วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

 

นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

29 มิถุนายน

สมโภช น.เปโตรและน.เปาโล

อัครสาวก

กจ 12:1-11

2 ทธ 4:6-8, 17-18

มธ 16:13-19

บทนำ

การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลเป็นการฉลองเก่าแก่ที่สุด มีมาก่อนการฉลองพระคริสตสมภพด้วยซ้ำ เนื่องจากการให้ความเคารพและเลื่อมใสนักบุญมรณสักขีในหมู่คริสตชน มีการฉลองนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ด้วยการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ 3 แห่งที่มหาวิหารนักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมือง และคาตากอมป์นักบุญเซบาสเตียนที่เชื่อว่า เป็นที่เก็บรักษาศพของอัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ในห้วงเวลาของการเบียดเบียนศาสนา

พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกการพลีชีพเป็นมรณสักขีของนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล แต่เป็นที่รับรู้ในหมู่คริสตชนว่า ทั้งสองได้พลีชีพเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมตามคำสั่งของจักรพรรดิเนโร เปโตร ถูกตรึงกางเขนเอาหัวลงปี  64 บนเนินวาติกันอันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรปัจจุบัน และ เปาโล ในฐานะพลเมืองโรมันถูกตัดศีรษะด้วยดาบประมาณปี  67 บนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม ที่ตั้งมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมือง

นักบุญเอากุสตินได้เทศน์ว่า “อัครสาวกทั้งสองมีวันฉลองวันเดียวกัน เพราะทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้พลีชีพเป็นมรณสักขีคนละวันก็ตาม” ดังนั้น พระศาสนจักรเฉลิมฉลองอัครสาวกทั้งสองในวันเดียวกัน ในฐานะที่เป็น ศิลารากฐาน ของพระศาสนจักรสากล ซึ่งท่านทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการยืนยันความเชื่อถึงพระเยซูเจ้าสืบต่อมา อีกทั้ง ยังสั่งสอนหลักความจริงของพระเยซูเจ้าและสละชีวิตของตนเป็นพยานยืนยันความจริงนั้น

1.        นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

นักบุญเปโตร เดิมชื่อ “ซีโมน” เป็นชาวประมงธรรมดาคนหนึ่งในเมืองเบธไซดา  (ลก 5:3; ยน 1:44) ไม่ได้มีการศึกษาอะไรมากนัก สิ่งที่รู้ดีที่สุดคือการจับปลา ต่อมาได้ย้ายไปตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาเปอรนาอุม (มก 1:21-29) แต่ยังคงเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาเช่นเดิม มีน้องชายชื่อ อันดรูว์ ซึ่งเป็นคนแนะนำเปโตรให้ติดตามพระเยซูเจ้า (ยน 1:42)  เป็นไปได้ว่า ยอห์น ผู้ทำพิธีล้างเป็นผู้เตรียมจิตใจเปโตรในการพบพระเยซูเจ้า และได้ละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ทันที

พระเยซูเจ้าได้ทรงเปลี่ยนชื่อจาก “ซีโมน” เป็น “เปโตร” เพื่อเป็นศิลาสำหรับตั้งพระศาสนจักร (มธ 16:17-19) และเป็นหัวหน้าอัครสาวก (ยน 21:15-17) เปโตรเป็นคนหนึ่งในบรรดาพยานที่พบพระคูหาว่างเปล่า (ยน 20:6) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่เปโตรหลังจากทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (ลก 24:34; 1 คร 15:5) เราเห็นชัดว่า เปโตรแม้เปลี่ยนชื่อ แต่ยังอ่อนแอและพลาดพลั้ง เคยปฏิเสธพระเยซูเจ้า 3 ครั้ง เคยหนีจากกรุงโรมจนพบพระเยซูเจ้าอีกครั้ง

นักบุญเปาโล เดิมชื่อ เซาโล เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซิลีเซีย จากตระกูลเบนยามิน เป็นฟาริสีชั้นแนวหน้าในการตามล่าคริสตชนเพราะคิดว่า เป็นพวกมิจฉาทิฐิที่ต้องกำจัดให้หมดสิ้นไป แต่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้เห็นขณะเดินทางไปจับกุมคริสตชนที่เมืองดามัสกัส เปาโลเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า บรรดาคริสตชนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งแห่งพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า ได้กลับใจรับศีลล้างบาปจากอานาเนียและกลายเป็นธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่

