วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

วันแห่งความเมตตากรุณา


วันแห่งความเมตตากรุณา
ศุกร์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 9: 1-5
ลก 14: 1-6
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงตอบรับคำเชิญไปงานเลี้ยง ที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีในวันสับบาโต พระองค์ไม่เคยปฏิเสธคำเชิญของใคร ไม่ว่าจะเป็นปฏิปักษ์อย่างชาวฟาริสี หรือคนบาปอย่างคนเก็บภาษี งานเลี้ยงสำหรับพระองค์มิใช่งานพบปะสังสรรค์ทางสังคม หรือเป็นโอกาสได้กินอาหารดี ๆ ในความเป็นจริงอาหารในวันสับบาโตมิใช่อาหารดีอะไร เพราะต้องเตรียมก่อนล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎวันสับบาโต
ทุกครั้งที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปกินอาหารที่บ้านของชาวฟาริสี มักปรากฏเรื่องราวให้กล่าวถึงอยู่เสมอ เป็นไปได้ว่า ชายเป็นโรคบวมได้รับการเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อจับผิดพระองค์ เห็นได้จากพวกเขาเฝ้าจับตามองพระองค์เพื่อดูว่า พระองค์ทรงถือวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์เหมือนพวกเขาไหม สำหรับชาวฟาริสี “โรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดเป็นเป็นผลมาจากบาปที่ทำ” ชายเป็นโรคบวมต้องประพฤติผิดทำให้ได้รับการลงโทษจากพระเจ้า
พระเยซูเจ้าตรัสถามนักกฎหมายและชาวฟาติสีว่า “อนุญาตให้รักษาโรคในวันสับบาโตหรือไม่” (ลก 14:3) พวกเขาต่างนิ่งเงียบ พระองค์ได้ทรงรักษาชายเป็นโรคบวม ทรงแสดงให้เห็นว่า วันสับบาโตเป็นวันแห่งความเมตตากรุณาของพระเจ้าต่อคนยากจน คนเคราะห์ร้าย และคนเจ็บไข้ได้ป่วย วันของพระเจ้าต้องเป็นวันแห่งการทำความดี วันแห่งการช่วยคนทุกข์ยากเดือดร้อน และวันแห่งการประกาศความเมตตากรุณาของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงทราบดีถึงผลที่เกิดขึ้นเมื่อทรงรักษาชายเป็นโรคบวม ทรงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวฟาริสีว่าละเมิดกฎวันสับบาโต อันเนื่องมาจากความอิจฉาริษยาและจิตใจคับแคบของพวกเขา สำหรับพระองค์ “ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนต้องมาก่อน” พระองค์ไม่ลังเลในการยื่นมือช่วยเหลือ แม้ต้องเผชิญกับความเข้าใจผิด หรือความยากลำบาก เรารู้สึกอิจฉาคนอื่นบ้างไหม เรากล้าทำความดีแม้ถูกเข้าใจผิดหรือเปล่า
คริสตชนได้รับการเรียกให้เลียนแบบและทำเหมือนพระเยซูเจ้า “ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ต้องมาก่อน” แม้การทำเช่นนั้นเราต้องเสี่ยง หรืออาจถูกเข้าใจผิดก็ตาม ศิษย์พระคริสต์ต้องกล้าทำความดีเพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ เราต้องไม่ลังเลในการทำให้วันของพระเจ้าเป็นวันแห่งความเมตตากรุณา ในการทำความดีช่วยคนทุกข์ร้อนซึ่งอยู่ต่อหน้า แม้อาจทำให้เราพลาดการปฏิบัติหน้าที่คริสตชน หรือโครงการที่เตรียมไว้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
31 ตุลาคม 2019
ภาพ : พิธีบูชาขอบพระคุณอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ, สุสานวัดดอนม่วย-โนนค้อ, สกลนคร; 2019-10-21

