วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
ปี A
อสค 18:25-28
ฟป 2:1-11
มธ 21:28-32
บทนำ
ณ วัดแห่งหนึ่งหลังพิธีบูชาขอบพระคุณ พระสงฆ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมาใหม่ได้ถามสัตบุรุษว่า “เราจัดให้มีการศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเรียนรู้พระวาจาพระเจ้าดีไหม” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก” เขารู้สึกดีใจที่ทุกคนเห็นดีด้วยและได้นำเสนอเจ้าอาวาส  คุณพ่อเจ้าอาวาสได้บอกให้ถามสัตบุรุษอีกครั้งว่า “มีใครมาเรียนบ้าง” สัปดาห์ต่อมาเขาได้ประกาศว่า “ใครสนใจร่วมโครงการศึกษาพระคัมภีร์ให้มาลงชื่อ” ปรากฏว่ามีมาแค่สองคน
ทำให้พระสงฆ์หนุ่มตระหนักว่า การตอบรับข้อเสนอกับการปฏิบัติจริงเป็นคนละเรื่อง ในทุกสังคมมีคนที่ดีแต่พูดแต่ไม่ทำอะไร สอดรับกับคำอุปมาเรื่องบุตรสองคนในพระวรสารวันนี้ ชายเจ้าของสวนองุ่นมีบุตรสองคน เขาได้ไปหาบุตรคนแรกร้องขอให้ไปทำงานที่สวนองุ่น แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีในตอนแรก ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนใจไปทำงาน ขณะที่บุตรคนที่สองสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไป แต่สุดท้ายไม่ได้ไป
คำอุปมานี้เกิดขึ้นในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มสามวันก่อนพระเยซูเจ้าถูกจับ ทรงโต้แย้งกับหัวหน้าสมณะและพวกผู้อาวุโสของชาวยิว (มธ 21:23) บุตรคนแรกเป็นตัวแทนของคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี และคนบาปซึ่งเจริญชีวิตในบาปในสายตาของชาวยิว แต่ได้เชื่อและเปลี่ยนแปลงชีวิต บุตรคนที่สองเป็นตัวแทนของธรรมาจารย์และฟาริสี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนชอบธรรม แต่เมื่อบุตรพระเจ้าเสด็จมากลับปฏิเสธและจับพระองค์ไปตรึงกางเขน
1.        การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
คำอุปมาเรื่องบุตรสองคนสอนเราว่า คำพูดไม่อาจทดแทนการกระทำได้ บุตรทั้งสองตอบรับคำร้องขอของบิดาแตกต่างกัน คนแรกตอบปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คนที่สองตอบอย่างสุภาพ แต่ไม่ไป คำตอบรับที่สุภาพของเขาไม่อาจใช้แทนการกระทำได้ การกระทำเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์ความรักแท้ เวลาเป็นเด็กเราคงเคยบอกรักแม่ และแม่มักพูดว่า “แม่หวังว่าลูกจะทำให้แม่เห็นมากกว่านี้”
คำอุปมานี้สะท้อนคนสองประเภท ซึ่งเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ทั้งคู่และไม่มีค่าควรแก่การยกย่อง คนแรกดีกว่าคนที่สองในแง่ที่เขายอมปฏิบัติตามในภายหลัง การกระทำของเขาดีกว่าคำพูด มีคนเป็นจำนวนมากจัดอยู่ในประเภทนี้ แม้ไม่ได้อ้างตัวเป็นคริสตชนหรือไม่รู้จักพระนามเยซูด้วยซ้ำ แต่ชีวิตของเขาเป็นตัวอย่างที่ดี มีคุณธรรมยิ่งกว่าคนที่เป็นคริสตชนเสียอีก เป็นชีวิตที่เสียสละ คิดถึงคนอื่นมากกว่าตนเอง
ขณะที่อีกคนให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น แต่กระทำในสิ่งที่ตรงข้าม เข้าทำนอง “พูดอย่าง ทำอย่าง” “มือถือสาก ปากถือศีล” ชีวิตจริงหรือความประพฤติของเขาไม่สอดคล้องกับคำพูดหรือสิ่งที่เขาสอน คนประเภทนี้มักอ้างตัวอย่างหนึ่ง แต่ปฏิบัติตัวตรงกันข้าม คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักและไม่น่าเชื่อถือ คนประเภทนี้เป็นที่รังเกียจของสังคมและหมู่คณะ ในความเป็นจริง “ไม่มีใครต้องการฟังว่าเราจะพูดอะไร แต่เขาต้องการดูว่าชีวิตของเราเป็นอย่างไรต่างหาก”