นักบุญเปาโลได้รับเลือกให้เป็นธรรมทูตพร้อมกับบาร์นาบัส ออกเดินทางไปประกาศข่าวดี เราทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางแพร่ธรรมทั้งสามครั้งของเปาโล จากหนังสือกิจการอัครสาวกตั้งแต่บทที่ 13 เป็นต้นไป เปาโลประกาศพระนามของพระเยซูเจ้าทั้งแก่ชาวยิวและคนต่างศาสนา ตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้นในเมืองต่าง ๆ ทำให้เปาโลเป็น อัครสาวกของคนต่างศาสนา เพราะได้นำข่าวดีของพระเยซูเจ้าไปประกาศแก่คนต่างศาสนา (เทียบ กจ 9:15)

2.        บทเรียนสำหรับเรา

การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครสาวก และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องกลับใจหันมาหาพระเจ้า นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลเหมือนกันตรงที่เคยผิดพลาดมาก่อน เปโตรเคยปฏิเสธพระเยซูเจ้าสามครั้ง ส่วนเปาโลเคยเบียดเบียนกลุ่มคริสตชน พระเยซูเจ้าทรงเรียกชื่อทั้งสองและทรงเปลี่ยนชีวิตของทั้งสอง ให้กลายเป็นผู้ร้อนรนในการนำคริสตชนไปสู่ความรอด ทรงเรียกและเลือกใช้ผู้อ่อนแอเป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์ ความผิดพลาดในอดีตไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่การกลับใจและเริ่มต้นใหม่ต่างหากที่สำคัญ

ประการที่สอง เราต้องสำนึกในความต่ำต้อยของตน นักบุญเปโตรได้รับเลือกพิเศษให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า แต่สำนึกในความไม่เหมาะสมของตนและทูลพระเยซูเจ้าว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” (ลก 5:8)  นักบุญเปาโลเช่นกันได้เขียนว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก” (1 คร 15:9) และเลือกใช้ชื่อเปาโลซึ่งหมายถึง “เล็กน้อย”

ประการที่สาม เราต้องรักกันและให้อภัยเสมอ นักบุญเปโตรถามพระเยซูเจ้าว่า ถ้าพี่น้องทำผิดต้องยกโทษให้กี่ครั้ง เจ็ดครั้งพอไหม พระเยซูเจ้าตอบว่า เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง (มธ 18:22) ความรักและการให้อภัยของพระเยซูเจ้าทำให้เปโตรรู้สึกผิดที่เคยปฏิเสธพระองค์ และเปาโลรู้สึกผิดที่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ความรักและการให้อภัยของพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความผิดและความล้มเหลวของทั้งสอง

ประการที่สี่ เราต้องประกาศข่าวดีและเป็นพยาน นักบุญเปโตรได้ประกาศข่าวดีและพลีชีพเป็นมรณสักขีด้วยการตรึงกางเขนกลับหัวที่เนินวาติกัน ส่วนนักบุญเปาโลได้ประกาศข่าวดีและก่อตั้งกลุ่มคริสตชนตามเมืองต่าง ๆ จนได้ชื่อว่า เป็นอัครสาวกของคนต่างศาสนา และได้เขียนว่า “หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ” (1 คร 9:16) ที่สุด ได้พลีชีพเป็นมรณสักขีด้วยการถูกตัดศีรษะบนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก เป็นการสมโภชเสาหลักทางความเชื่อของพระศาสนจักร นักบุญเปโตรเป็นเสาหลักทางความเชื่อที่ต้องยึดถือ นักบุญเปาโลเป็นผู้สอนนานาชาติให้มีความเชื่อ  เสาหลักทั้งสองมีความสำคัญเพราะความเชื่อของเราสืบเนื่องมาจากบรรดาอัครสาวก ความเชื่อเป็นดังเมล็ดพันธุ์แห่งพระหรรษทานที่หว่านลงในใจเราในวันรับศีลล้างบาป เรามีหน้าที่บำรุงรักษา ทำให้เจริญเติบโต และเกิดผล

การสมโภชวันนี้เชื้อเชิญเราให้รำพึงถึงอำนาจ ที่พระเยซูเจ้าประทานแก่นายชุมพาของพระศาสนจักร มิใช่อำนาจปกครองเยี่ยงกษัตริย์ หรือเจ้านายทั้งหลาย แต่เป็น อำนาจแห่งความรักและการรับใช้  ซึ่งพระองค์ทรงสอนและมอบชีวิตบนไม้กางเขนเพื่อความรอดของทุกคน ศิษย์พระคริสต์ต้องร่วมมือกับนายชุมพาทุกระดับของตน อธิษฐานภาวนาเพื่อท่านให้สามารถทำหน้าที่แห่งความรักและการรับใช้เยี่ยงพระเยซูเจ้า และทำหน้าที่ประจำวันของตนให้ดีที่สุดและเกิดผล