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า


ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า
พฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 8:31-39
ลก 13:31-35
พระวรสารวันนี้ ชาวฟริสีบางคนได้เตือนพระเยซูเจ้าให้หนีไกลจากกษัตริย์เฮโรดที่ต้องการเอาชีวิตพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย ยังคงกระทำพันธกิจที่พระบิดาเจ้าทรงมอบหมายและส่งพระองค์มา ทรงเตือนพวกเขาถึงหายนะฝ่ายจิตจากความดื้อดึงปฏิเสธพระองค์ ทรงเรียกกษัตริย์เฮโรดว่า “สุนัขจิ้งจอก” เพราะความเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์และขี้ขลาดตาขาว สุนัขจิ้งจอกยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งไร้ค่าและชีวิตไม่มีความหมาย
แต่ละวันมีงานมากมายที่เราต้องทำ งานบางอย่างเกี่ยวข้องกับชีวิตฝ่ายจิตและบางอย่างเกี่ยวข้องกับสิ่งภายนอก เราได้ทำหน้าที่ทั้งสองอย่างเพื่อพระเจ้าไหม เราต้องพยายามทำให้งานหน้าที่ประจำวันของเราศักดิ์สิทธิ์ ร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ ทำทุกอย่างเพื่อเห็นแก่ความรักพระเจ้าและดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ตลอดวัน
พระเยซูเจ้าทรงบอกชาวฟาริสีซึ่งเตือนพระองค์ เกี่ยวกับพระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงต้องการช่วยชาวเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเสนอความรอด การปกปักรักษาและความเอื้ออาทรแก่พวกเขา  แต่พวกเขาปฏิเสธพระองค์อย่างไม่มีเยื่อใย “เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็ม เจ้าฆ่าประกาศก เอาหินทุ่มผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเจ้า กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เราต้องการรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปีก แต่เจ้าไม่ต้องการ” (ลก 13:34)
บ่อยครั้งเราเองไม่ต่างจากชาวเยรูซาเล็ม ปฏิเสธพระเจ้าและความช่วยเหลือจากพระองค์ เราปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำจากศัตรูร้ายกาจที่สุด ได้แก่ ความเกียจคร้าน ความหยิ่งยโส การกลัวความลำบากฯลฯ พระเยซูเจ้าทรงแนะนำเราให้ตื่นเฝ้าด้วยการอธิษฐานภาวนาเพื่อต่อสู้กับการประจญ หากเราเดินในแสงสว่างของพระเยซูเจ้าและดำรงตนในความรักของพระองค์ เราจะปลอดภัยจากความชั่วร้ายและไม่มีสิ่งใดที่ต้องหวาดกลัว
เพื่อเอาชนะปีศาจคริสตชนแต่ละคนต้องให้พระจิตเจ้าทรงนำ เราต้องอาศัยพระคุณของพระจิตเจ้าในการต่อสู้กับความชั่วร้ายของปีศาจ ไม่เจ้าเล่ห์อย่างเฮโรดและไม่ปฏิเสธพระเจ้าอย่างชาวเยรูซาเล็ม ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นพยานและรับใช้แบบคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรักและการให้อภัยความผิดของกันและกัน หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าในการอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พระองค์เสริมกำลังเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
30 ตุลาคม 2019
ภาพ : พิธีบูชาขอบพระคุณปิดเดือนแม่พระ, ดอนม่วย, สกลนคร; 2019-10-30

