วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สารวัดนาบัว, ปีที่ 2 ฉบับที่ 55

สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
ปีที่ 2 ฉบับที่ 55 วันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554): http.//dondaniele.blogspot.com
บ้านนาบัว หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231

พิธีบูชาขอบพระคุณอุทิศให้ ซิลวานุสกลิ่น-มารีอาประมัย เมาบุดดา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2011

 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

พระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบถึงความเอาใจใส่ของพระเยซูเจ้าต่อพระศาสนจักรของพระองค์ พระองค์กำลังจะจากโลกนี้กลับไปหาพระบิดาเจ้า โดยทรงสัญญาจะประทานพระจิตเจ้าให้กับบรรดาสาวก พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาเป็นกำพร้า แต่จะประทานพระจิตเจ้าของพระองค์ให้อยู่กับพระศาสนจักร ตลอดไป

ผ่านทางพระศาสนจักร พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับเราเหมือนที่พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา” (ยน 14:15) เราไม่อาจเรียกได้ว่าเราเป็นศิษย์ของพระองค์ หากเราไม่ฟังเสียงของพระองค์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ให้เรากราบขอขมาโทษพระองค์สำหรับความบาปผิดที่เราได้กระทำ
 มีคุณพ่อสุรพงษ์ นาแว่น เป็นประธานในพิธี พร้อมกับพระสงฆ์ 12 องค์

บทอ่านที่ 1: หนังสือกิจการอัครสาวก 8:5-8, 14-17

พันธกิจที่สำคัญของคริสตชนทุกคนคือ การประกาศพระวาจาของพระเจ้าและเป็นพยานด้วยคำพูดและกิจการ “ท่านจะต้องเป็นพยานถึงเราไม่เพียงที่เยรูซาเลม แต่ทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย และจนถึงวันสิ้นพิภพ” ความยินดีและสันติสุขจะครอบครองทุกแห่งที่พระวาจาได้รับการประกาศและปฏิบัติตาม

บทอ่านที่ 2: จดหมายนักบุญเปโตรฉบับที่หนึ่ง 3:15-18

นักบุญเปโตรได้ร้องขอคริสตชนให้ตอบสนองต่อกิจการแห่งการช่วยให้รอดขององค์พระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ “จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระคริสตเจ้าในจิตใจของท่าน” นี่คือการดำเนินชีวิตที่ดีที่สุดตามหลักศาสนา อีกทั้งยังเตือนด้วยว่า “การทนทุกข์เพราะทำความดีนั้น ย่อมดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำความชั่ว”

พระวรสาร: นักบุญยอห์น 14:15-21

พระวรสารวันนี้บอกเราว่า หากเรารักพระเยซูเจ้า เราจะต้องฟังพระวาจาของพระองค์และพยายามที่จะนำไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน การปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ในความรักต่อกันและการให้อภัยซึ่งกันและกัน คือเครื่องหมายว่าเรารักพระองค์และเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์
 ควันหลงคณะศรีชุมพาบาลมาหากระแสเรียกที่วัดนาบัว

ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1) ขอบคุณกลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 10 ที่มาช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือกลุ่มที่ 11

2) ขอเชิญผู้นำและตัวแทนกลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มละ 3 คน เข้ารับการสัมมนาศึกษาพระคัมภีร์ ครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2011 ที่วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย

3) ขอเชิญสมาชิกโฟโกลาเรทั้งชายและหญิง เข้าร่วมประชุมกันในวันอาทิตย์ 29 พฤษภาคมนี้ ที่วัด เวลา 19.30 น.
 พิธีศีลสมรสระหว่างยอห์นบัสโกศิริศักดิ์ มิ่งแสง กับ มารีอาสุภาพร ปู่ภิรมย์

4) รายนามผู้บริจาคสมทบกองทุนบูรณะวัดไม้: ครอบครัวผู้ใหญ่ชาญชัย-นางอานนท์ นาแว่น จำนวน 1,000.- บาท

5) รายนามผู้บริจาคสมทบทุนซื้อเก้าอี้: อ.วาริด และคุณครูกฤษณะ จูมคำตา จำนวน 5,020.- บาท

6) วันศุกร์ที่จะถึงนี้เป็นวันศุกร์ต้นเดือน มีการส่งศีลคนป่วยตามปกติ และอาทิตย์หน้า (5 มิถุนายน) สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

7) เงินทานวันเสาร์ 371.- บาท, วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 4,006.- บาท, เงินต้นมิสซาอุทิศให้ซิลวานุสกลิ่น-มารีอาประมัย เมาบุดา และญาติพี่น้องที่ล่วงลับ (25 พ.ค.) 10,600.- บาท และเงินทานวัดโพนสวาง 340.- บาท
 เมื่อวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2011

