วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประตูสวรรค์แคบ แต่เปิดเสมอ

ประตูสวรรค์แคบ แต่เปิดเสมอ
วันพุธ
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 8: 26-30
ลก 13: 22-30
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับประตูแคบเพื่อตอบคำถามที่ว่า “มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” (ลก 13:23) ผู้ที่พยายามเข้าทางประตูแคบจะได้ร่วมงานเลี้ยงนิรันดรกับพระบิดาเจ้า ในขณะที่ผู้ไม่ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออยู่ข้างนอก ได้แก่ คริสตชนที่ใจเย็นเฉย พวกเขารู้จักเจ้าของบ้านดี เคยกินดื่มด้วยกันและคิดว่าตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษ แต่พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างนอก ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของความรอดนิรันดร
เป้าหมายของชีวิตคริสตชนคือ การอยู่กับพระเจ้าและเข้าในอาณาจักรสวรรค์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมาวัด มิใช่การถือตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เพราะต้องการอยู่กับพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วโมงเดียวในวันอาทิตย์ แต่เราต้องนำพระองค์กลับออกไปพร้อมกับเราในชีวิตจริงที่บ้าน ที่ทำงาน และทุกที่ที่เราไป เพื่อเราจะได้อยู่กับพระองค์ตลอดเวลาและพบพระองค์ในบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น
ทุกวันนี้คริสตชนถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่น คดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่างๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ก็ทำกัน เป็นการง่ายที่จะเข้าทางประตูกว้างหรือทำอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ และนี่เป็นการเดินทางเข้าประตูสวรรค์ ซึ่งเป็นประตูแคบและยากลำบาก
พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รอด และอยู่กับพระองค์อย่างมีความสุขตลอดไป แม้ว่าประตูสวรรค์แคบ แต่เปิดอยู่เสมอ พระเจ้าทรงให้โอกาสทุกคนและให้อิสระที่จะเลือกหรือปฏิเสธ ความรอดไม่ได้ขึ้นกับพระเจ้า แต่ขึ้นอยู่กับเราและเป็นหน้าที่ของเรา ต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุดขณะที่ยังมีเวลาและชีวิตอยู่ หากเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่คริสตชนและดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์อย่างแน่นอน
ศิษย์พระคริสต์ต้องเข้าทางประตูแคบ ดำเนินชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ ในการสละน้ำใจตนเอง อุทิศตนเพื่อผู้อื่น และทำหน้าที่ของตนในแต่ละวันให้ดีที่สุด ไม่มีทางลัดสำหรับไปสวรรค์ การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของการเข้าสวรรค์ นักบุญเปาโลเป็นตัวอย่างสำหรับเรา “ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว ข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้ว” (2 ทม 4:7) ดังนั้น เราไม่ควรท้อถอยในการทำความดีและทำหน้าที่คริสตชน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
31 ตุลาคม 2017
ภาพ: นางภูมา ว่องไว และนางสอน ว่องไว, ข้างหลุมศพมรณสักขีอักแนส พิลาและลูชีอา คำบาง, สุสานวัดแม่พระไถทาส สองคอน, มุกดาหาร; C 1950, ต้นฉบับ: คุณพ่อฟรังซิส อันเดรโอนี