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

28 มิถุนายน 2022

ที่มาภาพ : http://www.neeramukalcathedral.com/

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ, ปีที่ 5 ฉบับที่ 215

 

สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ

ปีที่ 5 ฉบับที่ 215 อาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2022 (2565)  :  http.//dondaniele.blogspot.com

107 หมู่ 6 บ้านดอนม่วย ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร 47130È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

เด็กคำสอนวัดดอนม่วยหลังพิธีบูชาขอบพระคุณและการเรียนคำสอน 21 มิถุนายน 2022

       พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนเราในพระวรสารวันนี้ว่า ความโกรธแค้นชิงชังในใจของเรา ไม่ได้หมดไปด้วยการทำลายล้างศัตรูคู่อาฆาต หรือเห็นคู่อริถูกลงโทษและได้รับความทุกข์ทรมาน แต่เราจะพบความสุขสงบในใจหากเราให้อภัยและไม่จดจำความผิด  นี่คือเครื่องหมายของการเป็นศิษย์แท้จริงของผู้ติดตามพระเยซูเจ้า

ไม่มีทางสายง่ายสำหรับการเป็นคริสตชน “เมื่อพระคริสตเจ้าทรงเรียกใครคนหนึ่ง พระองค์ทรงสั่งให้เขามาตาย” (ดีทริซ บอนฮอฟเฟอร์) ด้วยการตายต่อตนเอง ต่อความเห็นแก่ตัว และต่อความชั่วร้ายทั้งสิ้น และกลับเป็นคนใหม่ในองค์พระคริสตเจ้า การเป็นศิษย์แท้จริงคือการอุทิศตนทั้งครบในการเลียนแบบพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเรียกร้องการติดตามแบบไม่มีเงื่อนไข ด้วยการออกจากตัวเองเพื่อเป็นพยานถึงข่าวดีของพระองค์ในโลก

เด็กคำสอนวัดดอนม่วยหลังพิธีบูชาขอบพระคุณและการเรียนคำสอน 21 มิถุนายน 2022

       บทอ่านที่หนึ่ง
หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 ได้เล่าถึงการเรียกและการยอมรับคำท้าทายที่จะเป็นประกาศก การที่เอลิยาห์โยนเสื้อคลุมของตนให้เอลีชา มีความหมายทางสัญลักษณ์เหมือนการปกมือ ในที่นี้หมายถึงการถ่ายทอดพระพรพิเศษของการพยากรณ์ ให้เราสรรเสริญพระเจ้าสำหรับการเรียกให้เป็นคริสตชน

บทอ่านที่สอง นักบุญเปาโลยืนยันว่า ความรอดมาโดยทางความเชื่อ และไม่ได้เป็นผลมาจากการถือตามกฎของโมเสส ความรอดเป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้เปล่า คริสตชนเป็นคนอิสระ ไม่ใช่ทาส เพราะพระเยซูเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว และต้องใช้อิสรภาพในทางที่ถูกต้อง ในการรักและรับใช้กันและกัน ไม่ปล่อยตัวตามเนื้อหนัง

พระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องความเด็ดเดี่ยวแบบเดียวกันจากศิษย์ของพระองค์ เมื่อคนหนึ่งจับคันไถ แต่หันกลับไปมองข้างหลัง จะทำให้เขาไม่เหมาะสมสำหรับพระอาณาจักรของพระเจ้า เลียนแบบพระเยซูเจ้าด้วยหัวใจทั้งครบ เพื่อเป็นศิษย์แท้จริงของพระองค์

พิธีบูชาขอบพระคุณหน้าศพ ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ที่จันทร์เพ็ญ 23 มิถุนายน 2022

°
ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1.          ขอบคุณพี่น้องที่อธิษฐานภาวนาและไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณปลงศพ ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ ที่วัดแม่พระถวายพระกุมารในพระวิหาร จันทร์เพ็ญ เมื่อวานนี้

2.          ขอบคุณพี่น้องที่ให้กำลังใจและอธิษฐานภาวนา เพื่อการรักษาสุขภาพของคุณพ่อเจ้าอาวาส ยังต้องรักษาต่อไป

3.          ศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2022 เป็นวันศุกร์ต้นเดือน เชิญชวนกลุ่มผู้สูงอายุและพี่น้องร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณศุกร์ต้นเดือน