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา ปี A
กจ 8:5-8, 14-17
1 ปต 3:15-18
ยน 14:15-21
 ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งเห็นทูตสวรรค์กำลังเดินบนท้องถนน มือข้างหนึ่งถือคบเพลิง อีกข้างหนึ่งถือถังน้ำ เขาจึงถามทูตสวรรค์ว่า “ท่านถือคบเพลิงและถังน้ำไปทำอะไร” ทูตสวรรค์หยุดมองดูชายนั้นและตอบว่า “ฉันกำลังจะไปเผาสวรรค์ให้วอดวายด้วยคบเพลิงนี้ และจะใช้ถังน้ำนี้ดับไฟนรกให้มอดลง เพื่อจะได้รู้ว่าใครรักพระเจ้าจริง”

สิ่งที่ทูตสวรรค์ต้องการจะบอกเราคือ คนทุกวันนี้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าเพราะกลัวตกนรก หรือเพราะหวังอยากได้สวรรค์เป็นรางวัล พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติด้วยเหตุผลที่พระเยซูเจ้าตรัสกับเราในพระวรสารวันนี้ พวกเขาถือพระบัญญัติโดยขาดความรักต่อพระเจ้า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามพระบัญญัติของเรา” (ยน 14:15)

พระวรสารวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระดำรัสหลังการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตที่พระเยซูเจ้าทรงอยู่กับบรรดาสาวก พระองค์จะไม่อยู่กับพวกเขาอย่างที่พวกเขาแลเห็นพระองค์อีกต่อไป พระองค์ได้เตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับวันที่พระองค์จะต้องจากไป ทรงท้าทายพวกเขาให้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระองค์จะอยู่กับพวกเขาตลอดไปในองค์พระจิตเจ้า

1. ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา

พระเยซูเจ้าทรงเริ่มต้นพระวรสารวันนี้ด้วยการท้าทายสาวกและผู้ติดตามพระองค์ “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา” บรรดาสาวกต่างแน่ใจว่าพวกเขารักพระองค์ (ถ้าไม่รักพระองค์พวกเขาคงไม่อยู่กับพระองค์จนถึงวันนั้น) แต่สิ่งที่พระองค์หมายถึงคือ การยอมรับคำสั่งของพระองค์ที่ทรงสั่งพวกเขาต่อจากนั้นว่า “ท่านจะปฏิบัติตามพระบัญญัติของเรา”

เครื่องหมายที่บ่งบอกว่ารักพระเยซูเจ้าคือ การดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระองค์ สิ่งนี้อาจทำให้ผู้ติดตามพระองค์ตกใจคิดว่าทำได้ยากเพราะความอ่อนแอที่แต่ละคนมี แต่การเรียกให้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์สามารถเป็นไปได้ อาศัยของประทานที่พระเยซูเจ้าจะประทานให้ พระองค์กำลังจะจากพวกเขาไป จึงได้สัญญาจะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่ง

พระเยซูเจ้าคือ ผู้ช่วยเหลือองค์แรกที่ทรงสอน นำทาง และปกป้องพวกเรา พระองค์ได้แสดงให้เราเข้าใจว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเพียงใด “พระเจ้าทรงรักโลกมากจึงได้ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์” (ยน 3:16) และทรงขอให้เรารักซึ่งกันและกัน สิ่งนี้คือความจริงที่อยู่เบื้องหลังพระบัญญัติของพระองค์ “นี่คือบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12)

พระจิตเจ้าคือ ผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าพระบัญญัติแห่งความรักจะได้รับการถือปฏิบัติในระหว่างผู้ติดตามพระองค์ เราจึงต้องตอบสนองด้วยการรักซึ่งกันและกันเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักเรา นำทาง ให้คำปรึกษา ปกป้องคุ้มครอง และทำให้เราเข้มแข็งด้วยความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าที่จะอยู่กับเราเสมอไป

2. บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้บอกเราว่า ความรักในชีวิตคริสตชนเรียกร้องการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโลกที่ร้าวฉาน พระเจ้าทรงรักโลกมากถึงได้ประทานพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์เพื่อช่วยโลกให้รอด พระเยซูเจ้าได้แสดงความรักของพระบิดาเจ้าในการประทานพระองค์เองเพื่อเรา และทรงเรียกเราให้ตอบสนองความรักนี้ในการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์

ประการแรก ในความนอบน้อมเชื่อฟัง พระเยซูเจ้าได้แสดงความรักของพระเจ้าให้เราได้เห็นประจักษ์ พระองค์ทรงนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ความรักที่แท้จริงที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกให้เห็นในความนอบน้อมเชื่อฟังเช่นเดียวกัน ด้วยการมองเห็นพระญาณสอดส่องและความรักของพระองค์ในเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ตีโพยตีพายหรือด่าว่าพระเจ้า

