วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า


พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า

วันอาทิตย์
สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
ปี C
ปฐก 14:18-20
คร 11:23-26
ลก 9:11-17

บทนำ

 นโปเลียน ได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิผู้เกรียงไกร นำกองทัพพิชิตดินแดนต่างๆ มากมาย เบื้องหลังแห่งชัยชนะของนโปเลียนคือการใส่ใจในความเป็นอยู่ของทหาร โดยเฉพาะในยามที่กองทัพต้องเดินทางไกล การขาดแคลนอาหารและเสบียงเป็นสาเหตุให้ทหารอ่อนล้าและเจ็บป่วย นโปเลียนบอกกับแม่ทัพนายกองว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” นั่นหมายความว่าต้องมีอาหารหรือเสบียงที่เพียงพอ

ด้วยเหตุนี้ นโปเลียนได้ตั้งรางวัล 2 หมื่นฟรังแก่คนที่สามารถคิดค้นวิธีถนอมอาหารไว้ได้นาน เพื่อทหารจะได้ใช้ในเวลาเดินทางไกล หัวหน้าเชฟชาวปารีสคนหนึ่งคว้าเงินรางวัลจำนวนดังกล่าว เพราะสามารถคิดค้นอาหารบรรจุกระป๋องที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เพียงแค่นำมาอุ่นก็จะสามารถรับประทานได้ทันที ทำให้กองทัพของนโปเลียนเดินทางได้ไกลและมีแสนยานุภาพในการรบ

ในการเดินทางฝ่ายจิต ต้องอาศัยอาหารเช่นเดียวกันเพื่อเราจะได้มีพลังในการเดินทางเพื่อมุ่งสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ศีลมหาสนิท คืออาหารฝ่ายจิตของทหารพระคริสต์ทุกคน ซึ่งเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปสวรรค์ และเป็นแหล่งพลังที่ช่วยให้เราร้อนรนไปด้วยไฟแห่งความรักของพระองค์ในชีวิตประจำวัน

1.      พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า

ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่เล่ม ได้เล่าเหตุการณ์ตอนที่พระเยซูเจ้าทวีขนมปังเลี้ยงคนเป็นจำนวนมากในถิ่นทุรกันดารไว้เหมือนกัน แต่นักบุญลูกาซึ่งเขียนพระวรสารหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าสี่สิบปี ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทวีขนมปังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้คริสตชนได้เข้าใจถึง อัศจรรย์ที่ทรงกระทำทุกวันในพิธีบูชาขอบพระคุณ

นักบุญลูกาเล่าว่า พระเยซูเจ้าทรงต้อนรับฝูงชน ตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรพระเจ้า และทรงรักษาคนที่ต้องการรับการบำบัดรักษา (ลก 9:11) พระองค์ไม่ทรงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยที่จะต้อนรับเราทุกวันอาทิตย์ด้วยอ้อมแขนที่เปิดกว้าง ทรงรักษาความเจ็บป่วยทางวิญญาณของเรา โดยทรงเชื้อเชิญเราให้สำนึกในบาปที่เรากระทำก่อนจะเริ่มพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ หากเราสารภาพผิดด้วยเต็มใจเราก็จะได้รับการยกบาป

ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวที่พระเยซูเจ้าทรงทวีเลี้ยงคนเป็นจำนวนมาก เป็นรูปหมายถึง อาหารที่ทรงเตรียมไว้สำหรับเราในศีลมหาสนิท อาหารนี้คือตัวพระองค์เอง “เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต” (ยน 6:51) การได้กินอาหารนี้ จะทำให้เราสามารถข้ามผ่านทะเลทรายแห่งชีวิตสู่แผ่นดินพันธสัญญา คือชีวิตนิรันดร “ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์และไม่ดื่มโลหิตของเขา ท่านจะไม่มีชีวิตในตัวเอง” (ยน 6:53)