4.          เงินทานวัดดอนม่วย 1,753.- บาท, และจ่ายค่าไฟฟ้า 1,700.- บาท

5.          เงินทานวัดโนนค้อ 937.- บาท, และขอบคุณพี่น้องที่ร่วมสมทบซื้อพันธุ์ปลา เพื่อปล่อยเป็นแหล่งอาหารเตรียมสำหรับการเปิดเสกวัดใหม่, การสร้างวัด : จ่ายค่าแรงผู้รับเหมา งวดที่ 4 งานเทพื้นและก่อฉาบ 200,000.- บาท

6.          ขอบคุณกลุ่มคริสตชนพื้นฐาน กลุ่มที่ 5-6 ที่ช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบสัปดาห์ต่อไปคือกลุ่มที่ 7-8 และวัดโนนค้อ กลุ่มที่ 1

พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์

วัน

ที่

เวลา

                                   ผู้ขอ/วันฉลอง

จุดประสงค์

อาทิตย์

26

07.00 น.

08.30 น.

สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

 

สุขสำราญพี่น้องโนนค้อ

สุขสำราญพี่น้องดอนม่วย

จันทร์

27

06.45 น.

น.ซีริลแห่งอเล็กซานเดรีย พระสังฆราชและนักปราชญ์

 

อังคาร

28

06.45 น.

ระลึกถึง น.อีเรเนโอ พระสังฆราชและมรณสักขี

 

พุธ-พฤหัส

29-30

06.45 น.

สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

 

ศุกร์

01

06.45 น.

ศุกร์ต้นเดือน

 

เสาร์

02

06.45 น.

สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

 

 

พี่น้องโนนค้อร่วมปล่อยพันธุ์ปลาในบ่อหลังวัดเพื่อเป็นแหล่งอาหาร 25 มิถุนายน 2022









ศิษย์แท้จริงของพระเยซูเจ้า

 

ศิษย์แท้จริงของพระเยซูเจ้า

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

ปี C

1 พกษ 19:16, 19-21

กท 5:1, 13-18

ลก 9:51-62

บทนำ

 เรื่องราวชีวิตของอับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา นอกจากเป็นผู้นำคนสำคัญของโลกที่ทุกคนรู้จักแล้ว ลินคอล์นยังเป็นผู้นำชีวิตฝ่ายจิตที่มีความศรัทธาลึกซึ้งมากกว่าประธานาธิบดีคนใด มีเรื่องเล่าว่า ช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา 1861-1865 ระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ลินคอล์นถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่กระทำการรุนแรงต่อทหารฝ่ายใต้

หลังการต่อสู้สงบลงผู้บัญชาการทหารได้ถามลินคอล์นว่า “ทำไมท่านไม่ทำลายศัตรูเมื่อมีโอกาส” ประธานาธิบดีลินคอล์นได้ตอบด้วยถ้อยคำที่นำมาจากพระวรสารวันนี้ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำลายศัตรูของข้าพเจ้าแล้ว ด้วยการทำให้เขากลายเป็นเพื่อน”  ซึ่งไม่เพียงกำจัดศัตรูให้หมดสิ้นไป แต่ยังได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนเราในพระวรสารวันนี้ ความโกรธแค้นชิงชังในใจของเรา ไม่ได้หมดไปด้วยการทำลายล้างศัตรูคู่อาฆาต หรือเห็นคู่อริถูกลงโทษและได้รับความทุกข์ทรมาน แต่เราจะพบความสุขสงบในใจหากเราให้อภัยและไม่จดจำความผิด  นี่คือเครื่องหมายของการเป็นศิษย์แท้จริงของผู้ติดตามพระเยซูเจ้า

1.        ศิษย์แท้จริงของพระเยซูเจ้า

ในตอนต้นของพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จจากแคว้นกาลิลีสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านดินแดนของชาวสะมาเรีย ชาวยิวกับชาวสะมาเรียเป็นศัตรูกันทั้งที่เดิมเป็นชาติเดียว เนื่องจากชาวสะมาเรียได้แต่งงานกับคนต่างชาติ และหันไปนับถือรูปเคารพในช่วงเวลาถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย (ปี 722 ก่อน ค.ศ.) ชาวยิวทางใต้ถือว่า พวกนี้ไม่มีเลือดยิวบริสุทธิ์ ขณะที่พวกเขายังคงรักษาความเป็นชาติและศาสนาของตนอยู่  แม้ประสบชะตากรรมเดียวกัน (ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยที่บาบิโลนปี 587 ก่อน ค.ศ.)