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ความรอดเป็นหน้าที่ของเรา


ความรอดเป็นหน้าที่ของเรา
พุธ
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 8:26-30
ลก 13: 22-30
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับประตูแคบเพื่อตอบคำถาม “มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” (ลก 13:23) ผู้พยายามเข้าทางประตูแคบจะได้ร่วมงานเลี้ยงนิรันดรกับพระบิดาเจ้า ขณะที่ผู้ไม่ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออยู่ข้างนอก ได้แก่ คริสตชนใจเย็นเฉยซึ่งรู้จักเจ้าของบ้านดี เคยกินดื่มด้วยกันและคิดว่าตนเองได้รับสิทธิพิเศษ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างนอก การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันแห่งความรอดนิรันดร
เป้าหมายของชีวิตคริสตชนคือการอยู่กับพระเจ้าและเข้าในอาณาจักรสวรรค์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมาวัด มิใช่การถือตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เพราะต้องการอยู่กับพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วโมงเดียวในวันอาทิตย์ แต่เราต้องนำพระองค์กลับออกไปพร้อมกับเราในชีวิตจริงที่บ้าน ที่ทำงาน และทุกที่ที่เราไป เพื่ออยู่กับพระองค์ตลอดเวลาและพบพระองค์ในบุคคลต่าง ๆ ที่เราพบเห็น
ทุกวันนี้คริสตชนถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่น คดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่าง ๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ทำกัน เป็นการง่ายเข้าทางประตูกว้างหรือทำอย่างคนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ และนี่เป็นการเดินทางเข้าประตูสวรรค์ ซึ่งเป็นประตูแคบและยากลำบาก
พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รอด และอยู่กับพระองค์อย่างมีความสุขตลอดไป แม้ว่าประตูสวรรค์แคบ แต่เปิดอยู่เสมอ พระเจ้าทรงให้โอกาสทุกคนและให้อิสระที่จะเลือกหรือปฏิเสธ ความรอดไม่ได้ขึ้นกับพระเจ้า แต่ขึ้นอยู่กับเราและเป็นหน้าที่ของเรา ต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุดขณะยังมีเวลาและชีวิตอยู่ หากเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่คริสตชนและดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์อย่างแน่นอน
พระเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้ได้รับความรอด แต่ไม่มีทางลัดไปสวรรค์ การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของการเข้าสวรรค์ เราต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงนักบุญเปาโล “ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว ข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้ว” (2 ทม 4:7) ศิษย์พระคริสต์ต้องเข้าทางประตูแคบ ดำเนินชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ท้อถอยในการทำความดีและการทำหน้าที่คริสตชน สละน้ำใจตนเอง อุทิศตนเพื่อผู้อื่น และทำหน้าที่แต่ละวันให้ดีที่สุด
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
29 ตุลาคม 2019
ภาพ: พิธีบูชาขอบพระคุณคุ้มสันติสุข, บ้านกาโร อารมย์ วงศ์ษาศรี, ดอนม่วย, สกลนคร; 2019-10-21

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ชีวิตที่เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง


ชีวิตที่เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง
อังคาร
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 8:18-25
ลก 13:18-21
อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นภาพเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรของพระเจ้าและชีวิตคริสตชน ซึ่งเป็นชีวิตที่เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง สะท้อนพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ แม้มองไม่เห็นแต่มีชีวิตและค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้น พระเยซูเจ้าทรงมั่นพระทัยในการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ จากเมล็ดมัสตาร์ดเล็ก ๆ กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ จากเชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยได้ทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น
ไม่มีใครมองเห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ เราเดินผ่านต้นไม้ทุกวันโดยไม่ได้สังเกต การเติบโตเป็นไปอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับเชื้อแป้งทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น การเริ่มต้นเป็นไปอย่างเงียบ ๆ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผลสุดท้ายน่าพิศวง พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสนจักรเริ่มจากกลุ่มคนเพียงหยิบมือ และเป็นกลุ่มคนซึ่งเป็นชาวประมงธรรมดาไม่ได้มีความรู้มาก แต่เป็นกลุ่มคนซึ่งมีชีวิตและได้รับพลังพิเศษจากเบื้องบน
ในพระอาณาจักรของพระเจ้า สิ่งเล็กน้อยที่สุดสามารถกลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ได้ ตัวอย่างกิจเมตตาที่เรากระทำซึ่งเล็กน้อยที่สุด แต่สามารถก่อให้เกิดผลในแบบที่เราคาดไม่ถึง เรามักเข้าใจผิดคิดว่ามีแต่สิ่งใหญ่โตตามแบบโลกเท่านั้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมหรือพระศาสนจักร อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้งได้สะท้อนว่ากิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น แต่กลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ ทรงตั้งพระศาสนจักรและมอบทุกอย่างไว้ในมือของบรรดาศิษย์ ทรงปล่อยให้การเจริญเติบโตเป็นงานของพระจิตเจ้า อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นรูปหมายถึงพระศาสนจักรซึ่งทรงตั้งขึ้นให้เป็นบ้านของคนทุกเชื้อชาติ ทุกคนได้เข้ามาในพระศาสนจักรเหมือนเข้ามาอยู่บ้าน ซึ่งเราสามารถพบสันติสุขและความรักแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า ทรงคอยเราอยู่ในศีลมหาสนิทและศีลศักดิ์สิทธิ์
ความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องต้องเติบโตและเข้มแข็งขึ้นทุกวัน และแสดงออกให้เห็นในภาคปฏิบัติ ดังเชื้อแป้งคุกเคล้าจากภายนอก แต่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในและเติบโตอย่างมั่นคง ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นพระอาณาจักรมีชีวิตและเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง ในความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ในการตอบรับต่อแผนการและพระประสงค์ของพระองค์ และร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ภายใต้การนำของพระจิตเจ้า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
28 ตุลาคม 2019
ภาพ: มิสซาคุ้มสันติสุข, บ้านลุงอารมณ์-ป้าอำพันธ์ วงศ์ษาศรี, ดอนม่วย, สกลนคร; 2019-10-21