นักบุญลูกา ต้องการให้เราคริสตชนมองดูการทวีขนมปังของพระเยซูเจ้า ไม่ใช่เพียงเพื่อบรรเทาความหิวโหยของฝูงชนเท่านั้น แต่ต้องการช่วยให้บรรดาอัครสาวกได้เข้าใจถึงศีลมหาสนิท ซึ่งพระองค์จะทรงตั้งขึ้นในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ดังนั้น ในพระวรสารของลูกาจึงเห็นถึงพระดำรัสที่เหมือนกันระหว่างการทวีขนมปังกับถ้อยคำที่พระองค์ประกาศในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย เพื่อเปลี่ยนปังให้เป็นพระกายและเปลี่ยนเหล้าองุ่นให้เป็นพระโลหิตของพระองค์

2.      บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าและการสมโภชในวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นอาหารทรงชีวิตที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งขึ้นและประทานแก่พระศาสนจักร เพื่อหล่อเลี้ยงพระศาสนจักรและทำให้เราเติบโตและเข้มแข็ง ศีลมหาสนิทจึงเป็นบ่อเกิดและพลังแห่งชีวิตคริสตชน ที่เราต้องหมั่นไปรับพระองค์บ่อยๆ เป็นต้นในพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวันอาทิตย์

ประการที่สอง เราต้องดำเนินชีวิตในความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกัน ศีลมหาสนิทเป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงประชากรของพระองค์ ให้เป็นหมู่คณะและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ “ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา” (ยน 6:56) ทำให้เรามีประสบการณ์ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ที่เราต้องแสดงออกในชีวิตประจำวัน ในความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพื่อนพี่น้อง ในครอบครัว หมู่คณะและในวัดของเรา

ประการที่สาม เราจะต้องเป็นผู้นำพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น เมื่อเราได้รับศีลมหาสนิท เราได้กลายเป็นผู้นำพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่นเช่นเดียวกับแม่พระ ทุกครั้งที่เรามาร่วมมิสซาวันอาทิตย์และรับพระองค์ในศีลมหาสนิท เราจะต้องไม่ทิ้งพระองค์ไว้ในวัด แต่จะต้องนำพระองค์กลับออกไปในชีวิตประจำวัน นำพระองค์กลับไปสู่ครอบครัวและที่ทำงาน ด้วยการเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัยและการรับใช้ที่เสียสละขององค์พระคริสตเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ศูนย์กลางของศีลมหาสนิทคือ พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ที่ทรงประทานให้แก่เราคริสตชน คำว่า มหาสนิท หมายถึงเอกภาพหนึ่งเดียว ที่ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเจ้า การไปรับศีลมหาสนิทและตอบรับว่า “อาแมน” จึงเป็นการประกาศถึงเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของหมู่คริสตชน ที่ทุกคนต่างรับปังจากก้อนเดียวกันและดื่มโลหิตจากถ้วยเดียวกัน คือองค์พระคริสตเจ้า ดังนั้น ทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิทจึงเป็นการย้ำว่า ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันและพี่น้องกัน

เราต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่าในฐานะที่เป็นคริสตชน ทุกคนที่สัมผัสชีวิตของเราได้พบกับความรักของพระเจ้าในตัวเราหรือเปล่า เราได้กลายเป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้แห่งความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกับกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องมากน้อยแค่ไหน ในชีวิตของเรา เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและในวัดของเรา ศีลมหาสนิทจะยังคงเป็นเพียงพิธีกรรม ที่ระลึกถึงการกระทำของพระเยซูเจ้าเมื่อสองพันปีก่อน หากศีลมหาสนิทไม่ได้กลายเป็นชีวิตที่แท้จริงของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
5 มิถุนายน 2010

ดูเพิ่มเติม

“พระเยซูเจ้า ปังทรงชีวิต” ปี A: http://dondaniele.blogspot.com/2011/06/blog-post_24.html
“ศีลมหาสนิท พลังชีวิตคริสตชน” ปี B: http://dondaniele.blogspot.com/2012/06/blog-post_08.html