อคติและความเกลียดชัง ทำให้ชาวสะมาเรียไม่ต้อนรับพระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ เพราะรู้ว่าพระองค์เป็นชาวยิวเพราะกำลังเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม ทำให้ยากอบและยอห์นโกรธและร้องขอไฟจากฟ้ามาเผาผลาญพวกเขา เหมือนอลิยาห์ร้องขอไฟจากฟ้าในสมัยของท่าน (2 พกษ 1:9-12) พระเยซูเจ้าทรงหนิและห้ามปรามพวกเขา เพราะพระองค์มิใช่ผู้ทำลายล้าง แต่เป็นผู้ช่วยให้รอด ที่สอนข่าวดีแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัย

ในตอนที่สอง พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ต้องการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ให้ทิ้งทุกสิ่ง พระเยซูเจ้าและข่าวดีของพระองค์ต้องสำคัญที่สุด และพวกเขาต้องเป็นอิสระจากสิ่งของ หรือข้อผูกมัดใด ๆ ในโลก โดยมุ่งมั่น เพียรทน และอุทิศตนทั้งครบในการเลียนแบบพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเรียกร้องการติดตามแบบไม่มีเงื่อนไข ด้วยการออกจากตัวเองเพื่อเป็นพยานถึงข่าวดีของพระองค์ในโลก

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องอดทนด้วยความรัก คนในสังคมปัจจุบันมีความอดทนต่ำ มักใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหามากกว่าเหตุผล เราต้องรักอย่างอดทนในการปฏิบัติต่อกัน เป็นต้นในครอบครัว สามี-ภรรยาต้องอดทนต่อความบกพร่องของกันและกัน รวมถึงในที่ทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงาน และในหมู่คณะระหว่างเพื่อนบ้านและคนที่เราพบ

ประการที่สอง เราต้องพร้อมให้อภัยและให้โอกาสคนผิดพลาด พระเยซูเจ้าทรงรัก ให้อภัย และให้โอกาสเราโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อเราผิดพลาดในชีวิต เราต้องการการให้อภัยและโอกาสเพื่อเริ่มต้นใหม่ เราจึงไม่ควรเหยียบย่ำซ้ำเติมใครเมื่อผิดพลาด แต่พร้อมให้อภัยและให้โอกาส มีเพียงการให้อภัยเท่านั้นทำให้สันติสุขกลับคืนมา มิใช่การแก้แค้น

ประการสุดท้าย เราต้องละทิ้งทุกสิ่งและอุทิศตนทั้งครบ ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีคนจำนวนมากได้ยินข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงท้าทาย แต่ทิ้งพระองค์ไป และมีคนจำนวนมากได้ละทิ้งทุกสิ่งเป็นศิษย์ติดตามพระองค์โดยปราศจากเงื่อนไข อย่างนักบุญฟรังซิส อัสซีซี ที่ละทิ้งความร่ำรวยและเกียรติยศชื่อเสียง เลียนแบบพระเยซูเจ้าด้วยหัวใจทั้งครบ เพื่อเป็นศิษย์แท้จริงของพระองค์

บทสรุป

พี่น้องที่รัก บทอ่านวันนี้พูดถึงการเรียกของพระเจ้า และการอุทิศตนในการตอบสนองการเรียกของพระองค์  เราถูกเรียกร้องให้อุทิศตนทั้งครบอย่างมีอิสรภาพในการตอบรับต่อแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อการเป็นคริสตชนและศิษย์แท้จริงของพระองค์ ไม่ใช่เพียงเฉพาะเวลาที่เราอยู่ที่วัด เราต้องเป็นพยานถึงความเชื่อคริสตชนในความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และทุกที่ที่เราอยู่

ไม่มีทางง่ายสำหรับการเป็นคริสตชน เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราให้มาเป็นคริสตชน พระองค์ทรงเรียกเราให้มาตาย นั่นคือตายต่อตนเอง ต่อความเห็นแก่ตัว และต่อความชั่วร้ายทั้งสิ้น และกลับเป็นคนใหม่ในพระเยซูเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องติดตามพระเยซูเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข กลายเป็นศิษย์แท้จริงของพระองค์ ด้วยการออกจากตัวเองและเปิดไปสู่คนอื่นเสมอ ในความรัก การรับใช้ และการให้อภัยตามแบบอย่างของพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

https://dondaniele.blogspot.com/

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

25 มิถุนายน 2022

ภาพ : ขบวนแห่พิธีบวชพระสงฆ์, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2022-06-11