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พระอาณาจักรที่มีชีวิต

พระอาณาจักรที่มีชีวิต
วันอังคาร
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 8: 18-25
ลก 13: 18-21
คำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นภาพเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นพระอาณาจักรที่มีชีวิตและเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง สะท้อนพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ แม้มองไม่เห็นแต่มีชีวิตและค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น พระเยซูเจ้าทรงมั่นพระทัยในการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ จากเมล็ดมัสตาร์ดเล็กๆ กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ จากเชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยได้ทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น
ไม่มีใครมองเห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ เราเดินผ่านต้นไม้ทุกวันโดยไม่ได้สังเกต การเติบโตเป็นไปอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับเชื้อแป้งที่ทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น การเริ่มต้นเป็นไปอย่างเงียบๆ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผลสุดท้ายน่าพิศวง พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสนจักรเริ่มจากกลุ่มคนเพียงหยิบมือ และเป็นกลุ่มคนที่เป็นชาวประมงธรรมดาไม่ได้มีความรู้มาก แต่เป็นกลุ่มคนที่มีชีวิตและได้รับพลังพิเศษจากเบื้องบน
พระเยซูเจ้าทรงหว่านเมล็ด ทรงตั้งพระศาสนจักร และมอบทุกอย่างไว้ในมือของบรรดาศิษย์ ทรงปล่อยให้การเจริญเติบโตเป็นงานของพระจิตเจ้า คำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นรูปหมายถึงพระศาสนจักรที่ทรงตั้งขึ้นให้เป็นบ้านของคนทุกเชื้อชาติ ทุกคนได้เข้ามาในพระศาสนจักรเหมือนเข้าบ้าน ที่เราสามารถพบสันติสุขและความรักแห่งการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้า ที่ทรงคอยเราอยู่ในศีลมหาสนิทและศีลศักดิ์สิทธิ์
ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นพระอาณาจักรที่มีชีวิต ในความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ในการตอบรับต่อแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า ในการร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าภายใต้การนำของพระจิตเจ้า ความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องต้องเติบโตและเข้มแข็งขึ้นทุกวัน และแสดงออกให้เห็นในภาคปฏิบัติ ดังเชื้อแป้งที่คุกเคล้าจากภายนอก แต่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในและเติบโตอย่างมั่นคง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
30 ตุลาคม 2017
ภาพ: พระสังฆราช พระสงฆ์ ภคินี และนักเรียนโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ท่าแร่, หน้าอาคารวัดน้อย, ภคินีรักกางเขนแห่งท่าแร่, สกลนคร; c 1962

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

วันแห่งการทำความดี

วันแห่งการทำความดี
วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
รม 8: 12-17
ลก 13: 10-17
เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวันสับบาโต ชาวฟาริสีได้ออกกฎเกณฑ์หยุมหยิมมากมาย ทำให้การกระทำที่แสดงถึงความเมตตากรุณากลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับวันสับบาโต พวกเขาอนุญาตให้ดูแลสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้ แต่ไม่อนุญาตให้ดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นหญิงหลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้ และทรงสงสาร พระองค์สามารถรอคอยได้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้ง แต่หญิงคนนั้นได้รับความทุกข์ทรมานมาสิบแปดปีแล้ว
พระเยซูเจ้าทรงแสดงความเมตตาด้วยการช่วยหญิงหลังค่อม เพื่อทำให้บทบัญญัติของพระเจ้าสมบูรณ์ มิใช่กฎเกณฑ์ที่ชาวฟาริสีขยายความและกำหนดขึ้น ทรงทราบดีว่าเมื่อทรงกระทำเช่นนั้นในวันสับบาโต ย่อมเกิดความขัดแย้งกับฟาริสีอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่พระองค์ไม่ทรงลังเลในการทำความดี มีไหมที่เรารู้สึกลังเลในการทำความดีเพราะกลัวคำพูดของคน เราได้ให้กำลังใจและช่วยคนที่พยายามทำความดีไหม
พระเยซูเจ้าทรงเห็นความต้องการของหญิงที่ถูกปีศาจสิงและหลังค่อมมา 18 ปี พระองค์ทรงรักษาเธอในทันที “พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้นนางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” (ลก 13:13) ทรงต้องการแสดงให้เห็นว่าพระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อช่วยมนุษย์ และปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระจากภาระของกฎหมาย ที่ให้คุณค่ากฎเกณฑ์มากกว่าความเป็นมนุษย์
การรักษาหญิงหลังค่อมแสดงถึงความเมตตากรุณาของพระเยซูเจ้าต่อคนเจ็บป่วย คนยากจน และคนที่อยู่ในสภาพน่าเวทนา ซึ่งเป็นภาพพจน์ของมนุษย์ที่ไร้อิสรภาพ อีกทั้ง ได้ให้ความหมายใหม่ของวันสับบาโตว่าเป็นวันของพระเจ้า วันแห่งการทำความดี วันแห่งการช่วยคน วันแห่งการสรรเสริญและโมทนาคุณพระเจ้า ทรงทำให้เห็นว่ากฎหมายมีไว้สำหรับมนุษย์ ทรงเรียกร้องให้เราใช้สามัญสำนึก และคำนึงถึงความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่ลังเลในการทำความดีเพื่อเห็นแก่พระเจ้า  โดยเฉพาะในการช่วยเหลือคนจนและคนทุกข์ยากเดือดร้อน มีความกล้าหาญในการทำความดี การยืนหยัดในความดีและความถูกต้องชอบธรรม และเลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้าในการทำความดีทุกเวลา บ่อยครั้งเรามีข้ออ้างสารพัดเพื่อไม่ต้องทำดี ไม่ต้องช่วยคน หรือไม่ต้องมาวัด เราต้องจำนนต่อความรักและความเมตตาหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า อีกทั้ง ต้องให้กำลังใจและช่วยคนที่พยายามทำดี
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
29 ตุลาคม 2017
ภาพ: พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน, พระอัครสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์, วัดนักบุญมารีอามักดาเลนา นาโพธิ์, ฉลองวัด