2.        บทเรียนสำหรับเรา
คำอุปมาเรื่องบุตรสองคนได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องกระทำมากกว่าพูด เป็นการง่ายที่จะพูดหรือแสดงความคิดเห็น แต่สิ่งที่ทำให้ความคิดเห็นนั้นมีคุณค่าและเกิดผลคือ การลงมือปฏิบัติ “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูดเสมอ” หลายครั้งเราบอกเตือนบุตรหลานให้มาวัดวันอาทิตย์ ให้ถอยห่างจากการพนันและยาเสพติด แต่เรากลับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับพวกเขา นักบุญยอห์นบอกเราว่า “อย่ารักกันแต่ปากเพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง” (1 ยน 3:18)
ประการที่สอง เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ บิดาพูดกับบุตรทั้งสองว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” (มธ 21:28) เรามีชีวิตอยู่ใน “วันนี้” เท่านั้น ยังไม่รู้ว่า “พรุ่งนี้” จะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ดังนั้น เวลาที่สำคัญที่สุดคือ ขณะนี้ วันนี้ ไม่ใช่การผัดวันประกันพรุ่ง เอาไว้ให้รวยกว่านี้ถึงทำบุญ หรือรอให้แก่ชราก่อนถึงเข้าวัด แต่จงลงมือทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะ “วันพรุ่งนี้เป็นวันที่คนเกียจคร้านทำงาน และคนโง่เขลาเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
ประการที่สาม เราต้องตอบรับต่อพระเจ้า ทรงเรียกและเชื้อเชิญเราให้เปลี่ยนแปลงตนเองและตอบรับต่อพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงตอบรับต่อพระบิดาเจ้าและนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน การตอบรับหมายถึง การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า “ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา...นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” (มธ 7:21) และหมายถึง การรับใช้ “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มธ 20:28) ความสุขและความรอดของเราขึ้นอยู่กับการตอบรับต่อพระเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก คำอุปมาเรื่องบุตรสองคน สะท้อนความจริงที่ว่าไม่มีใครดีพร้อม แม้คนแรกจะดีกว่าคนที่สอง แต่ทั้งคู่ได้ทำให้บิดาผิดหวังและเจ็บปวด ลักษณะของบุตรที่ทำให้บิดาปลื้มปีติคือ คนที่พร้อมรับคำสั่ง เชื่อฟัง และปฏิบัติตามด้วยใจยินดี พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้มีอิสระที่จะตอบรับพระองค์ในการกระทำ ในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ ในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง เห็นอกเห็นใจและให้อภัยกันด้วยใจกว้าง
คำอุปมาจบลงด้วยการเน้นคนบาปมาหาพระเยซูเจ้า บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่าตนเองเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องพึ่งพระเจ้า ตรงข้ามกับคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี และคนบาปที่ตระหนักในของขวัญล้ำค่าที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้ ได้กลับใจและรับใช้พระองค์ด้วยความกระตือรือร้น เราถูกเรียกร้องให้ทำเช่นเดียวกัน มิใช่ดีแต่พูด ความเชื่อของเราต้องแสดงออกในภาคปฏิบัติ เพื่อเราจะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
29 กันยายน 2017
ภาพประกอบ: พระอัครสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์, นำคณะสงฆ์และภคินีเฝ้ารับเสด็จ, สนามบินเชียงเครือ สกลนคร; 1974-11-xx