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ฟรังซิส เซเวียร์ คำดี ถินวัลย์

 

ชีวประวัติ

คุณพ่อฟรังซิส เซเวียร์ คำดี  ถินวัลย์


กำเนิด

คุณพ่อฟรังซิส เซเวียร์ คำดี  ถินวัลย์ เกิดเมื่อ 19 ธันวาคม 1939 (2482) ที่บ้านจันทร์เพ็ญ ต.เต่างอย อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นบุตรคนที่ 4 ของเบเนดิกโต บุญมี  ถินวัลย์ กับ โรซา ผังทอง  ถินวัลย์ มีพี่น้องทั้งหมด 5  คน ดังรายนามต่อไปนี้

1)        กาทารีนา คำปอน  ปาหมึก          เสียชีวิตแล้ว

2)        ซีมอน ถนอม  ถิ่นวัลย์                 เสียชีวิตแล้ว

3)        อันนา บัวครอง  โพธิ์ดำ               เสียชีวิตแล้ว

4)        ฟรังซิส เซเวียร์ คำดี  ถินวัลย์      ผู้วายชนม์

5)        อันนา สุรีย์  พรหมสาขา ณ สกลนคร เสียชีวิตแล้ว

ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ แถวแรก คนรองสุดท้าย บ้านเณรฟาติมา ปี 1953
การศึกษา

คุณพ่อคำดี ถินวัลย์ ได้รับการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเต่างอยราษฎร์อนุกูล (โรงเรียนอนุบาลเต่างอย ปัจจุบัน) จากนั้นได้เข้าบ้านเณรท่าแร่ เลขลำดับที่ 125 ปี 1952 (2495) รุ่นเดียวกับคุณพ่อยอห์นบัปติสต์ นรินทร์  ศิริวิริยานันท์ เพื่อเรียนรู้กระแสเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้า โดยศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่เส้นทางชีวิตที่พระเจ้าทรงเลือก ได้ลาออกจากบ้านเณรและสมัครเข้าเป็นครูสอนที่โรงเรียนมัธยมศิริขัน บ้านพังโคน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นเวลา 1 ปี และสมัครเข้าเป็นครูสอนที่โรงเรียนมารีย์นุเคราะห์ จันทร์เพ็ญ ต.เต่างอย อ.เมือง จ.สกลนคร พร้อมกับสมัครสอบจนได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูมัธยม (พ.ม.)

ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ กับหลานชายลูกพี่สาว วันปลงศพกาทารีนา คำปอน ปาหมึก; 13 ธันวาคม 2018
หน้าที่การงาน

22 เมษายน 2511 ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูที่โรงเรียนบ้านหนองแวงน้อย ต.โคกศรี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หมู่บ้านกันดารที่ไม่มีเส้นทางคมนาคม ต้องเดินเท้าไปตามทางเกวียนเป็นระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร และอยู่ในเขตอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เคยถูกลอบยิงครั้งหนึ่งขณะเดินทางไปราชการพร้อมผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอสว่างแดนดิน ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด และด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้านทำให้สามารถทำหน้าที่พ่อพิมพ์ของชาติที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี

2514-2516     ย้ายไปสอนที่โรงเรียนบ้านนาอ่างม่วงคำ ต.นาตาล อ.เต่างอย จ.สกลนคร

2516-2520     ย้ายไปสอนที่โรงเรียนชุมชนเต่างอย ต.เต่างอย อ.เต่างอย จ.สกลนคร (โรงเรียนอนุบาลเต่างอย ปัจจุบัน)

ปี 2518          โรงเรียนมารีย์นุเคราะห์ จันทร์เพ็ญได้เลิกกิจการ ทำให้เด็กนักเรียนจากหมู่บ้านจันทร์เพ็ญประสบปัญหาในการเดินทางไปเรียนที่อื่นซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 2 กิโลเมตร ครูคำดี  ถินวัลย์ ได้ปรึกษาพระอัครสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน  เสมอพิทักษ์ ถึงปัญหาความเดือดร้อน และเป็นผู้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครเพื่อขอจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ และได้รับอนุมัติตามหนังสือร้องเรียน โดยใช้อาคารสถานที่เดิมของโรงเรียนมารีย์นุเคราะห์ จันทร์เพ็ญ เปิดทำการสอนเป็นการชั่วคราว