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สารวัดป่าพนาวัลย์, ปีที่ 3 ฉบับที่ 129

Text Box:  สารวัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์ และวัดนักบุญเทเรซา วนาสามัคคี

ปีที่ 3  ฉบับที่ 129  อาทิตย์ที่ 29  ตุลาคม ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560):  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 187 หมู่ที่ 5 บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47230È086-231-3231

รา
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
สมาชิกใหม่ของวัดนักบุญเทเรซา วนาสามัคคี มาระโก กรวิชญ์ ตะนุเรือง
22 ตุลาคม 2017
พี่น้องที่รัก ความรักเป็นคำสอนสำคัญของพระเยซูเจ้าและหลักธรรมของคริสตศาสนา ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ ในความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ความรักต้องเป็นแรงจูงใจและเป็นเข็มทิศชีวิต ในการพูดและการกระทำทุกอย่างในชีวิตคริสตชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรักต่อเพื่อนมนุษย์แสดงถึงหน้าที่แห่งความรักที่พึงมีต่อพระเจ้า พระองค์ต้องการให้เรารักตอบพระองค์ผ่านทางการรักผู้อื่น
พระวรสารวันนี้บอกเราว่า เราต้องรักองค์พระเจ้าของเราสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญา และต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ให้เราได้กราบขอสมาโทษพระเจ้า หากเราไม่ได้รักพระองค์เท่าที่ควร ขาดความเชื่อวางใจในพระองค์และปฏิบัติต่อเพื่อนพี่น้องในทางที่ไม่ดี ทั้งด้วยความคิด วาจา และกิจการ
 ความหวังของพระศาสนจักร ผู้สนใจเข้าร่วมค่ายรักกางเขนแห่งท่าแร่
บทอ่านที่ 1: อพย 22:20-26 หนังสืออพยพได้ชี้ให้เห็นหลักคำสอนที่สำคัญของพระเจ้าสำหรับประชากรอิสราแอล ในการปฏิบัติตนต่อคนต่างชาติ หญิงม่าย และลูกกำพร้า พวกเขามีประสบการณ์ความรักและความเมตตาหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า ทรงทำพันธสัญญากับพวกเขาด้วยความรักนิรันดร์ ดังนั้น พวกเขาต้องปฏิบัติต่อกันด้วยความรักและความห่วงใย
บทอ่านที่ 2: 1ธส 1:5-10 นักบุญเปาโลได้บอกชาวเธสะโลนิกาว่าแบบอย่างชีวิตของพวกเขาได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย “ท่านเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่มีความเชื่อทุกคนในแคว้นมาชิโดเนียและอาคายา” ความเชื่อในพระเจ้าของพวกเขาได้เป็นที่เล่าลือทุกหนทุกแห่ง ชีวิตคริสตชนและทุกหมู่คณะต้องดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างสำหรับผู้อื่นเช่นเดียวกัน
พระวรสาร: มธ 22:34-40 พระเยซูเจ้าได้ตอบปัญหาของบัณฑิตทางกฎหมาย และให้ความกระจ่างเกี่ยวกับปัญหาที่ค้างคาใจชาวยิว คำสอนเรื่องบทบัญญัติแห่งความรักเป็นบทสรุปของพระวรสารหรือหลักคำสอนของพระองค์ ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ และทรงยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าสองประการนี้
 สวดสายประคำบ้านนายสมคิด บุญเชิด 22 ตุลาคม 2017
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1.       ประกาศศีลสมรส ระหว่างมีคาแอล ชูเกียรติ ปานสังข์ บุตรนายเอื้อน-นางสีวัย ปานสังข์ จากท่าแร่ กับเทเรซา สุพรัตน์ ลาดบาสี บุตรีนายบันดิษฐ์-นางหนูพิศ ลาดบาสี จากบ้านสวน ประกาศครั้งที่ 3 ขอเชิญร่วมพิธีศีลสมรส จันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2017 เวลา 16.00 น.
2.       ขอคำภาวนาสำหรับพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ โอกาสครบรอบ 75 ปี จันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2017 และภาวนาเพื่อพระสังฆราชใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ปกครองและนำอัครสังฆมณฑลของเรา
3.       พฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2017 วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับและปิดเดือนแม่พระแห่งสายประคำ ณ ศาลามีคาแอลเกี้ยน เสมอพิทักษ์ เวลา 18.30 น. มีซองขอมิสซาจากสังฆมณฑลฯ ขอพี่น้องได้นำไปแจกจ่ายเพื่ออุทิศแก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับ
 สวดสายประคำบ้านสวนป้าศรีวรรณ อิลล์ 24 ตุลาคม 2017
4.       เสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2017 วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับและเสกสุสาน ณ สุสานศักดิ์สิทธิ์วัดท่าแร่
5.       ผู้บริจาคเงินทำรั้วสุสาน: 1) คุณสุริวิภา กุลตัววัฒนา 5,000.- บาท, 2) นางวิพรรณ ยังสุข 1,000.- บาท และ 3) อันนาวารุณี ชุมเสน 500.- บาท ยอดรวม 36,100.- บาท
6.       เงินทานวันอาทิตย์ (22 ต.ค.) มิสซาเช้า จำนวน 978.- บาท และเงินทานวัดวนาสามัคคี 187.- บาท
 สวดสายประคำบ้านนายบรรเจิด-นางนงนิตย์ ศรีษาวรรณ์ 23 ตุลาคม 2017
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
29
07.30 น.
10.00 น.
18.30 น.