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

แผนการของพระเจ้า

แผนการของพระเจ้า
วันเสาร์
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
ศคย 2:5-9, 14-15
ลก 9:43-45
นักบุญลูกาจบพันธกิจของพระเยซูเจ้าในแคว้นกาลิลี ด้วยการพูดถึงการเสด็จไปกรุงเยรูซาแล็มเพื่อรับทรมาน นับเป็นครั้งที่สองที่ทรงตรัสถึงเรื่องนี้ หลังจากทรงรักษาเด็กที่ถูกปีศาจสิงให้หายเป็นปกติ “ทุกคนประหลาดใจมากเมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (ลก 9:43) การประกาศข่าวดีของพระองค์ในระยะเริ่มแรกประสบความสำเร็จพอสมควร ประชาชนต่างชื่นชม และทึ่งในงานที่ทรงกระทำ
พระเยซูเจ้ามิได้เคลิบเคลิ้มไปกับคำชื่นชมของประชาชน แต่ทรงมุ่งไปที่พันธกิจที่พระบิดาเจ้าทรงมอบหมาย อีกทั้งทรงเตรียมบรรดาศิษย์มิให้ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด และละเป้าหมายจากแผนการของพระเจ้า พระองค์ทรงบอกพวกเขาล่วงหน้าถึงพระทรมาน “ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำเหล่านี้ไว้ให้ดีเถิด บุตรแห่งมนุษย์กำลังถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย” (ลก 9:44) ทรงเลือกหนทางแห่งไม้กางเขน เพื่อร่วมส่วนในชีวิตและไถ่บาปเราทั้งหลาย
นักบุญลูกาแจ้งเรื่องพระทรมานเป็นครั้งที่สอง ขณะที่ประชาชนกำลังประหลาดใจในงานของพระองค์ พระทรมานและการสิ้นพระชนม์ถือเป็นการจบสิ้นการเดินทางของพระองค์ในโลกนี้ พระวรสารทั้งสี่พูดถึงเหตุการณ์นี้มิใช่แบบวาระสุดท้าย แต่เป็นศูนย์รวมของเหตุการณ์ที่ทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ แม้พระองค์พยายามเตรียมจิตใจบรรดาศิษย์ให้เข้าใจ แต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะใจของพวกเขามุ่งไปที่ตำแหน่งและอำนาจทางการเมือง
บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระดำรัสของพระเยซูเจ้า “บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย” หมายถึงการตกเป็นเหยื่อและได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน บรรดาศิษย์มิได้คาดหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะต่างมุ่งหวังตำแหน่งและอำนาจ แต่นี่เป็นแผนการและพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า เพื่อช่วยมนุษย์ให้ได้รับความรอดนิรันดร ผ่านทางพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์
ศิษย์พระคริสต์ต้องเจริญชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นมือที่ช่วยมนุษย์ให้หายจากความเจ็บป่วย ความทุกข์ทรมาน และความพิการทุพลภาพ และพร้อมถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย เพื่อช่วยพวกเขาให้มีชีวิตที่ดีขึ้นผ่านทางงานเมตตาจิตและกิจการดีที่เรากระทำ ไม่มุ่งหวังความสำเร็จและคำชมของมนุษย์ แต่มุ่งทำให้แผนการและพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
29 กันยายน 2017
ภาพประกอบ: พระสังฆราชเกลาดิอุส บาเยต์, เสก-เปิดรองอาสนวิหารนักบุญอันนา หนองแสง, นครพนม; 1975-04-18

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

ทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่

ทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่
29 กันยายน
ฉลองอัครทูตสวรรค์ มีคาแอล กาเบรียล และราฟาแอล
วว 12:7-12
ยน 1:47-51
วันนี้พระศาสนจักรให้เราทำการฉลอง อัครทูตสวรรค์มีคาแอล กาเบรียล และราฟาแอล คำว่า ทูตสวรรค์ หรือ เทวดา มาจากคำ Angelos” ในภาษากรีกหมายถึง ผู้ส่งข่าว หรือ ผู้นำสาร ในความเชื่อคริสตชนเราถือว่า ทูตสวรรค์เป็นจิตบริสุทธิ์ที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้า คอยปรนนิบัติรับใช้ หรือปฏิบัติตามที่ทรงมอบหมาย ตามหลักฐานและความเชื่อของชาวยิว มีอัครทูตสวรรค์อยู่ 7 องค์ แต่ที่เราทราบดีคือ มีคาแอล กาเบรียล และราฟาแอล ที่เราฉลองวันนี้
ทูตสวรรค์ได้รับการอ้างถึงบ่อยครั้งในพันธสัญญาใหม่ ในฐานะเป็นผู้แจ้งข่าวแก่พระนางมารีย์ นักบุญยอแซฟ เศคาริยาห์ และพวกคนเลี้ยงแกะเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซูเจ้า ทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองพระเยซูเจ้าขณะอดอาหารในถิ่นทุรกันดาร และบรรเทาใจพระองค์ขณะเข้าตรีทูตในสวนเกทเสมนี อีกทั้งแจ้งข่าวเรื่องการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ และนำพาเปโตรให้เป็นอิสระจากการถูกจองจำในคุก
มีคาแอล หมายถึง “ใครเล่าเหมือนพระเจ้า” คริสตชนสมัยแรกถือเป็นผู้นำในการต่อสู้กับหัวหน้าทูตสวรรค์ชื่อ “ลูซีแฟร์” ที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ดังภาพพจน์ของมังกรในหนังสือวิวรณ์ ซึ่งเราได้ฟังในบทอ่านที่หนึ่ง (วว 12:7-9) พระคัมภีร์และธรรมประเพณีบอกให้เราทราบว่า มีคาแอลทำหน้าที่ปกป้องเราในการต่อสู้กับปีศาจ พิทักษ์และนำเราสู่สวรรค์ในห้วงเวลาแห่งความตายเพื่อรับการพิพากษา มีคาแอลจึงเป็นองค์อุปถัมภ์ของทหารและตำรวจ
กาเบรียล หมายถึง “พละกำลังของพระเจ้า” ที่ทำหน้าที่แจ้งข่าวจากพระเจ้าให้มนุษย์ได้ทราบ (ลก 1:26-38) กาเบรียลเป็นองค์อุปถัมภ์ของผู้ส่งสารและเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ส่วน ราฟาแอล หมายถึง “การรักษาของพระเจ้า” ซึ่งเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองโทเบียที่ได้รับมอบหมายจากบิดาให้ไปทวงหนี้ให้ได้รับความปลอดภัย อีกทั้ง ยังรักษาดวงตาของโทบิตผู้บิดาซึ่งตาบอดให้หาย (ทบต 3:17, 12:15) ราฟาแอลเป็นอุปถัมภ์ของแพทย์ พยาบาล และผู้นำทาง
บรรดาอัครทูตสวรรค์ทั้งหลายที่เราฉลองวันนี้ เป็นทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและซื่อตรงต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เราต้องขอบคุณพระเจ้าสำหรับอัครทูตสวรรค์ของพระองค์และงานที่พวกท่านได้ทำ ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบอัครทูตสวรรค์ ในความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและซื่อตรงต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้สำเร็จลุล่วงไปตามพระประสงค์ของพระองค์ อีกทั้ง มีจิตใจที่ใสซื่อ ไร้เล่ห์มารยา เชื่อมั่น และวางใจในพระเจ้าเหมือนนาธานาแอลในพระวรสาร
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
28 กันยายน 2017
ภาพ : พระอัครสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์, ครบรอบ 75 ปี, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; c 1995