ปี 2520          รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณสร้างอาคารเรียนสองชั้น ในที่ดินสาธารณะของหมู่บ้าน โดยให้ชื่อว่า “โรงเรียนบ้านจันทร์เพ็ญ” เพื่อเป็นสถานศึกษาเล่าเรียนของบุตรหลานชาวจันทร์เพ็ญเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และครูคำดี  ถินวัลย์ ในฐานะผู้บุกเบิกและก่อตั้ง ได้ย้ายมาสอนที่โรงเรียนบ้านจันทร์เพ็ญในปีเดียวกันนั้น

ปี 2522          ครูคำดี ถินวัลย์ ได้รับคำสั่งด่วนและลับมากจากนายสายสิทธิ์ พรแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้ไปราชการที่หมู่บ้านโคกกลาง หมู่บ้านที่อยู่กลางหุบเขาภูพาน ทุรกันดาร อยู่ใต้อิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง โดยมีเป้าหมายเพื่อหาสถานที่ตั้งโรงเรียนและสร้างอาคารเรียนภายใน 1 ปี เพื่อให้บุตรหลานชาวโคกกลางได้เรียนหนังสือ ครูคำดี ถินวัลย์ ต้องเดินเท้าโดยการนำทางของชาวโคกกลางไปตามไหล่เขาสูงชัน ผ่านลำห้วย และป่าหนาทึบของเทือกเขาภูพานเป็นระยะทาง 16 กิโลเมตร

ที่สุด ได้เดินทางถึงหมู่บ้านโคกลาง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวโคกกลาง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นพี่น้องจากบ้านจันทร์เพ็ญ ด้วยประสบการณ์ที่เคยรับราชการที่บ้านหนองแวงน้อย ปฏิภาณไหวพริบ และความเฉลียวฉลาดของครูคำดี ถินวัลย์ ทำให้สามารถจัดตั้งโรงเรียนและหาสถานที่ก่อสร้างอาคารเรียนได้สำเร็จโดยใช้ชื่อว่า “โรงเรียนบ้านโคกกลาง” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูใหญ่ของโรงเรียน

ขณะรับราชการที่โรงเรียนบ้านโคกกลาง ครูคำดี ถินวัลย์ ได้ทำหนังสือถึงนายสายสิทธิ์ พรแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เพื่อขออุปกรณ์แป๊บน้ำประปาต่อจากแหล่งน้ำธรรมชาติบนภูเขาเข้าสู่หมู่บ้านเป็นระยะทางยาว 6 กิโลเมตร ทำให้ราษฎรบ้านโคกกลางได้มีน้ำประปาสำหรับบริโภคและอุปโภค อีกทั้งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้หลงผิดได้กลับใจกลายเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย พาครอบครัวเข้ามาอาศัยในหมู่บ้านโคกกลาง จำนวน 10 ครอบครัว

ปี 2533         ครูคำดี ถินวัลย์ ได้ขอย้ายตัวเองโดยยอมลดตำแหน่งครูใหญ่ลงมาเป็นครูสายผู้สอนที่โรงเรียนบ้านจันทร์เพ็ญ ต.จันทร์เพ็ญ อ.เต่างอย จ.สกลนคร เพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจ ก่อนเกษียณอายุราชการเมื่อ  1 ตุลาคม 2543 ในตำแหน่งข้าราชการบำนาญ อาจารย์ 2 ระดับ 7

ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ กับ อักแนส ดีไสย์ ถินวัลย์ คู่ชีวิต
ครอบครัว

เมื่อคุณพ่อคำดี ถินวัลย์ มีอายุพอสมควรได้พบรักและแต่งงานกับนางสาวอักแนส ดีใสย์ งอยจันทร์ศรี ธิดาสาวสวยของคุณตาคำมี-คุณยายทองคำ งอยจันทร์ศรี โดยเข้าพิธีรับศีลสมรสที่วัดแม่พระถือศีลชำระ จันทร์เพ็ญ มีบุตร-ธิดาด้วยกันทั้งหมด 9 คน ดังรายนามต่อไปนี้

1)        นายเฮียโรนิโม เพชรบูรณ์  ถินวัลย์          เจ้าหน้าที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ

2)        ว่าที่ร้อยตรีโทมัส สุดสารคร  ถินวัลย์       ข้าราชการบำนาญและหมอผสมเทียมโค กระบือ เขตติดต่ออำเภอวรนรนิวาส, เจริญศิลป์ และคำตากล้า

3)        นางมารีอา ประภาพร  มูลศรี       ครูโรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร

4)        นางสาวมาร์การิตา รัศมี  ถินวัลย์  ครูโรงเรียนเซนต์ยอแซฟมุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร

5)        นายยออากิม ขจรศักดิ์  ถินวัลย์    ประกอบอาชีพอิสระ

6)        นายมีคาแอล พรชัย  ถินวัลย์        เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร

7)        นายปีโอ สิทธิชัย  ถินวัลย์            ประกอบอาชีพอิสระ

8)        นางลูชีอา อุไรวรรณ  โพธิ           พยาบาลผู้ช่วยโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร

9)        นางคลารา กรรนิการ์  วงค์คำจันทร์         เจ้าหน้าที่ประจำห้องทดลองศูนย์วิจัยพืชไร่ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี

ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ กับลูกหลานวันมิสซาหน้าศพพี่สาว กาทารีนา คำปอน ปาหมึก; 12 ธันวาคม 2018

คุณงามความดี

ตลอดชีวิตการรับราชการ คุณพ่อคำดี ถินวัลย์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญเด็ดเดี่ยว เสียสละและอุทิศตนเพื่องานราชการอย่างดียิ่ง เป็นครูที่ลูกศิษย์รักและเคารพนับถืออย่างสนิทใจ เป็นบุคลากรทางการศึกษาที่ผู้บังคับบัญชาไว้ใจและชื่นชม ได้สร้างคุณประโยชน์มากมายต่อสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการก่อตั้ง “โรงเรียนบ้านจันทร์เพ็ญ” และ “โรงเรียนบ้านโคกกลาง” ต.จันทร์เพ็ญ อ.เต่างอย จ.สกลนคร

อีกทั้งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผู้หลงผิดกลับใจมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จนได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นที่ 3 ชื่ออริยาภรณ์ มงกุฎไทย เมื่อ 5 ธันวาคม 2533 ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอาจารย์ 2 ระดับ 7 รุ่นแรกของครูสายผู้สอนในจังหวัดสกลนคร ต่อเมื่อเกษียณอายุราชการ ยังทำหน้าที่ช่วยเหลืองานสังคมและพระศาสนจักรอย่างแข็งขัน ด้วยการเป็นสภาภิบาลวัดแม่พระถวายพระกุมารในพระวิหาร จันทร์เพ็ญ เป็นเวลาหลายปี นับเป็นปูชนียบุคคลที่ควรค่าแก่การยกย่อง และเป็นแบบอย่างสำหรับอนุชนรุ่นหลังอย่างแท้จริง

ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ รับศีลเจิมคนไข้และศีลมหาสนิท; 16 มิถุนายน 2020

วาระสุดท้าย

เหตุการณ์ที่ยังความเศร้าโศกเสียใจที่สุดของคุณพ่อคำดี ถินวัลย์ คือการกลับไปเฝ้าพระเจ้าของอักแนส ดีไสย์ ถินวัลย์ คู่ชีวิต เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2013 (2556) ทำให้ต้องอยู่โดยลำพังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีบรรดาบุตรหลานแวะเวียนมาดูแล ประมาณกลางปี 2020 (2563) คุณพ่อคำดี ถินวัลย์  เริ่มอ่อนแรงและเจ็บป่วย แต่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ ได้เตรียมตัวด้วยการรับศีลเจิมคนไข้และศีลมหาสนิทเมื่อ 16 มิถุนายน 2020 (2563) จากหลานชายซึ่งเป็นพระสงฆ์ ถือเป็นพระพรยามเจ็บป่วย

กระทั่งสองเดือนที่ผ่านมา คุณพ่อคำดี ถินวัลย์ ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้โดยลำพัง บุตรสาวคนรองสุดท้องได้ลาออกจากงานเพื่อมาทำหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ที่สุด ได้มอบคืนดวงวิญญาณ สู่การพักผ่อนนิรันดรในองค์พระเจ้าอย่างสงบ เมื่อพุธที่ 22 มิถุนายน 2022 (2565) เวลา 8.20 น. สิริอายุ 82 ปี 6 เดือน 3 วัน

ขอฝากดวงวิญญาณของ คุณพ่อฟรังซิส เซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ ไว้ในคำภานาของพระคุณเจ้า คณะสงฆ์ นักบวช แขกผู้มีเกียรติ และพี่น้องทุกท่านด้วย

พิธีบูชาขอบพระคุณหน้าศพ ฟรังซิสเซเวียร์ คำดี ถินวัลย์ ที่จันทร์เพ็ญ; 23 มิถุนายน 2022