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562

สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ, ปีที่ 2 ฉบับที่ 76


สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ

ปีที่ 2 ฉบับที่ 76; อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2019 (2562): http.//dondaniele.blogspot.com

107 หมู่ 6 บ้านดอนม่วย ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร 47130È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
งานร้อยรัก ร้อยดวงใจรำลึกคุณ กาโรลา ฮ้อม ถิ่ินวัลย์ ครบรอบ 100 วัน
พี่น้องที่รัก อุปมาเรื่องชาวฟาริสีและคนเก็บภาษีได้แสดงให้เห็นท่าทีที่ถูกต้องเมื่อต้องอธิษฐานภาวนา พระเยซูเจ้าทรงเล่าให้เห็นถึงลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างการอธิษฐานภาวนาของชาวฟาริสีกับคนเก็บภาษี ฟาริสีภูมิใจว่าตนเองเป็นคนชอบธรรมและดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น ขณะที่คนเก็บภาษีสำนึกว่าตนเป็นคนบาป ตระหนักถึงความต่ำต้อยของตนและต้องการการเยียวยารักษาจากพระเจ้า
ตอนต้นของพิธีบูชาขอบพระคุณเราเริ่มด้วยการสารภาพผิดว่าเราเป็นคนบาป เราสารภาพว่าเราได้กระทำความผิดทางความคิด วาจา และกิจการ เราได้สำนึกในความไม่มีอะไรของเราต่อหน้าพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน และได้คืนดีกับพระเจ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ให้เราถ่อมจิตใจลงสำนึกถึงบาปที่เราได้กระทำ เพื่อเราจะได้รับการอภัยจากพระเจ้า
 มอบทุนการศึกษาจากศูนย์สังคมพัฒนาแก่ลูกหลานชาวดอนม่วย
บทอ่านแรก โลกทุกวันนี้ถือเงินตรา อำนาจ และตำแหน่งเป็นใหญ่ ทำให้สังคมไร้ความยุติธรรมและความชอบธรรม แต่พระเจ้าไม่ได้วัดคุณค่าของคนที่ความร่ำรวยทางวัตถุ พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาเที่ยงธรรม ไม่ลำเอียงและเลือกที่รักมักที่ชัง แต่ทรงฟังคำภาวนาของผู้อ่อนแอ ต่ำต้อย และถูกข่มเหง
บทอ่านที่สอง เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ขณะถูกจองจำที่กรุงโรมด้วยความรู้สึกว่าเวลาของท่านใกล้เข้ามาแล้ว แต่ความตายกำลังจะมาถึงไม่ได้ทำให้ท่านหวาดกลัว ยังคงเชื่อไว้ใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เพราะรู้ว่าหากท่านตายพร้อมกับพระเยซูเจ้า ท่านจะกลับคืนชีพรับชีวิตนิรันดรพร้อมกับพระองค์ เนื่องจากท่านได้ต่อสู้มาจนถึงที่สุด
พระวรสาร อุปมาเรื่องชาวฟาริสีกับคนเก็บภาษีเป็นอุปมางดงามอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีแต่เฉพาะในพระวรสารของนักบุญลูกาเท่านั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าถึงลักษณะที่แตกต่างกันในการอธิษฐานภาวนาระหว่างชาวฟาริสีกับคนเก็บภาษี ชาวฟาริสีทะนงตนว่าเขาไม่เหมือนคนอื่น ไม่เป็นคนบาป ขณะที่คนเก็บภาษีสำนึกว่าตนเป็นคนบาป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า