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อิตาลีรำลึก 1



อิตาลีรำลึก
อิตาลีเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจให้หลงใหล โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรม มีมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติมากกว่าทุกประเทศในโลก มีแหล่งอารยธรรมมากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความรุ่งเรืองในอดีต ประการสำคัญ อิตาลีเป็นดินแดนแห่งความเชื่อที่เต็มไปด้วยมรณสักขีและนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีสักการสถานและวิหารมากมายที่สร้างอย่างวิจิตรบรรจง สะท้อนความเชื่อของผู้คนในแต่ละยุคสมัย เป็นมรดกทางความเชื่อให้โลกได้ชื่นชม
 มหาวิหารแม่พระแห่งปวงเทวาที่สร้างคร่อมวัดน้อยที่นักบุญฟรังซิสอัสซีซีสร้างขึ้น
ประเทศอิตาลี มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (Repubblica italiana) เป็นประเทศในทวีปยุโรปทางตอนใต้  ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบู๊ต และมีเกาะใหญ่ 2 เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนคือ เกาะซิชิลีและซาร์ดิเนีย มีพรมแดนตอนเหนือติดกับประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรียและสโลวีเนีย โดยมีเทือกเขาแอลป์ขวางกั้นแบ่งเขต เป็นประเทศที่มีภูมิอากาศอบอุ่นกว่าทุกประเทศในยุโรปและมีความเขียวชอุ่มร่มรื่น จึงได้ชื่อว่าเป็นสวนสาธารณะแห่งยุโรป
 ห้องที่นักบุญฟรังซิสมรณะ (6 ต.ค. 1226) และห้องที่ท่านเคยพักอาศัยภายในมหาวิหาร
นอกนั้น อิตาลียังมีประเทศอิสระ 2 ประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยของตนเองคือ ซานมารีโนและนครรัฐวาติกัน ซานมารีโน ตั้งอยู่บนเทือกเขาอัพเพนนินี (Appennini) ล้อมรอบโดยแคว้นเอมีเลียโรมาญา (Emilia Romagna) กับแคว้นมาร์เก (Marche) ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา ส่วนนครรัฐวาติกัน เป็นรัฐเอกราชที่เล็กที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนาและเป้าหมายของการจาริกแสวงบุญของคริสตชนทั่วโลก รวมถึงการเดินทางมาอิตาลีในครั้งนี้ด้วย อิตาลีจึงเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว และถือเป็นรายได้หลักของรัฐบาลอิตาลีในปัจจุบัน เรียกได้ว่ากินบุญเก่าของอาณาจักรโรมันในอดีต
 พิธีมิสซา ณ วัดน้อยชั้นใต้ดินมหาวิหารแม่พระแห่งปวงเทวา