ประการที่สอง ในความรักต่อกัน เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน” พระองค์ต้องการให้เรามองเห็นพระองค์ในผู้อื่น และรักพวกเขาเหมือนที่พระองค์ทรงรักเรา ความรักที่เรามีต่อเพื่อนพี่น้องจึงเป็นการพิสูจน์ว่า เรารักพระองค์และเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์ อีกทั้งยังเผยให้คนอื่นได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า

ประการที่สาม ในการให้อภัยซึ่งกันและกัน พระเยซูเจ้าทรงสอนเรา “จงรักศัตรูและภาวนาให้แก่ผู้ที่เบียดเบียนท่าน” ทรงมอบแบบอย่างนี้แก่เราในการให้อภัยแก่ผู้ประหารพระองค์ เราถูกเรียกร้องให้ทำเช่นเดียวกัน เมื่อใครคนหนึ่งไม่ยอมให้อภัย เท่ากับว่าเขากำลังทำร้ายตัวเองมากกว่าทำร้ายคู่อริของเขา ดาบที่เราใช้ทำร้ายศัตรูความจริงได้แทงทะลุร่างของเราก่อน ดังสุภาษิตจีนที่ว่า “ใครที่คิดแก้แค้น เขากำลังขุดหลุมฝังศพคู่อริของเขาและตัวเขาเอง”

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความรักของพระบิดาเจ้าในภาคปฏิบัติ ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดคือการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน อีกทั้ง ทรงวอนขอให้พระบิดาเจ้ายกโทษให้ทุกคน พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตในความรักนี้เช่นเดียวกัน ด้วยการถือปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งสรุปได้ใน ความรักที่มีต่อกันและการให้อภัยความผิดของกันและกัน

ขอให้เราดำรงชีวิตในความรักและการให้อภัยนี้ โดยเริ่มจากในครอบครัวของเรา ก่อนที่จะขยายออกไปสู่ผู้อื่นในสังคมและหมู่บ้านของเรา เป็นต้น คนที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ใครที่ดำรงชีวิตในความรักและการให้อภัยในชีวิตประจำวัน ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขารักพระเยซูเจ้า ใครที่รักพระเยซูเจ้าจะเป็นที่รักของพระบิดาเจ้าด้วย พระเยซูเจ้าจะทรงรักเขาและประทับอยู่กับเขาในองค์พระจิตเจ้า ตลอดไป

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
27 พฤษภาคม 2011

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สารวัดนาบัว, ปีที่ 2 ฉบับที่ 54

สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
ปีที่ 2 ฉบับที่ 54 วันที่ 22 พ ฤษภาคม ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554): http.//dondaniele.blogspot.com
บ้านนาบัว หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231


คณะภคินีศรีชุมพาบาล มาพบปะเด็กและเยาวชนที่นาบัว เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2011
 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

พิธีกรรมอาทิตย์นี้บอกเราว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นหนทาง ความจริงและชีวิต และเราจะได้รับชีวิตที่สมบูรณ์ในพระองค์ ชีวิตของเราจะมีความหมายที่สมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเราได้อุทิศตัวเราเองในการรับใช้ผู้อื่น ซึ่งเราจะพบความหมายได้ในการปฏิบัติตนรับใช้ซึ่งกันและกัน ดังนั้น การดำเนินชีวิตของเราจะต้องเป็นการเปิดตัวเองต่อพระเจ้าและต่อโลก

บทอ่านในอาทิตย์นี้เรียกร้องให้เรามีความเชื่อที่แท้จริงในพระบิดาเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน 14:6) ที่ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าพระบิดา ใครที่เห็นพระองค์ก็เห็นพระบิดาด้วย ให้เราได้เงียบสักครู่เพื่อพิจารณาดูว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” สำหรับเราหรือไม่
 บรรดาเด็กคำสอนและเยาวชนช่วยกันจัดแต่งสวนหย่อมหน้าวัดไม้
ใช้เวลาปรับแต่งอยู่สองวันจึงแล้วเสร็จอย่างที่เห็น

บทอ่านที่ 1: หนังสือกิจการอัครสาวก 6:1-7

บทอ่านแรกบอกให้เราทราบถึงการเติบโตของกลุ่มคริสตชน อีกทั้งเตือนเราให้ตระหนักว่า การปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าและการประกอบกิจเมตตาควรได้รับการปฏิบัติควบคู่กันไป ความรักของพระเจ้าสามารถเป็นพยานในโลกผ่านทางความรักและการรับใช้ซึ่งกันและกัน ดังนั้น บรรดาอัครสาวกจึงได้เลือกเจ็ดคนที่มีชื่อเสียงดีเพื่อทำหน้าที่นี้