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

พระเยซูเจ้าเป็นใคร

พระเยซูเจ้าเป็นใคร
วันพฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
ฮกก 1:1-8
ลก 9:7-9
พระวรสารวันนี้ กษัตริย์เฮโรดได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า สะท้อนความจริงว่า “ข่าวเดินทางไกลและรวดเร็ว” แม้สมัยนั้นจะไม่มีเครื่องมือสื่อสารทันสมัยอย่างในปัจจุบัน พระเยซูเจ้าทรงเริ่มพันธกิจอย่างเปิดเผย ด้วยการเทศน์สอนอย่างทรงอำนาจและทำอัศจรรย์มากมาย  อาทิ การรักษาผู้เจ็บป่วยให้หาย การช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ทรมานให้ได้รับความบรรเทา พระองค์เสด็จไปที่ไหนก็ทำแต่ความดี
นอกนั้น พระเยซูเจ้าได้ส่งอัครสาวกสิบสององค์ออกไปประกาศข่าวดีและรักษาคนเจ็บป่วย ทำให้ข่าวดีของพระองค์กระจายไปทั่วและได้ไปถึงหูของกษัตริย์เฮโรด ผู้ครองแคว้นกาลิลี เฮโรดไม่เคยเห็นพระเยซูเจ้ามาก่อน ได้ยินแต่สิ่งที่ประชาชนพูดถึงพระองค์ในลักษณะต่างๆ “บางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศเอลียาห์ได้ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ” (ลก 9:8)
เฮโรดรู้สึกสับสน สิ่งหนึ่งที่เฮโรดแน่ใจคือ “ยอห์นนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว” (ลก 9:9) แต่พระเยซูเจ้าเป็นใคร เฮโรดแปลกใจมาก อยากรู้อยากเห็น และต้องการพบพระองค์ เฮโรดเป็นคนที่อ่อนแอ ตื้นเขิน และไม่ได้ลึกซึ้งจริงจังอะไร นักบุญลูกาบอกให้เราทราบว่าเฮโรดต้องการพบพระองค์เพราะความอยากรู้อยากเห็น ไม่ใช่เพราะเห็นว่าพระองค์เป็นประกาศกหรือพระเมสสิยาห์ เมื่อปีลาตส่งพระองค์มาให้เฮโรดไต่สวนก็ไม่ได้ใช้โอกาสนั้นเพื่อรู้จักพระองค์
มีผู้คนจำนวนมากเป็นอย่างเฮโรด ต้องการพบพระเยซูเจ้าเพราะความอยากรู้อยากเห็น หรือเพราะทำตามอย่างคนอื่น ไม่ได้เกิดจากความเชื่อศรัทธาแต่อย่างใด พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา เราได้แสวงหาเพื่อรู้จักพระองค์ในฐานะพระผู้ไถ่ องค์พระเจ้า และบุตรพระเจ้าหรือเปล่า พระองค์มีความหมายอย่างไรสำหรับชีวิตของเราในปัจจุบัน พระองค์ทรงพระชนม์อยู่จริงๆ สำหรับเราในพิธีกรรม ในพระศาสนจักร และในผู้คนที่เราพบหรือเปล่า
ในฐานะศิษย์พระคริสต์ เราต้องรู้จักพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัว พบพระองค์ทุกวันในการอธิษฐานภาวนา การรำพึงพระวาจา การร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ และนำพระองค์ไปสู่บุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักพระองค์และพบสันติสุขในพระองค์ อีกทั้ง ต้องเลียนแบบอย่างของพระองค์ในการกระทำแต่ความดีงาม มีใจเปิดกว้างสู่ผู้อื่น และพร้อมช่วยเหลือทุกคนที่ทุกข์ยากเดือดร้อน นี่คือการทำให้พระเยซูเจ้าทรงพระชนม์อยู่อย่างแท้จริง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
27 กันยายน 2017
ภาพประกอบ: พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนม์ชีพ, พิพิธภัณฑ์วาติกัน, นครรัฐวาติกัน, อิตาลี; 2007-12-29