1.      อัสซีซี เมืองนักบุญคนยาก
อัสซีซี (Assisi) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเปรูจา (Perugia) แคว้นอุมเบรีย (Umbria) ทางภาคกลางของประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะเป็นถิ่นกำเนิดของนักบุญยิ่งใหญ่ 2 องค์ คือ นักบุญฟรังซิส อัสซีซี (ค.ศ. 1182-1226) และนักบุญคลารา (ค.ศ. 1193-1253) อัสซีซีมีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ก่อนจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน ปี ค.ศ. 238 ชาวเมืองอัสซีซีได้กลับใจเป็นคริสตชนโดยการเทศน์สอนของพระสังฆราชรูฟีโน ซึ่งต่อมาได้พลีชีพเป็นมรณสักขี สถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงของอัสซีซี คือ มหาวิหารนักบุญฟรังซิส ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2000, มหาวิหารนักบุญคลาราและมหาวิหารแม่พระแห่งปวงเทวา
 เยี่ยมชมมหาวิหารนักบุญคลาราและรูปเหมือนของท่าน
ฟรังซิส เกิดที่เมืองอัสซีซี เป็นบุตรชายของพ่อค้ารํ่ารวย ขณะยังหนุ่มเป็นคนชอบสนุกสนาน ไม่จริงจังกับชีวิต ครั้งหนึ่งฟรังซิสป่วยหนักและได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสเรียกท่านให้สละความสุขฝ่ายโลกและติดตามพระองค์ ท่านจึงกลับไปเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่โดยยึดพระวรสารที่ว่า “สิ่งที่ท่านได้ปฏิบัติต่อพี่น้อง แม้ที่ตํ่าต้อยของเรา นั่นแหละเท่ากับได้ปฏิบัติต่อเรา” (มธ 25: 40) ท่านได้พยายามเจริญชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้า โดยละความเห็นแก่ตัว มอบตนเองแด่พระเจ้า เจริญชีวิตยากจน เรียบง่าย ช่วยเหลือคนจน
 น้ำพุด้านหน้ามหาวิหารนักบุญคลาราและมหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี
ฟรังซิส จึงได้ชื่อว่าเป็นนักบุญคนยาก เป็นพระเยซูเจ้าอีกองค์หนึ่งที่เกิดมาเพื่อนำผู้คนในสังคม ที่กำลังเสื่อมถอยด้านความเชื่อและศีลธรรมให้กลับไปหาพระเจ้า ท่านได้แนะนำสมาชิกที่เลื่อมใสและติดตามท่าน ให้ถือตามจิตตารมย์พระวรสาร สุภาพถ่อมตน อ่อนหวาน ร่าเริง จริงใจ เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ทุกคน ท่านได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับพระคริสตเจ้าจนกระทั่งสิ้นชีวิต ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญ เป็นองค์อุปถัมภ์ของประเทศอิตาลีและงานศาสนสัมพันธ์
 ที่ฝังศพนักบุญฟรังซิสอัสซีซีที่อยู่ชั้นล่างสุดและภาพเขียนบนเพดานที่สวยงาม
ความยิ่งใหญ่ของนักบุญฟรังซิสอัสซีซี กอปรกับเมืองอัสซีซีตั้งอยู่บนเนินเขา มีภูมิอากาศเย็นที่สบาย ชาวอัสซีซีมีความเชื่อศรัทธา ไม่เคยมีการก่อการร้าย ทำให้บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล  ที่ 2 ได้ทรงเลือกจัดงาน วันภาวนาเพื่อสันติภาพ ระหว่างผู้นำศาสนาต่างๆ ที่อัสซีซี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1986 และในโอกาสครบ 25 ปี ของเหตุการณ์นี้ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเชิญผู้นำศาสนาต่างๆ มาภาวนาเพื่อสันติภาพที่อัสซีซีอีกครั้ง เมื่อวันที่ 26-27 ตุลาคม ค.ศ. 2011
 ระเบียงและลานชั้นล่างของมหาวิหารนักบุญฟรังซิส
 อีกด้านหนึ่งของอารามและมหาวิหารนักบุญฟรังซิส
 มองจากมุมถนนด้านล่าง

Don Daniele เรื่อง,ภาพ 
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์ กาฬสินธุ์
26 พฤษภาคม 2013