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
†สุขสำราญ พี่น้องชาววนาสามัคคี
†สุขสำราญ พี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
สุขสำราญ พี่น้องคุ้มห้าแยก
จันทร์
30
16.00 น.
พิธีศีลสมรสระหว่างมีคาแอล ชูเกียรติ กับ เทเรซา
สุพรัตน์ ลาดบาสี
อังคาร
31
10.00 น.
ครบ 1 ปี เปโตร คฑาวุฒิ, เปโตร ชาลิกา โพธิ์ดำ
ยอแซฟ แพง-เทเรซา แท่ง ลาดบาสี
พุธ
01
18.00 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

พฤหัสบดี
02
18.00 น.
วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ณ ศาลามีคาแอลเกี้ยน
เสมอพิทักษ์
ศุกร์
03
18.00 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา วันศุกร์ต้นเดือน
ส่งศีลคนป่วยและผู้สูงอายุ
เสาร์
04
18.00 น.
ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช


 สวดสายประคำบ้านป้านางใหญ่ 25 ตุลาคม 2017

 สวดสายประคำบ้านนายเลียนชัย ศรีครชุม 26 ตุลาคม 2017

 สวดสายประคำบ้านนายช่างนุกูล-อ.ชไมพร ใจซื่อ 27 ตุลาคม 2017

 สวดสายประคำบ้านนายประสิทธิ์-นางพิมพา อนุญาหงษ์ 28 ตุลาคม 2017

แก่นแท้ของบทบัญญัติ

แก่นแท้ของบทบัญญัติ
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
ปี A
อพย 22:20-26
1 ธส 1:5-10
มธ 22:34-40
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่าในบั้นปลายชีวิตของนักบุญยอห์น ผู้นิพนธ์พระวรสาร เวลามีประชุมกลุ่มคริสตชนต้องมีผู้หามท่านไปยังที่ประชุม เนื่องจากสังขารที่อ่อนแรงทำให้ไม่สามารถเทศน์สอนได้นาน ท่านมักพูดซ้ำคำพูดสั้นๆ ว่า “ลูกรัก จงรักกันและกัน” บรรดาศิษย์รู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมานี้ และถามท่านว่าทำไมไม่พูดอย่างอื่นบ้าง ท่านตอบพวกเขาว่า “จงรักกันและกัน แค่นี้เพียงพอแล้ว”
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีได้ออกกฎเกณฑ์มากมาย เพื่อขยายความบทบัญญัติของพระเจ้า ในสมัยพระเยซูเจ้ามีธรรมบัญญัติมากถึง 613 ข้อ แยกเป็น “ข้อห้าม” 365 ข้อ และ “ข้อปฏิบัติ” 248 ข้อ ในหมู่ชาวยิวมีการถกเถียงกันมาช้านานว่า “ธรรมบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด” สำนักของฮิลเลล (Rabbi Hillel) พูดอย่างหนึ่ง สำนักของกามาลิเอล (Rabbi Gamaliel) พูดอีกอย่าง บรรยากาศเช่นนี้ทำให้มีผู้คาดหวังใครซักคนถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ พระเยซูเจ้าทรงเผชิญหน้ากับชาวฟาริสีและผู้นำทางการเมืองที่รวมตัวกันเล่นงานพระองค์ ต้องเสียภาษีแก่ซีซาร์หรือไม่ (มธ 22:15-22) ต้องเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของร่างกายหรือไม่ (มธ 22:23-33) พระวรสารวันนี้ชาวฟาริสีได้มาชุมนุมพร้อมกันหมายจับผิด และบัณฑิตทางกฎหมายคนหนึ่งได้ทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” (มธ 22:36) คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ทุกคนตาสว่างและเข้าใจถึงแก่นแท้ของบทบัญญัติ