 ลูกหลานชาวดอนม่วยที่ได้รับทุนการศึกษาปี 2019
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1.          ประกาศเรื่องการแต่งงาน: 1) คู่แต่งงานที่แต่งงานกันอย่างถูกต้อง ต่อมาภายหลังเลิกร้างกัน หากยังไม่แต่งงานใหม่ ฝ่ายคาทอลิกสามารถแก้บาปรับศีลได้, 2) หากแต่งงานใหม่ (อยู่กินฉันสามีภรรยา) และต่อมาเลิกล้างกันไปอีกฝ่ายคาทอลิกสามารถแก้บาปรับศีลได้ ตราบใดที่ยังไม่มีคนใหม่ และ 3) สำหรับคู่แต่งงานที่ไม่เรียบร้อยจะแจ้งกำหนดเวลาอีกครั้ง
2.          ขอบคุณพี่น้องที่ไปร่วมภาวนาอุทิศส่วนกุศลครบ 100 วัน สำหรับดวงวิญญาณของกาโรลา ฮ้อม ถิ่นวัลย์ ร่วมสนับสนุนและทำบุญ ทำให้ได้กองบุญ 17,850.- บาท สำหรับศาลาสุสานนาโพธิ์, 12,940.- บาท สำหรับบ้านพักดอนม่วย และ 11,480.- สำหรับวัดใหม่โนนค้อ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 42,270.- บาท
3.          พุธที่ 30 ตุลาคม 2019 ปิดเดือนแม่พระ แห่พระรูปแม่พระไปยังสุสาน พิธีบูชาขอบพระคุณโดยคุณพ่อวีระชัย อุตะมะชะ, พฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2019 ภาวนาที่สุสานคืนที่สอง พี่น้องชาวโนนค้อรับผิดชอบ และศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2019 ภาวนาที่สุสานคืนที่สาม โดยคุณพ่อชัยวัฒน์ นำสุย พี่น้องชาวดอนม่วยรับผิดชอบ
4.          เสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2019 ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับและเสกสุสาน เวลา 7.00 น.
5.          เงินทาน อาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2019: วัดดอนม่วย 3,918.- บาท; วัดโนนค้อ 1,249.- บาท
6.          ขอบคุณ กลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 3-4 ที่มาทำความสะอาดวัด สัปดาห์หน้ากลุ่มที่ 5-6 (โนนค้อ: กลุ่มที่ 1)
 เสกรถยนต์ใหม่พี่น้องชาวดอนม่วย ครอบครัวพะตะวงศ์ อาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2019
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
                                   ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
27
07.00 น.
08.30 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
สุขสำราญพี่น้องชาวโนนค้อ
สุขสำราญพี่น้องชาวดอนม่วย
จันทร์
28
06.00 น.
ฉลอง น.ซีโมนและยูดา อัครสาวก

อังคาร
29
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

พุธ
30
18.30 น.
ปิดเดือนแม่พระที่สุสาน

พฤหัสบดี
31
18.30 น.
ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน

ศุกร์
01
18.30 น.
ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน

เสาร์
02
07.00 น.
ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับและเสกสุสาน

 บรรยากาศการสวดสายประคำตามบ้านและพิธีบูชาขอบพระคุณประจำคุ้ม









วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562

การอธิษฐานภาวนาด้วยความถ่อมตน

การอธิษฐานภาวนาด้วยความถ่อมตน
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
ปี C
บสร 35:12-14, 16-18
ทธ 4:6-8; 16-18
ลก 18:9-14
บทนำ
ครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้ถามคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาว่า เคยถูกผจญในเรื่องความภูมิใจในตนเองไหม แม่เทเรซายิ้มและตอบว่า ภูมิใจเรื่องอะไรละ ผู้สื่อข่าวตอบว่า ก็ภูมิใจในสิ่งดีงามทั้งหลายที่ได้ทำเพื่อคนยากจนที่สุดไง คุณแม่เทเรซาตอบว่า ฉันไม่เคยทราบเลยว่าฉันได้ทำอะไร นั่นเป็นงานของพระเจ้าทั้งนั้น ที่ทำงานผ่านทางสมาชิกในคณะและอาสาสมัครของฉัน ความถ่อมตนเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างนักบุญกับคนบาป ดังอุปมาเรื่องฟาริสีกับคนเก็บภาษีในพระวรสาร ซึ่งมีแต่เฉพาะพระวรสารของบุญลูกาเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงเล่าลักษณะแตกต่างกันระหว่างฟาริสีกับคนเก็บภาษี ในการอธิษฐานภาวนา ฟาริสี หมายถึง คนที่แยกตัวออกจากผู้อื่น เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนา ถือปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัด และคิดว่า ฉันบริสุทธิ์กว่าคนอื่น  ในทัศนะของชาวฟาริสี ถ้าจะมีคนดีสองคนในโลก คนนั้นคือฉันและลูกชายของฉัน แต่ถ้ามีเพียงคนเดียวคนนั้นคือตัวฉันเอง ความหยิ่งจองหองและการถือปฏิบัติตามกฎมากกว่าความรักต่อผู้อื่น ทำให้พระเยซูเจ้าตำหนิพวกเขาในพระวรสาร
ส่วน คนเก็บภาษี เป็นชาวยิวที่เก็บภาษีให้รัฐบาลโรมันและเก็บส่วนที่เหลือไว้เป็นของตน อาชีพเก็บภาษีจึงสร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะภาษีการใช้สะพาน การใช้ถนนและการเป็นเจ้าของเกวียนซึ่งสามารถเรียกเก็บที่ไหนก็ได้ สำหรับคนยากจนไม่มีเงินจ่าย คนเก็บภาษีจะจ่ายล่วงหน้าและเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูง คนเก็บภาษีจึงเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป เป็น พวกขี้ฉ้อ ขูดเลือดขูดเนื้อและขายชาติ เพราะทำงานให้กับรัฐบาลโรมัน จัดอยู่ในระนาบเดียวกันกับฆาตกรและหญิงโสเภณี

