขาสู่จุดหมายอย่างปลอดภัย ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแห่งชีวิต เราได้วางใจพระเจ้าและพระญาณสอดส่องของพระองค์ไหม เราได้ตระหนักถึงการประทับอยู่และความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อเราหรือเปล่า
 “อย่ากลัวเลย” พระเยซูเจ้าได้ตรัสพระวาจาเดียวกันนี้กับพวกผู้หญิงในเช้าวันอาทิตย์หลังการกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงชนะศัตรูของมนุษย์ ได้แก่ บาปและความตาย และนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 พระสันตะปาปาได้กล่าวย้ำพระวาจาเดียวกันนี้ อย่ากลัวเลย เมื่อครั้งเริ่มต้นสมณสมัยของพระองค์ เป็นแบบอย่างสำหรับเราในการเปิดใจและดำรงอยู่ในองค์พระเจ้าพระผู้ไถ่ อีกทั้งไม่กลัวการเผชิญหน้ากับศัตรูฝ่ายวิญญาณและปัญหาใดๆ
ดังนั้น ในห้วงเวลาที่ถูกประจญและตกในบาป หรืออยู่ในสถานการณ์แห่งความยากลำบากในชีวิต พระวาจาตอนนี้ “อย่ากลัวเลย” ต้องดังก้องอยู่ในจิตใจของเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในชีวิตของตน หันมาหาและวางใจพระองค์ ผู้เป็นปังทรงชีวิตและท่อธารแห่งพระพรอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอธิษฐานภาวนาและการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com

San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
28 เมษายน 2017

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว

ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว
วันศุกร์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา
กจ 5:34-42
ยน 6:1-15
พระวรสารวันนี้เชิญชวนเราให้เป็นเครื่องมือที่อ่อนน้อมในพระหัตถ์ของพระเยซูเจ้า ด้วยการแบ่งปันพระพรต่างๆ กับเพื่อนพี่น้องที่ต้องการความช่วยเหลือ อัศจรรย์สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยมือของเรา ในความใจกว้างที่เราแสดงออกต่อเพื่อนพี่น้อง พระวาจาของพระเจ้าวันนี้เชิญชวนเราให้มองลึกลงไปในจิตใจของตนและถามตนเองว่า เราได้มอบชีวิต ทุกสิ่งที่เรามีและเป็นไว้ในพระหัตถ์ของพระเยซูเจ้า เพื่อให้พระองค์ทรงกระทำตามพระประสงค์ มากน้อยเพียงใด
พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนเราให้ร่วมมือกับพระองค์ในการทำการอัศจรรย์ เหมือนอย่างเด็กคนนั้นที่มอบ ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว (อาหารสำหรับตัวเขาเองและครอบครัว) ให้กับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรและแจกจ่ายแก่ทุกคน เมื่อทุกคนเห็นแบบอย่างนี้ต่างนำอาหารที่ตนเองเตรียมมาแบ่งปันซึ่งกันและกัน อัศจรรย์จึงเกิดขึ้น พระองค์ทรงเปลี่ยนใจที่เห็นแก่ตัวของพวกเขาแต่ละคนให้เป็นคนใจกว้างและคิดถึงคนอื่น
พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ร่วมมือกับพระองค์ ไม่ว่าสิ่งใดที่เรามอบแด่พระองค์ อาทิ เวลา ความรู้ ความสามารถ ความทุกข์ยากลำบากหรือสิ่งต่างๆ ที่เรามีและเป็น พระองค์สามารถทำให้เกิดผลได้ในแบบที่เราไม่คาดฝัน พระองค์จะทรงเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น เหมือนที่ทรงทวีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวเลี้ยงคนมากกว่าห้าพันคน พระองค์ทรงทำให้ความใจกว้างทำให้ความหิวโหยหมดไป
พระเยซูเจ้าทรงต้องการ ขมมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว ของเรา เพื่อพระองค์จะสามารถทำอัศจรรย์ได้ พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง ด้วยการแบ่งปันความรักและชีวิตของเรากับผู้ที่อดอยาก ลำบากเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ศิษย์พระคริสต์ต้องใช้ความรู้ความสามารถและพระพรต่างๆ ที่เรามีเพื่อพระเจ้า วางทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ อัศจรรย์ย่อมเกิดขึ้นในแบบที่เราคาดไม่ถึง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com

San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
27 เมษายน 2017

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์

เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์
วันพฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา
กจ 5:27-33
ยน 3:31-36
บทอ่านแรกหนังสือกิจการอัครสาวก บอกให้เราทราบว่าแม้บรรดาอัครสาวกถูกห้ามไม่ให้สอนและพูดในนามของพระเจ้า แต่ความรู้และความรักที่มีต่อพระเยซูเจ้าผลักดันให้พวกท่านเป็นพยาน พร้อมที่จะพูดและสอนเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าทั่วกรุงเยรูซาเล็ม และกล้ายืนยันถึงสิ่งที่ตนเชื่อต่อหน้าสภาซันเฮดริน “เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์” (กจ 5:29)
การเชื่อฟังคือ ความพร้อมยอมรับและทำตามความประสงค์ของผู้ที่มีอำนาจเหนือเรา เมื่อใดที่เราเชื่อฟังเราไม่สามารถปฏิบัติตามความคิดเห็นของเรา แต่กำลังเดินตามความคิดเห็นของคนอื่น ในฐานะคริสตชนที่อุทิศชีวิตเพื่อพระคริสตเจ้า หากความคิดเห็นนั้นไม่ถูกต้อง เป็นบาปหรือผิดศีลธรรม เรามีอิสระที่จะไม่ยอมรับและปฏิบัติตาม เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์และกล้ายืนยันถึงความถูกต้องชอบธรรม นี่คือสิ่งท้าทายเราในสังคมปัจจุบัน
พระวรสารวันนี้เชื้อเชิญเราให้ยกจิตใจให้สูงถึงสิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่คิดและพูดแต่สิ่งที่เกี่ยวกับโลก แม้เราอยู่ในโลกแต่ต้องไม่เป็นของของโลก เราต้องพยายามความคิดอย่างพระเจ้า ให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกับพระเยซูเจ้า หากเราพยายามปฏิบัติเยี่ยง “ผู้ที่มาจากเบื้องบน” เราจะพบแง่ดีมากมายที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักของพระเจ้าในกิจการดีของมนุษย์
พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระวาจาของพระเจ้า ที่ลงมาจากสวรรค์และเป็นพยานถึงสิ่งที่พระองค์ได้เห็นและได้ยินจากพระบิดาเจ้า เราต้องเชื่อฟังพระองค์ การเชื่อพระเยซูเจ้าคือเชื่อพระบิดาเจ้า ใครที่เชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อจะสูญเสียชีวิตนิรันดรและถูกลงโทษ ความเชื่อที่เรามีต้องแสดงออกในภาคปฏิบัติ ในการเลียนแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ในความรักที่ไม่มีเงื่อนไข การรับใช้ที่สุภาพถ่อมตน และการให้อภัยไม่สิ้นสุด
เมื่อเราเชื่อและเลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้าแล้ว เราไม่สามารถกลับไปเดินในหนทางแห่งบาปเหมือนเช่นอดีตได้อีก ศิษย์พระคริสต์ต้องประพฤติตนและแสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงพระชนม์อยู่และประทับอยู่กับเรา มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่ทรงความยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ผู้ทรงเป็นแหล่งพลังและความรอดนิรันดรสำหรับเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
26 เมษายน 2017