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พระตรีเอกภาพ



พระตรีเอกภาพ
วันอาทิตย์
สมโภชพระตรีเอกภาพ
ปี C
สภษ 8:22-31
รม 5:1-5
ยน 16:12-15
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งขณะที่นักบุญเอากุสตินซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร กำลังพยายามหาคำจำกัดความหรือคำอธิบายที่ชัดแจ้งเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ ในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อความเชื่อที่ว่า “สามพระบุคคลรวมเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว” แม้จะพยายามครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ยังหาคำจำกัดความที่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ได้
นักบุญเอากุสตินเลยพักสมองด้วยการไปเดินเล่นที่ชายทะเล และได้สังเกตเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังทำหลุมเล็กๆ บนพื้นทราย ท่านนักบุญเฝ้าดูต่อไปก็เห็นเด็กคนนั้นเอาเปลือกหอยไปตักน้ำทะเลมาเทใส่หลุมนั้น เนื่องจากเป็นหลุมทรายน้ำทะเลจึงซึมหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เด็กคนนั้นไม่ละความพยายามไปตักน้ำทะเลมาเทใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่สุด นักบุญเอากุสตินจึงถามเด็กนั้นว่า “ทำไมถึงทำอย่างนั้นละ” เด็กคนนั้นตอบว่า “ผมจะเอาน้ำทะเลทั้งหมดมาใส่ในหลุมนี้” นักบุญเอากุสตินหัวเราะด้วยความเอ็นดู พร้อมกับอธิบายว่า “เด็กโง่เอ๋ย เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเอาน้ำทะเลซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลมาใส่ในหลุมเล็กๆ นี้ได้หมด” เด็กคนนั้นจึงย้อนคืนว่า “คงเหมือนกันกับท่านที่ไม่มีทางที่หาคำจำกัดความเรื่องพระตรีเอกภาพที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ด้วยสมองเพียงน้อยนิดของท่าน” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นักบุญเอากุสตินจึงเลิกที่จะหาคำจำกัดความเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
1.      ความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า
เรามักจะคิดว่าพระเจ้าทรงอยู่ตามลำพัง ในสถานที่อยู่สูงเหนือโลกของเรา ซึ่งไกลออกไปในที่ซึ่งไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกเราถึงรู้ว่า พระเจ้าไม่ได้อยู่ห่างไกลจากเราหรืออยู่ตามลำพัง แต่มีสามพระบุคคล และทั้งสามพระบุคคลเป็นหนึ่งเดียวกัน พระเจ้าพระบิดาทรงรักพระบุตร (พระวจนาตถ์) ความกลมเกลียวกันระหว่างพระบิดาและพระบุตรคือที่มาของพระบุคคลที่ 3 คือพระจิตเจ้า
สามพระบุคคลในพระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระจิต รวมเป็นหนึ่งเดียวในความรัก ซึ่งมีความประสานกลมกลืนและสอดคล้องกันทั้งในเรื่องน้ำใจอิสระและเจตจำนง ความรักของพระเจ้าแสดงออกให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งในการสร้าง รวมถึงเรามนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่ประเสริฐที่สุด และเรามีส่วนในความรักที่สมบูรณ์ของพระเจ้า การสมโภชพระตรีเอกภาพจึงเตือนใจเราให้ตระหนักถึงความรักที่สูงส่งของพระเจ้าต่อเรา ผ่านทางความรักนี้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตนเองกลายเป็นทายาทในอาณาจักรของพระเจ้า
เอกภาพและความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันของทั้งสามพระบุคคล เราจะเข้าใจความจริงนี้ได้โดยอาศัยพระจิตเจ้า ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า เมื่อพระจิตเจ้าแห่งความจริงจะเสด็จมา พระองค์จะทรงนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวลพระวรสารวันนี้จึงทำให้เราเห็นถึงความจริงแห่ง พระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต เพราะการเปิดเผยของพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจน
2.      ธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพ
ธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพได้รับการไขแสดงผ่านทางพระเยซูเจ้า ที่เปิดเผยให้เราทราบว่า พระบิดาเจ้าคือพ่อที่ใจดีที่รักและให้อภัยลูกเสมอ ดั่งคำอุปมาเรื่องลูกล้างผลาญที่เราได้ยินบ่อยครั้งในพระวรสาร หรือในบทภาวนาถึงพระบิดาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาอัครสาวกให้เรียกพระเจ้าเป็น “บิดา” (Abba) ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่ในหมู่ชาวยิว ที่ไม่กล้าแม้จะเอ่ยนามพระเจ้า คำว่า “Abba” ในภาษาฮีบรู เป็นคำที่ธรรมดาที่สุดที่ชาวยิวใช้เรียกพ่อ
ธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพ สามพระบุคคลรวมเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากด้วยสติปัญญา (ด้วยสมอง) แต่เราสามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยหัวใจเมื่อเราเจริญชีวิตในความรักต่อกัน เวลาที่เรารักกันพระเจ้าจะประทับอยู่กับเราและเราจะอยู่ในพระเจ้า สายสัมพันธ์แห่งความรักได้รวมพระบิดา พระบุตร และพระจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกันในพระตรีเอกภาพ  อีกทั้งรวมมนุษย์เราให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์และกับเพื่อนพี่น้อง
นี่คือ ความเชื่อและประสบการณ์ของพระศาสนจักรทุกยุคทุกสมัย เป็นความเชื่อที่หยั่งรากลึกในพระเจ้า พระบิดา พระบุตรและพระจิตเสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นประสบการณ์ของบรรดาคริสตชนและนักบุญทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้า พระตรีเอกภาพ และพยายามเจริญชีวิตแบบพระตรีเอกภาพ คือชีวิตแห่งความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าและกับเพื่อนพี่น้องในชีวิตประจำวัน
เราคริสตชนประกาศเสมอมาในการภาวนาถึงพระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระจิต ด้วยการทำสำคัญมหากางเขนที่หน้าผาก ที่อก และที่ไหล่ทั้งสองข้าง เราออกนามพระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระจิต ให้มาประทับอยู่กับเราและอวยพรเรา เป็นการประกาศให้ทุกคนได้รับทราบว่า “เราเป็นคริสตชน” อีกทั้ง เป็นการยืนยันว่า เราเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียวสามพระบุคคล และดำเนินชีวิตในพระนามของพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต
บทสรุป
พี่น้องที่รัก นี่คือความเชื่อและความหวังของเรา เหนือสิ่งอื่นใด พระเจ้าเที่ยงแท้ที่เราเชื่อศรัทธา และมีพลังต่อชีวิตของเรามากที่สุดนี้เป็นพระเจ้าสามพระบุคคล พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นพระเจ้าแห่งความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวแท้จริง ไม่มีการแบ่งแยก แต่เท่าเสมอกัน และสมบูรณ์ครบครันในความเป็นหนึ่งเดียวกัน นับเป็นข้อความเชื่อที่ลึกซึ้ง ซึ่งเราจะเข้าใจอย่างถ่องแท้เมื่อเราอยู่ต่อหน้าพระเจ้า และเมื่อเราเจริญชีวิตในความรักต่อกัน ทั้งกับพระเจ้าและกับเพื่อนมนุษย์
ชีวิตของเรากับพระเจ้า จึงควรเป็นชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ ศรัทธา และเชื่อมั่นในพระเจ้าเที่ยงแท้ และมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างแน่นแฟ้นที่สุด จนกล่าวได้ว่า พระเจ้าทรงเป็นที่หนึ่งและสำคัญที่สุดในชีวิตเรา” พระองค์คือพระเจ้าที่เราเชื่อ รัก และวางใจมากที่สุด ไม่มีสิ่งใดในโลกจะเปรียบกับพระเจ้าสำหรับเราได้เลย ชีวิตของเราคือชีวิตของพระเจ้านั่นเอง
ชีวิตของเรากับเพื่อนมนุษย์ จึงควรต้องเป็นชีวิตแห่งความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียว มีความเชื่อและความไว้ใจกัน ที่แสดงออกในความรัก ความเมตตา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน เป็นชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ รักเสมอ และให้อภัยเสมอ โดยเริ่มจากความเป็นหนึ่งเดียวกันในครอบครัว หมู่บ้าน และสังคมของเรา นี่คือ การเป็นพยานถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในชีวิตพระตรีเอกภาพ ที่เราสมโภชในวันนี้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
29 พฤษภาคม 2010
ดูเพิ่มเติม
พระตรีเอกภาพ พระเจ้าหนึ่งเดียวสามพระบุคคล ปี A: http://dondaniele.blogspot.com/2011/06/blog-post_17.html
ธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพ ปี B: http://dondaniele.blogspot.com/2012/06/blog-post.html