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี

พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี
วันพุธ
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
อสร 9:5-9
ลก 9:1-6
พระวรสารวันนี้เกี่ยวกับพันธกิจของอัครสาวก พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวก 12 คนไปประกาศข่าวดี ถือเป็นการฝึกปฏิบัติงานประกาศข่าวดีที่พวกเขาต้องรับผิดชอบในอนาคต ครั้งนี้ยังไม่ใช่การส่งพวกเขาออกไปในโลก แต่เป็นการฝึกพวกเขาในสถานการณ์จริงแห่งชีวิต การทดสอบที่พวกเขาต้องเรียนรู้ และกลับมารายงานให้พระองค์ทราบ อีกทั้ง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้รับซึ่งกันและกัน
พระเยซูเจ้าได้ให้คำแนะนำแก่บรรดาอัครสาวกถึงสิ่งที่ต้องทำ และทรงมอบอำนาจแก่พวกเขาเพื่อ 1) การขับไล่ปีศาจและรักษาโรค, 2) การประกาศอาณาจักรพระเจ้าตามหมู่บ้านต่างๆ, 3) การประกาศข่าวดี และ 4) การรักษาโรคทั่วไป กล่าวโดยสรุป การประกาศข่าวดีและการรักษาโรค เป็นงานธรรมทูตที่ต้องกระทำควบคู่กันไป ธรรมทูตไม่เพียงพึงพอใจในการเทศน์สอน แต่ต้องช่วยเพื่อนมนุษย์ให้พ้นจากความชั่วและความทุกข์ทรมาน
พระเยซูเจ้าทรงเน้นให้ดำเนินชีวิตยากจน ซึ่งเป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย ไม่เอาอะไรไป “เมื่อท่านเดินทาง อย่านำสิ่งใดไปด้วย อย่านำไม้เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือแม้แต่เสื้อสำรองไปด้วย” (ลก 9:3) พวกเขาต้องขึ้นอยู่กับพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์จัดหาให้ การปฏิบัติความยากจนเรียกร้องความเชื่อ และตระหนักว่าพระเจ้าทรงดูแลเรา พระองค์จะประทานสิ่งจำเป็นแก่เรา “โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายวันนี้” (มธ 6:11)
พระเยซูเจ้าทรงกำชับบรรดาอัครสาวกให้พักอยู่ในบ้านหนึ่ง ไม่เข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้เพื่อแสวงหาความสะดวกสบาย ไม่เรียกร้องสิ่งใด แต่พอใจในสิ่งที่เขาจัดหาให้ สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องตระหนักเสมอ พระเยซูเจ้าทรงยากจนและชีวิตของพระองค์ขึ้นอยู่กับพระบิดาเจ้า ความยากจนเป็นเรื่องที่พระศาสนจักรสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นเครื่องหมายถึงพระอาณาจักรสวรรค์
ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตประกาศข่าวดี บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูเจ้าให้ผู้อื่นได้รับรู้ผ่านทางชีวิตของเรา สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการเทศน์สอนหรือการประกาศข่าวดีคือ ชีวิตที่เป็นประจักษ์พยาน ที่เผยให้เห็นพระเยซูเจ้าทั้งด้วยคำพูดและกิจการ เป็นเครื่องหมายที่ทำให้ผู้อื่นได้รู้ถึงความรัก ความเมตตากรุณา การรับใช้ และการให้อภัยของพระองค์ พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีและงานเมตตาจิตต้องกระทำควบคู่กันไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
ศูนย์คณะพระมหาไถ่, พัทยา ชลบุรี
26 กันยายน 2017
ภาพประกอบ: คุณพ่อยอห์น บัปติสต์ โปรดม (ซ้ายมือ) และคุณพ่อฟรังซิส เซเวียร์ เกโก (ขวามือ), สองธรรมทูตผู้บุกเบิกและแพร่ธรรมในภาคอีสาน; น่าจะเป็นรูปหลังบวชเป็นพระสงฆ์ Cr. เซอร์ มารีอา โปลีน ชูวิรัช