บทอ่านที่ 2: จดหมายนักบุญเปโตรฉบับที่หนึ่ง 2:4-9

นักบุญเปโตรได้พูดถึงเกียรติสูงส่งของการเป็นคริสตชน ซึ่งเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นชนชาติศักดิสิทธิ์และเป็นประชากรสงฆ์ของพระเจ้า โดยมีพระเยซูเจ้าศิลาหัวมุมเป็นรากฐาน เราแต่ละคนล้วนเป็นสมาชิกของกลุ่มคนที่มีความเชื่อนี้ ซึ่งมีส่วนในหน้าที่สงฆ์ของพระเยซูเจ้า และมีหน้าที่ในการเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดีของพระเจ้า

พระวรสาร: นักบุญยอห์น 14:1-12

พระวรสารวันนี้ เป็นของพระดำรัสของพระเยซูเจ้าหลังอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ในสภาพที่บรรดาสาวกกำลังสับสนวุ่นวายภายหลังทราบข่าวว่า หนึ่งในพวกเขาจะทรยศและพระองค์กำลังจะจากพวกเขาไป พระองค์ได้ให้กำลังใจและให้หลักประกันกับพวกเขาว่า พระองค์จะไปเตรียมที่สำหรับพวกเขาในบ้านพระบิดา ใครที่เชื่อในพระองค์จะได้รับชีวิตนิรันดร
 บรรดาเด็กๆ และเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมส่งเสริมกระแสเรียก
 เพืื่อทราบถึงจิตตารมณ์ของคณะภคินีศรีชุมพาบาล

ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1) ขอบคุณกลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 9 ที่มาช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือกลุ่มที่ 10

2) แบบประชุมกลุ่มคริสตชนพื้นฐานเดือนพฤษภาคม เชิญหยิบได้ด้านหลัง ขอให้ผู้นำกลุ่มนำไปแจกสมาชิกในกลุ่ม เราจะมีการสัมมนาศึกษาพระคัมภีร์อีกครั้งสำหรับผู้นำกลุ่ม วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2011 ที่วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย

3) ขอเชิญร่วมมิสซาแรกของพระสงฆ์ใหม่: วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมนี้ที่วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย, วันอังคารที่ 24 ที่วัดนักบุญเทเรซาโคกก่อง มิสซาเวลา 10.00 น.

4) ประกาศศีลสมรสระหว่าง ยอห์นบอสโก ศิริศักดิ์ มิ่งแสง บุตรของนายชัยนิเทศ-นางพิมใจ มิ่งแสง จากนาบัว กับ มารีอา สุภาพร ปู่ภิรมย์ บุตรีของนายสมพงษ์-นางสุนา ปู่ภิรมย์ จากบ้านหลัก 35 ใครที่เห็นว่าทั้งคู่มีข้อขัดขวาง ไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานกันขอให้มาแจ้งกับทางวัด ประกาศครั้งที่ 3

5) เงินทานวันเสาร์ 261.- บาท, วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 4,202.- บาท, และเงินทานวัดโพนสวาง 420.- บาท
 ที่ดำเนินชีวิตแพร่ธรรมตามจิตตารมย์งานและแบบอย่าง
 ของพระเยซูเจ้า องค์พระศรีชุมพาบาล มีผู้เข้าร่วม 16 คน

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ควันหลงพิธีบวชที่ดอนทอย

 ควันหลงพิธีบวชที่ดอนทอย


ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยสำหรับพิธีบวชพระสงฆ์และสังฆานุกรที่วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย ของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง หลังจากลุ้นกันพอสมควรสำหรับพี่น้องชาวดอนทอย เจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ที่กลัวว่าฝนจะทำให้งานกร่อย เพราะวันศุกร์ดิบก่อนงานมีพายุฝนเทลงมาห่าใหญ่ แต่พอถึงวันงานฟ้าใส แดดจ้า ไม่มีฝนอย่างที่กลัวกัน หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องขอบคุณ คุณพ่อยวง”



คุณพ่อยวง สต๊อกแกร์ เป็นพระสงฆ์ธรรมทูตคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (M.E.P.) ชาวเยอรมัน คุณพ่อเป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย องค์ที่ 3 ช่วงปี ค.ศ. 1904-1948 (พ.ศ.2447-2491) จนกระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) สิริอายุ 69 ปี นับเป็นเจ้าอาวาสที่ยาวนานที่สุดกว่า 40 ปี (ร่างของคุณพ่อยังคงฝังไว้ที่สุสานวัดดอนทอย) จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน ที่ชาวดอนทอย-หนองสนุกให้ความเคารพนับถือ