1.         การอธิษฐานภาวนาด้วยความถ่อมตน
พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเกี่ยวกับชาวฟาริสีและคนเก็บภาษี ซึ่งเข้าไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหารเพื่อสอนเราเกี่ยวกับความสุภาพถ่อมตน พระองค์ทรงหยิบยกเรื่องราวชีวิตจริงของชาวยิวซึ่งอธิษฐานภาวนาวันละ 4 ครั้ง ได้แก่ เวลาเก้าโมงเช้า เที่ยงวัน บ่ายสามโมงและหกโมงเย็น จากวิธีอธิษฐานภาวนาของชาวฟาริสีและคนเก็บภาษี สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์
ชาวฟาริสียืนขึ้นอธิษฐานภาวนากับตนเอง ดูเหมือนกำลังขอบคุณพระเจ้า แต่ในความเป็นจริงเขาขอบคุณตนเองที่ไม่ได้เป็นขโมย หรือล่วงประเวณี เขารู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตนเองทำเป็นพิเศษ เช่น การอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน (วันจันทร์กับวันพฤหัสบดีซึ่งมีตลาดนัดเพื่อให้คนเห็น) และได้ถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมด (ทำมากกว่าที่กฎหมายกำหนด) เขามีเจตนาเปรียบเทียบความดีของตนกับข้อเสียของคนอื่น เขาจึงไม่ใช่คนน่ายกย่อง เขามิได้อธิษฐานภาวนาถึงพระเจ้า แต่กำลังสรรเสริญตนเอง โอ้อวดและดูหมิ่นคนอื่น
ส่วนคนเก็บภาษีซึ่งเป็นคนบาปสาธารณะที่ชาวยิวรังเกียจ เขารู้ความจริงเกี่ยวกับตนเองและสำนึกผิดจึงยืนอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าเงยหน้า ตีอกชกตัวและกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด (God, have mercy on me, a sinner.) นี่เป็นคำภาวนาที่สั้นที่สุดในพระคัมภีร์และลึกซึ้งที่สุด เพราะคนเก็บภาษีสำนึกในความบาปผิดของตน เขาตระหนักในความรักเมตตาของพระเจ้าที่ทรงให้อภัยคนบาป ทำให้เขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า 
2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องอธิษฐานการภาวนาด้วยความถ่อมตน คนเก็บภาษีอธิษฐานภาวนาด้วยความถ่อมตนและพระเจ้าทรงฟังคำภาวนาของเขา ซึ่งตรงข้ามกับชาวฟาริสี เพราะว่าผู้ใดยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น (ลก 18:14) เรามักอธิษฐานภาวนาวอนขอสิ่งจำเป็นจากพระเจ้า แต่เราลืมถวายเกียรติ สรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์ โดยเฉพาะพระพรแห่งชีวิต สุขภาพ หน้าที่การงานและชีวิตที่ราบรื่นในแต่ละวัน
ประการที่สอง เราต้องสำนึกผิดในความไม่ดีที่ได้ทำ คนสำนึกในความผิดของตนจะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า เป็นที่น่าสังเกตว่า นักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์กลับเป็นคนสำนึกในความบาปของตนมากที่สุด นักบุญเปาโลได้เขียนถึงตัวเองว่า ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ (ทม 1:15) นักบุญฟรังซิส อัสซีซี พูดถึงตัวท่านเองว่า ไม่มีใครอีกแล้วที่น่าเกลียด น่าชิงชังและน่าสังเวชเท่าตัวข้าพเจ้า คนหยิ่งจองหองและดูหมิ่นคนอื่นไม่อาจเข้าถึงพระเจ้าได้
ประการที่สาม เราต้องตระหนักในความรักและการให้อภัยของพระเจ้า คนเก็บภาษีเข้าใจอย่างถ่องแท้ ตระหนักในความรักของพระเจ้าผู้ทรงให้อภัยคนบาป ทำให้เขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า เรามารวมตัวกันทุกอาทิตย์ในพิธีบูชาขอบพระคุณ เพื่อขอบพระคุณความรักไม่มีเงื่อนไขและร่วมส่วนในการถวายบูชาบนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า เพื่อลบล้างบาปของเราทั้งหลาย อีกทั้ง ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งความรักไม่มีเงื่อนไขในชีวิตประจำวัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนเราถึงท่าทีถูกต้องที่ควรมีเมื่ออธิษฐานภาวนา เราต้องมีความถ่อมตนและสำนึกในความผิดของตนเหมือนคนเก็บภาษี ที่ตระหนักในความผิดของตนเองโดยไม่เปรียบเทียบ ดูหมิ่นดูแคลน หรือกล่าวโทษผู้อื่น อีกทั้งไม่ยกตนและสรรเสริญความดีของตนเองเหมือนชาวฟาริสี เพราะเราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปที่ต้องการการให้อภัยจากพระเจ้าด้วยกันทั้งนั้น
คริสตชนควรมีท่าทีถูกต้องต่อตนเอง ต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนมนุษย์ ความหยิ่งจองหองและความภูมิใจในความชอบธรรมของตนเอง เป็นอุปสรรคขวางกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า และระหว่างเรากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องอธิษฐานภาวนาด้วยความถ่อมตน สำนึกว่าเราเป็นคนบาป ไม่กล่าวโทษ หรืออวดตัวว่าดีกว่าคนอื่น ตระหนักในความรักและการให้อภัยของพระเจ้า และดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
สำนักมิสซังฯ สกลนคร
26 ตุลาคม 2019
ภาพ : การสวดสายประคำ, ดอนม่วย, สกลนคร; 2019-10-23