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

ฟังพระวาจาและนำไปปฏิบัติ

ฟังพระวาจาและนำไปปฏิบัติ
วันอังคาร
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
อสร 6:7-8, 12, 14-20
ลก 8:19-21
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนสำคัญแก่บรรดาศิษย์ นั่นคือการออกจากครอบครัวเพื่อเห็นแก่พระเจ้าและพระอาณาจักรของพระองค์ ในดินแดนที่ให้ความสำคัญกับระบบเครือญาติ ย่อมเป็นเรื่องยากในการปฏิบัติ พระองค์มิได้ปฏิเสธครอบครัวของพระองค์ แต่ทรงทำให้ความสนิทสนมแบบครอบครัวเป็นต้นแบบของการรู้จักพระเจ้าอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์อย่างสมบูรณ์ และทำงานเพื่อพระองค์อย่างร้อนรน
ในชีวิตคริสตชน ถัดจากพระเยซูเจ้าคือความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารีย์ มารดาของพระองค์ พระวรสารนักบุญลูกาได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแม่พระและพระเยซูเจ้าในวัยเด็กมากที่สุด เป็นไปได้ว่าลูกาได้ติดต่อกับแม่พระและได้ฟังคำบอกเล่าจากพระนางโดยตรง ข้อความตอนสั้นๆวันนี้ ลูกาเล่าเพื่อแก้คำเล่าลือผิดๆ เกี่ยวกับพระองค์ ที่นักบุญมาระโกเล่าว่าพระองค์เสียสติ ทำให้ครอบครัวและญาติพี่น้องของพระองค์พยายามนำตัวกลับบ้าน
ฉากของเรื่องลูกาเล่าว่าแม่พระและญาติพี่น้องมาเยี่ยมพระเยซูเจ้า แต่ไม่อาจเข้าใกล้พระองค์ได้เพราะประชาชนมากมายห้อมล้อมพระองค์ ฝูงชนเหล่านี้เป็นดังรั้วมนุษย์ที่ขวางกั้นทำให้เข้าไม่ถึง แต่มีผู้เห็นเหตุการณ์และทูนพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของท่านกำลังยืนอยู่ข้างนอกต้องการพบท่าน” (ลก 8:20) และพระองค์ทรงตอบว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือคนเหล่านี้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ” (ลก 8:21)
คำตอบของพระเยซูเจ้าได้ให้ความกระจ่างว่า “ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่สำคัญ แต่เป็นความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าในสายสัมพันธ์แห่งความรัก” ลูกาเลือกเล่าเรื่องนี้หลังจากได้เล่าคำอุปมาเรื่องผู้หว่านและเรื่องตะเกียง เพื่อเสนอเทววิทยาเรื่องพระวาจา: ใครฟังพระวาจาของพระเจ้าเป็นดินดีที่เกิดผลมาก เขาเป็นดังตะเกียงที่วางบนเชิงตะเกียงเพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน และเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้เราถวายเกียรติแด่แม่พระในฐานะมารดาของพระองค์ แต่ด้วยเหตุผลที่สำคัญมากกว่า นั่นคือ ในฐานะผู้ที่มีความรักต่อพระเจ้าอย่างใกล้ชิด เพราะพระนางได้เปิดหัวใจทั้งครบต่อพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะพระนางเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า เพราะพระนางมีความเชื่อและความวางใจในพระเจ้าอย่างแท้จริง พระองค์ได้ขยายความของครอบครัวให้กว้างขึ้น ที่ผูกพันคนจำนวนมาด้วยพระวาจาของพระองค์และการนำไปปฏิบัติ
ศิษย์พระคริสต์ถูกเรียกร้องให้เจริญชีวิตตามพระวาจา และนำไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ทำให้เราเป็นเหมือนพระเยซูเจ้าทั้งวิธีคิดและการปฏิบัติ และทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่นดุจพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเลียนแบบอย่างแม่พระผู้เป็นต้นแบบในการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลก 1:38)
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
ศูนย์คณะพระมหาไถ่, พัทยา ชลบุรี
25 กันยายน 2017
ภาพประกอบ: งานอาชีแอส, วัดมหาพรหมมีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร: c 1965

วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560

จงเป็นแสงสว่าง

จงเป็นแสงสว่าง
วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
อสร 1:1-6
ลก 8:16-19
คำอุปมาเรื่องตะเกียงในพระวรสารนักบุญลูกาวันนี้ อ้างถึงตะเกียงที่จุดบริเวณประตูทางเข้าบ้านในยุคเฮลเลนิสติก (Hellenistic 323 BC -31 BC) เพื่อส่องสว่างแก่คนที่เข้าไปข้างในบ้าน ต่อมาได้มีการประยุกต์เรื่องตะเกียงส่องสว่างแก่คนต่างศาสนาที่เข้ามาในพระอาณาจักร ชาวยิวต้องไม่เก็บรักษาตะเกียงของตนไว้ หรือปิดบังแสงสว่างแห่งความเชื่อไว้สำหรับตนเองเท่านั้น แต่ต้องตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อให้คนอื่นได้เห็นและรับรู้
ธรรมล้ำลึกเรื่องพระอาณาจักรได้รับการส่งมอบแก่บรรดาศิษย์ เพื่อเปิดเผยแก่มนุษย์ในโลก บรรดาอัครสาวกได้ดำเนินชีวิตเป็นตะเกียง ข่าวดีแห่งพระวรสารต้องได้รับการเผยแพร่ดังแสงสว่าง ซึ่งส่องสว่างไปทุกซอกทุกมุมโดยไม่ปิดบัง แสงสว่างนี้ได้รับผ่านมาจากพระเยซูเจ้าดุจเดียวกับแสงอาทิตย์ได้รับพลังจากดวงอาทิตย์ ดังนั้น ข่าวดีของพระองค์ต้องเป็นดังคำอุปมาที่เรียกร้องความพยายามเพื่อความเข้าใจ และทำให้เกิดความกระจ่างโดยไม่ปิดบังซ่อนเร้น
พระเยซูเจ้าตรัสกับเราชัดเจนว่า “ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาถังครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่างได้” (ลก 8:16) ในอดีตตะเกียงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และจำเป็นมากเพื่อส่องสว่าง เราต้องทำตัวเป็นประโยชน์ต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ด้วยการเป็นตะเกียงที่ส่องสว่างสำหรับตัวเองเป็นลำดับแรก ก่อนช่วยผู้อื่นให้ได้รู้จัก รักและรับใช้พระองค์ในโลก
ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นแสงสว่างแห่งความเชื่อ เป็นดังตะเกียงที่ส่องสว่างแก่ทุกคน ชีวิตคริสตชนของเราต้องส่องสว่างให้ทุกคนได้เห็นถึงความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยของพระเจ้า ผ่านทางคำพูดและกิจการดีต่างๆ ที่เรากระทำในชีวิตประจำวัน เราแต่ละคนเข้าใจดีว่ากิจการดังกว่าคำพูด คำตักเตือนหรือเทศน์สอนจะไม่มีประโยชน์ใดๆ หากเรามิได้ดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานให้คนอื่นได้เห็น
“ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดให้ชีวิตของข้าพระองค์เป็นพยานถึงข่าวดีของพระองค์ ช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตตามพระวรสารเพื่อให้ทุกคนได้เห็น”
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
24 กันยายน 2017
ที่มาของรูป: http://bsnscb.com/lantern-wallpapers/27400995.html

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

สารวัดป่าพนาวัลย์, ปีที่ 3 ฉบับที่ 124

Text Box:  สารวัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์ และวัดนักบุญเทเรซา วนาสามัคคี

ปีที่ 3  ฉบับที่ 124  อาทิตย์ที่ 24  กันยายน ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560):  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 187 หมู่ที่ 5 บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47230È086-231-3231