ส่วนที่ลุ้นกันแบบใจหายใจคว่ำคือ ผู้สมัครบวชทั้งสี่ท่าน เพราะขณะเดินทางไปซ้อมพิธีในบ่ายวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม ได้ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับมอเตอร์ไซด์จนรถเสียหลักเกือบตกถนน “ขอโมทนาคุณพระเจ้าสำหรับความรักและความเมตตาของพระองค์” นี่คือคำขึ้นต้นของสังฆานุกรและพระสงฆ์ใหม่ทั้งสาม ในการกล่าวความในใจและขอบคุณหลังพิธีบวช ซึ่งทำให้พวกเขาตระหนักและสำนึกว่าเป็นความรักและพระเมตตาของพระเจ้าอย่างแท้จริง ที่ทำให้มีวันนี้และทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี



ผู้ที่มีความสุขมากที่สุดไม่แพ้พระสงฆ์และสังฆานุกรใหม่คือ พระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประมุขอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ประธานในพิธีบวชในวันนั้น (21 พฤษภาคม 2011) ที่ได้ลูกชายทีเดียว 4 คน ได้แก่ สังฆานุกรเปโตร วัลลภ จันทร์ดวง ลูกวัดนักบุญยอแซฟ ดอนดู่, คุณพ่อเปาโล เด่น ช่วยสุข ลูกวัดนักบุญเทเรซา โคกก่อง, คุณพ่อเปโล พนม ลือประสิทธิ์ ลูกวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย และคุณพ่อยอแซฟ เด่นชัย ทองคำ คณะภราดาน้อย กาปูชิน ลูกวัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม



อีกคนที่ยินดีไม่แพ้กันคือ คุณพ่อวอลเตอร์ มอร์กันเต อดีตเจ้าอาวาสวัดนักบุญมาร์การิตา อาลาก๊อก หนองบัวทอง ปัจจุบันเป็นเจ้าคณะแขวงภราดาน้อย กาปูชิน ที่ได้สมาชิกใหม่ นับเป็นพระสงฆ์องค์ที่สองของคณะที่มาจากดินแดนแห่งมรณสักขีในความปกครองของพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ พิธีบวชวันนั้นจึงมีพระสงฆ์คณะภราดาน้อย กาปูชินมาเกือบหมดคณะ รวมถึงบรรดาพระสงฆ์และพี่น้องสัตบุรุษจากวัดต่างๆ ที่มาร่วมพิธีมากเป็นประวัติการณ์



ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระสงฆ์ใหม่ คุณพ่อเด่น ช่วยสุข ถือเป็นพระสงฆ์องค์ที่สองของวัดนักบุญเทเรซา โคกก่อง ซึ่งเป็นกลุ่มคริสตชนเล็กๆ ประมาณ 30 ครอบครัวในท่ามกลางพี่น้องชาวพุทธในหมู่บ้านโคกก่อง ตำบลโพธิ์ตาก อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พระสงฆ์องค์แรกของวัดนี้คือ คุณพ่อวรัญญู สีข้อน คณะธรรมทูตมารีนิรมล (O.M.I.) บวชเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2007 ปัจจุบันวัดโคกก่องอยู่ในความดูแลของวัดนักบุญเปาโล นามน



คุณพ่อพนม ลือประสิทธิ์ ถือเป็นพระสงฆ์องค์ที่สามของวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย ซึ่งเป็นวัดใหญ่และเก่าแก่วัดหนึ่งในเขตตะวันตก ที่สามารถย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) ส่วน คุณพ่อเด่นชัย ทองคำ (น้องชายของคุณพ่อพนศรี ทองคำ คณะธรรมทูตแห่งมารีนิรมล) ถือเป็นพระสงฆ์องค์ที่สองของวัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม ซึ่งเป็นหมู่บ้านคริสตชนที่เก่าแก่เป็นลำดับที่สองของอัครสังฆมณฑล (รองจากท่าแร่) แต่ถ้าพูดถึงการได้รับความเชื่อ บรรพบุรุษของชาวคำเกิ้มคือกลุ่มคริสตชนแรกที่ได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารที่นครพนม เมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1883 (พ.ศ. 2427) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรมของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง



อนึ่ง วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย เคยจัดงานบวชพระสงฆ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1995 คือเมื่อสิบหกปีก่อนในการบวช คุณพ่อยอแซฟ สุริยา ผันพลี และคุณพ่ออันดรูว์ บัญชา ไชยรา ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งที่สอง ซึ่งชาวดอนทอยได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดอย่างยิ่งใหญ่คล้ายกับเป็นครั้งแรกของพวกเขา ขอบคุณพระเจ้าที่หลายคนที่เข้าใจเช่นนั้นจริงๆ ทำให้งานออกมาดีและยิ่งใหญ่

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielekhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
22 พฤษภาคม 2011

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หนทาง ความจริง และชีวิต

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ปี A
กจ 6:1-7
1 ปต 2:4-9
ยน 14:1-12
 หนทาง ความจริง และชีวิต

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า เมื่อนักบุญยอห์น คริสโซสตอม ถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิโรมัน อาร์กาดิอุส (Arcadius) จักรพรรดิได้ขู่ว่าจะเนรเทศไปต่างแดน ท่านนักบุญตอบว่า “พระองค์ไม่สามารถเนรเทศข้าพระองค์ได้ เพราะโลกนี้คือบ้านพระบิดาของข้าพระองค์” “อย่างนั้น เราจะประหารท่าน” จักรพรรดิตะโกนด้วยความกริ้ว “พระองค์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะชีวิตของข้าพระองค์ซ่อนอยู่กับพระคริสต์ในองค์พระเจ้า” ท่านนักบุญตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน

ได้ยินดังนั้น จักรพรรดิยิ่งโกรธมากตรัสว่า “เราจะยึดทรัพย์เจ้า” ท่านนักบุญตอบว่า “พระองค์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะทรัพย์สมบัติของข้าพระองค์อยู่บนสวรรค์และใจของข้าพระองค์ก็อยู่ที่นั่น” จักรพรรดิไม่ละความพยายามขู่สำทับว่า “เราจะขับเจ้าให้ออกจากประชาชนของเจ้าเพื่อเจ้าจะได้ไม่มีเพื่อนอีกต่อไป” “พระองค์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เช่นกัน เพราะข้าพระองค์มีเพื่อนในสวรรค์ ผู้ซึ่งตรัสว่า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า" ท่านนักบุญตอบโต้อย่างกล้าหาญ

ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้า ผู้เป็นหนทาง ความจริงและชีวิต ได้ให้ความมั่นใจกับเราว่า “ในบ้านพระบิดาของเรามีที่พำนักมากมาย... เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน และเมื่อเราไปและเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่ด้วย” (ยน 14:2-3) นี่คือ ภาพของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระศาสนจักรที่รุ่งเรืองในบ้านของพระบิดา อีกทั้งได้เตือนเราถึงความจริงยิ่งใหญ่ที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นหนทาง ทรงเป็นความจริงของพระเจ้า ผ่านทางพระองค์และในพระองค์เราได้รับชีวิตพระเจ้า

1. หนทาง ความจริงและชีวิต

พระเยซูเจ้าได้ตรัสพระวาจาตอนนี้กับบรรดาสาวกหลังอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ภายหลังที่ได้บอกพวกเขาว่าหนึ่งในพวกเขาจะทรยศพระองค์และพระองค์กำลังจะจากไป ในสภาพที่พวกเขากำลังสับสนและวุ่นวายใจ พระองค์ได้ให้กำลังใจและเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเขาต้องวางใจและเชื่อในพระเจ้าและพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม เพราะในบ้านพระบิดามีที่อยู่มากมายที่พวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ผู้ทรงเป็นหนทาง ความจริงและชีวิต

“ทรงเป็นหนทาง” เราสามารถไปหาพระบิดาเจ้า ผู้เป็นความจริงและชีวิตผ่านทางพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นการเผยแสดงที่มองเห็นได้เกี่ยวกับพระบิดาในฐานะมนุษย์ ทรงเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และทรงเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่นำเราไปหาพระเจ้าได้ เนื่องจากพระองค์ทรงลงมาจากพระเจ้า หนทางที่พระองค์ทรงมอบไว้ให้คือ หนทางแห่งไม้กางเขนและการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์

“ทรงเป็นความจริง” เพราะพระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับพระบิดาเจ้าให้เราทราบ พระองค์ทรงสอนเราว่า พระเจ้าคือองค์ความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัย พระองค์ทรงเป็นพยานและเปิดเผยถึงความจริงนี้ด้วยชีวิตของพระองค์ ดังนั้น ใครที่ต้องการรู้ว่าพระเจ้าเป็นใคร มีลักษณะอย่างไร จำเป็นต้องรู้จักพระเยซูเจ้า

“ทรงเป็นชีวิต” เพราะพระเยซูเจ้าทรงแบ่งปันและประกาศชีวิตพระเจ้า พระองค์ทรงเปิดเผยพระบิดาให้เราทราบผ่านทางชีวิตของพระองค์ในโลก “ผู้ที่เห็นเราก็เห็นพระบิดาด้วย”  (ยน 14:9) พระองค์ไม่เพียงสอนให้เราได้เข้าใจถึงความรัก ความเมตตากรุณาและการให้อภัยของพระบิดาเจ้า แต่พระองค์ทรงเจริญชีวิตและมอบแบบอย่างนี้แก่เรา ซึ่งเราจะต้องเลียนแบบ มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีประสบการณ์กับพระองค์

2. บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ ได้สอนเราให้วางใจและเชื่อในพระเจ้าและในพระเยซูเจ้า ผู้เป็นหนทาง ความจริงและชีวิต อีกทั้ง ได้ให้บทเรียนที่สำคัญแก่เรา