รา
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
วัดนักบุญเทเรซา วนาสามัคคี วัดซึ่งต้องทำหน้าที่ดูแลอีกหนึ่งวัด
พี่น้องที่รัก พระเจ้าทรงเป็นองค์ความดีบริบูรณ์และความรักอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์มิได้มีจิตใจคับแคบและเห็นแก่ตัวเหมือนอย่างที่มนุษย์เป็น แต่ทรงพระทัยดีอย่างล้นเหลือ ทรงพระทัยเมตตาหาและให้อภัยไม่สิ้นสุด ทรงประทานความสามารถและพระพรของพระองค์แก่เราทุกคน มากกว่าที่เราสมควรได้รับด้วยซ้ำ เพื่อช่วยเราให้ได้รับความรอดนิรันดร และร่วมสุขกับพระองค์ในพระอาณาจักรสวรรค์
ให้เราได้กราบขอสมาโทษพระเจ้า หากเราไม่ได้ตระหนักถึงพระทัยดีและความรักเมตตาของพระองค์ที่มีต่อเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการมองและตัดสินพระองค์ด้วยจิตใจที่คับแคบอย่างมนุษย์ มีความอิจฉาริษยาและบ่นว่าพระองค์ เป็นต้นกับเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้าง เพื่อเราจะได้เหมาะสมสำหรับการร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้
 ชาววนาสามัคคีที่มาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณวันอาทิตย์ 17 กันยายน 2017
บทอ่านที่ 1: อสย 55:6-9 เรามักมองดูพระเจ้าด้วยความคิดแบบมนุษย์ โดยคิดว่าพระองค์ทรงมีจิตใจคับแคบเหมือนอย่างเรา แต่ประกาศกอิสยาห์บอกเราว่า “ความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของท่าน ทางของท่านก็ไม่ใช่ทางของเรา” ประกาศกเตือนเราให้วางใจในพระเจ้า “จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์ทรงยอมให้เราพบ จงทูลขอเมื่อพระองค์อยู่ใกล้”
บทอ่านที่ 2: ฟป 1:20ค-24, 27ก นักบุญเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ขณะถูกจองจำอยู่ในคุกรอคอยความตาย และเกิดความคิดสองอย่างในตัวท่าน ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อรับใช้กลุ่มคริสตชนหรือไปอยู่กับพระเยซูเจ้า ท่านได้ภาวนาขอให้เป็นไปตามที่พระเจ้าทรงประสงค์สำหรับตัวท่าน และท่านได้ตอบรับต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการ
พระวรสาร: มธ 20:1-16 พระเจ้าทรงเรียกทุกคนให้มาทำงานในอาณาจักรของพระองค์ด้วยความรัก เพื่อให้ทุกคนได้พบความรอดนิรันดร เราควรทำงานหรือทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มิใช่เพื่องานหรือหวังสินจ้างรางวัล แต่เพื่อการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องด้วยความยินดี คุณค่าแห่งการรับใช้ของเราวัดได้จากความรักและความใจกว้างที่เราแสดงออกต่อกัน
 ขอบคุณโรงทานจากลูกหลานตระกูลอุดมเดชและใจเสรีที่ทำบุญอุทิศให้บรรพชน
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1)      เสาร์ที่ 30 กันยายน 2017 พิธีบูชาขอบพระคุณอุทิศให้ โรซาทองจันทร์ วิมลจันทร์ ครบ 100 วัน เวลา 10.00 น. และมิสซาเปิดเดือนแม่พระแห่งสายประคำปี 2017 ณ ศาลามีคาแอลเกี้ยน เสมอพิทักษ์ เวลา 18.30 น.
2)      ศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2017 แห่แม่พระและพิธีบูชาขอบพระคุณเตรียมจิตใจฉลองบ้านเณรคืนสุดท้าย เวลา 19.00 น.
3)      เสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2017 ฉลองบ้านเณรฟาติมา ท่าแร่ และพิธีบวชเป็นพระสงฆ์ของ สังฆานุกรยอแซฟ ขวัญชัย นาอุดม สัตบุรุษวัดท่าแร่ และสังฆานุกรยอแซฟ เหียน-เดี่ยน ตรั่นวัน คณะซิสแตร์เซียน ประเทศเวียดนาม พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.00 น. ประกาศครั้งที่ 2
4)      ขอเชิญเด็กและเยาวชนหญิงคาทอลิก อายุไม่เกิน 30 ปี ที่สนใจค่ายกระแสเรียก Come and See” ของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม 2017 ณ โรงเรียนเซนต์โยเซฟท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร
5)         ผู้บริจาคเงินทำรั้วสุสาน: (1) นางจันทอน แร่ถ่าย 600.- บาท, (2) อ.พิกุล คำปัง 500.- บาท, (3) อ.ปราณี ทองอนันทวงศ์ 500.- บาท และ (4) ครอบครัวป้ามุกดา มรดก 1,000.- บาท  ยอดรวม 28,100.- บาท
6)      เงินทานวันอาทิตย์ (17 ก.ย.) มิสซาเช้า จำนวน 3,200.- บาท มิสซาเย็น 500.- บาท รวมเป็นเงิน 3,700.- บาท และเงินทานวัดวนาสามัคคี 229.- บาท
 โครงการชุมชนสดใสใส่ใจสุขภาพสำหรับพี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
วันอาทิตย์
24
10.00 น.
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
†สุขสำราญ พี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
จันทร์
25
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

วันอังคาร
26
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

วันพุธ
27
18.30 น.
ระลึกถึง น.วินเซนเดอปอล พระสงฆ์
และเพื่อนมรณสักขี
วันพฤหัสบดี
28
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

วันศุกร์
29
18.30 น.
ฉลองอัครทูตสวรรค์มีคาแอล คาเบรียล และราฟาแอล

วันเสาร์
30
18.30 น.
ระลึกถึง น.เยโรม พระสงฆ์ และนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร


 ชาวป่าพนาวัลย์รับฟังวิธีการรักษาสุขภาพปากและฟันจากคุณหมอ รพ.สต. ท่าแร่