ประการแรก เราจะต้องตระหนักว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นหนทางที่แท้จริง ที่นำเราไปหาพระบิดาเจ้าผ่านทางพระศาสนจักรของพระองค์ ความสัมพันธ์ที่เรามีต่อพระเจ้าจึงไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่จะต้องเป็นความสัมพันธ์ของหมู่คณะที่มีความเชื่อ ที่จะต้องตอบสนองต่อการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเราและในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการมาวัดวันอาทิตย์และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์

ประการที่สอง เราจำเป็นต้องรู้จักพระเยซูเจ้า ผู้เป็นความจริง ในการดำเนินชีวิตตามความจริงที่พระเยซูเจ้าทรงเผยให้เราทราบ ซึ่งความจริงนี้เราสามารถเห็นได้อย่างเด่นชัดในความรัก ความเมตตากรุณา การดูแลเอาใจใส่และการให้อภัยตามแบบอย่างของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา

ประการที่สาม เราจะต้องแบ่งปันชีวิตของพระเจ้า ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบไว้ให้แก่เราในพระศาสนจักรของพระองค์ ด้วยการมีส่วนร่วมในพิธีฉลองศีลมหาสนิทในทุกวันอาทิตย์ ในการรับศีลศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อย่างรู้คุณค่า ในการรำพึงพระวาจาพระเจ้าแต่ละวัน และในการดำเนินชีวิตภายใต้การนำของพระจิตเจ้าในชีวิตประจำวัน เพื่อว่าชีวิตของเราจะได้เป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้แห่งชีวิตพระเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก มีเพียงพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่ทรงเปิดเผยพระบิดาเจ้าให้เราทราบ ใน “หนทาง” ที่พระองค์ทรงเจริญชีวิตคือหนทางแห่งไม้กางเขน ใน “ความจริง” แห่งพระวาจาของพระองค์ที่ทรงเป็นคำตอบของทุกปัญหา และผ่านทาง “ชีวิต” ใหม่ที่พระองค์ทรงนำมายังโลก ในเหตุการณ์ประจำวันในชีวิตของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านทางการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์

โทมัส อาแคมปิส ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ “จำลองแบบพระคริสต์” (The Imitation of Christ) ว่า “ปราศจากหนทาง ก็ก้าวเดินต่อไปไม่ได้, ปราศจากความจริง ก็ไม่มีความรู้, ปราศจากชีวิต ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้” ขอพระเยซูเจ้า ผู้เป็นหนทาง ความจริงและชีวิต ได้นำทาง เป็นคำตอบและช่วยเราให้สามารถดำเนินชีวิตในความรัก ความเมตตากรุณาและการให้อภัยตามแบบอย่างของพระเจ้า เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา เพื่อสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าในบ้านพระบิดาเจ้าของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
20 พฤษภาคม 2011

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระสงฆ์

 พระสงฆ์


พระสงฆ์มิใช่เทวดาที่ลงมาจากสวรรค์

เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ได้รับเลือกท่ามกลางมวลมนุษย์

เป็นสมาชิกคนหนึ่งของพระศาสนจักร เป็นคริสตชนคนหนึ่ง

ขณะที่เขาเป็นเพียงมนุษย์และคริสตชนคนหนึ่งนั้น

เขาได้พูดกับท่านด้วยวาทะของพระเจ้า

บางทีเขาเองก็ไม่เข้าใจมันทั้งหมด

และบางครั้งเขาเองก็ทรยศต่อมัน

แต่... ด้วยความเชื่อ แม้ระคนไปด้วยความกลัว

เขาตระหนักดีว่าเขาต้องเป็นสื่อกลาง

ให้วาทะของพระเจ้ามาสู่ท่าน

เพราะจะไม่มีใครสักคนในพวกเราหรือ

ที่จะพูดและอธิบายเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร

เกี่ยวกับพระคุณของพระหรรษทาน

ในชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ที่เราทุกคนได้รับ

คงจะต้องมีใครสักคนมิใช่หรือ

ที่จะพูดเรื่องบาป การพิพากษาและพระเมตตาของพระเจ้า

ดังนั้น เพื่อนๆ ที่รักของข้าพเจ้า

จงสวดภาวนาให้เขา ช่วยประคับประคองเขา

เพื่อว่าเขจะสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตผู้อื่น

โดยการนำธรรมล้ำลึก ความรักของพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์

มาสู่พวกเราทุกคน

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สารวัดนาบัว, ปีที่ 2 ฉบับที่ 53

สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
ปีที่ 2 ฉบับที่ 53 วันที่ 15 พ ฤษภาคม ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554): http.//dondaniele.blogspot.com
บ้านนาบัว หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
ซิสเตอร์เทเรซา จิีรภา ปู่ภิรมย์ โอกาสปฎิญาณตนครั้งแรก
 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา

อาทิตย์นี้ เราฉลองพระเยซูเจ้านายชุมพาบาลที่ดี พระศาสนจักรเรียกเราให้ไตร่ตรองถึงความหมายแห่งการเรียกของพระเจ้าและภาวนาเพื่อกระแสเรียกเป็นพิเศษ อีกทั้งเตือนใจเราว่า ในฐานะคริสตชนเรามีหน้าที่และความรับผิดชอบในการสนับสนุนและส่งเสริมกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์และนักบวช

พระคัมภีร์ได้ใช้ภาพพจน์ของ “นายชุมพา” หรือ “ผู้เลี้ยงแกะ” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับประชากรอิสราแอล ในพระวรสารวันนี้ได้แสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดีของเรา ที่ทรงรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่แบ่งแยก ให้เราเงียบสักครู่เพื่อไตร่ตรองถึงความรักอันไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์ที่มีต่อเรา
 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2011 ณ อารามรักกางเขนแห่งท่าแร่

บทอ่านที่ 1: หนังสือกิจการอัครสาวก 2:14ก, 36-41

บทอ่านแรกคือบทสรุปของคำเทศนาของเปโตรในวันเปนเตกอสเต เปโตรได้กล่าวกับชาวยิวว่าพระเยซูเจ้าที่พวกเขาได้ตรึงบนไม้กางเขน ได้รับการยกให้สูงขึ้นและเป็นองค์พระเจ้า สิ่งที่พวกเขาจะต้องกระทำคือหันมาหาพระเยซูเจ้า ด้วยการเสียใจต่อบาปที่ได้กระทำและรับศีลล้างบาป

บทอ่านที่ 2: จดหมายนักบุญเปโตร ฉบับที่หนึ่ง 2:20ข, 25

นี่เป็นคำกล่าวที่เปโตรกล่าวกับบรรดาทาส เปโตรได้กระตุ้นพวกเขาให้อดทนต่อความยากลำบากในชีวิต เหมือนพระเยซูเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่ดี ที่รับทนทรมานเพื่อเรา เปโตรได้ตอบคำถามที่ว่า “ทำให้คนชอบธรรมจึงทนทุกข์” เราจะต้องมองดูพระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งได้แสดงหนทางที่เราคริสตชนพึงเดิน

พระวรสาร: นักบุญยอห์น 10:1-10

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้เปรียบเทียบความรักของพระองค์ที่มีต่อบรรดาศิษย์และผู้ติดตามพระองค์ เหมือนกับความรักของผู้เลี้ยงแกะที่มีต่อฝูงแกะ พระองค์ทรงเป็นประตูแกะที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร และทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ที่ไม่เห็นแก่ตัว แต่เอาใจใส่และยอมตายเพื่อฝูงแกะ
  เป็นบุตรีของซีมอน ใสสว่างกับยออันนา สมเกียรติ ปู่ภิรมย์ วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1) ขอบคุณกลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 8 ที่มาช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือกลุ่มที่ 9

2) ขอบคุณลูกๆ นักเรียนคำสอนและเยาวชน ที่ช่วยกันปลูกไม้ดอกไม้ประดับและจัดสวนหย่อมที่วัดไม้ของเรา

3) แบบประชุมกลุ่มคริสตชนพื้นฐานเดือนพฤษภาคม เชิญหยิบได้ด้านหลัง ขอให้ผู้นำกลุ่มนำไปแจกสมาชิกในกลุ่ม
มีผู้ปฏิญาณตนพร้อมกัน 5 คน โดยมีคุณพ่อสมยศ เทพสมุทร เป็นประธานในพิธี

4) ฉลองวัด: วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2011ฉลองวัดนักบุญลอเรนซ์ ภูคำ มิสซาเวลา 10.00 น.

5) ขอเชิญร่วมพิธีบวชสังฆานุกรและพระสงฆ์ วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคมนี้ที่วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย มิสซาเวลา 10.00 น.

6) ประกาศศีลสมรสระหว่าง ยอห์นบอสโก ศิริศักดิ์ มิ่งแสง บุตรของนายชัยนิเทศ-นางพิมใจ มิ่งแสง จากนาบัว กับ มารีอา สุภาพร ปู่ภิรมย์ บุตรีของนายสมพงษ์-นางสุนา ปู่ภิรมย์ จากบ้านหลัก 35 ใครที่เห็นว่าทั้งคู่มีข้อขัดขวาง ไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานกันขอให้มาแจ้งกับทางวัด ประกาศครั้งที่ 2

7) เงินทานวันพฤหัสและเสาร์ 463.- บาท, วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 4,160.- บาท, และเงินทานวัดโพนสวาง 340.- บาท
 บรรดาญาติพี่น้องจากนาบัว-ดอนทอย นิวซีแลนด์และสวีเดนที่มาร่วมแสดงความยินดี