1.        แก่นแท้ของบทบัญญัติ
พระเยซูเจ้าได้ตอบปัญหาของบัณฑิตทางกฎหมาย และได้ทำให้ปัญหาคาใจชาวยิวได้รับความกระจ่าง “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน... ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”  (มธ 22:37-38) นี่คือบทสรุปของพระวรสารหรือหลักคำสอนของพระองค์ ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ และทรงยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใดใหญ่กว่าสองประการนี้
พระเยซูเจ้าทรงวางบทบัญญัติสองประการเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ในความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ทรงขยายความหมายของคำว่า “เพื่อนมนุษย์” ให้กว้างออกไปสู่ทุกคน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องที่ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) ชีวิตมนุษย์เป็นของประทานจากพระเจ้า ให้เราสามารถเติบโตในความรักของพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ ถือเป็นศูนย์กลางของบทบัญญัติและต้องไปด้วยกันเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
นักบุญยอห์น อัครสาวก เป็นผู้ที่เข้าใจและอธิบายความสัมพันธ์ของบทบัญญัติสองประการได้ดีที่สุด ท่านได้ยืนยันกับศิษย์ของท่านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตว่า “จงรักกันและกัน” เพราะการรักเพื่อนมนุษย์เป็นหนทางนำไปสู่ความรักต่อพระเจ้า “ถ้าผู้ใดพูดว่า ฉันรักพระเจ้า แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมเป็นคนพูดเท็จ เพราะผู้ไม่รักพี่น้องที่เขาแลเห็นได้ ย่อมไม่รักพระเจ้าที่เขาแลเห็นไม่ได้ (1 ยน 4:20)
2.        บทเรียนสำหรับเรา
คำตอบของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตหลายประการ
ประการแรก เราต้องรักพระเจ้าสุดจิตใจ นี่เป็นบทสรุปบทบัญญัติสามประการแรก พระเยซูเจ้าทรงอ้างข้อความจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ (ฉธบ 6:5) และหนังสือเลวีนิติ (ลนต 19:18) นั่นหมายความว่าเราต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ความรักในพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายและสามารถรักผู้อื่นได้ เพราะพระเจ้าทรงรักเราก่อนโดยไม่แบ่งแยก ไม่มีเงื่อนไขและไร้ขีดจำกัด
ประการที่สอง เราต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง นี่เป็นบทสรุปบทบัญญัติที่เหลือ พระเยซูเจ้าทรงย้ำว่าความรักต่อเพื่อนมนุษย์เป็นหน้าที่สำคัญต่อพระเจ้า ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อผู้อื่น เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวที่ออกจากตัวเองและแบ่งปันกับทุกคน มิใช่แต่เฉพาะพวกพ้องที่เรารักเท่านั้น แต่กับทุกคนแม้กระทั่งศัตรู ความรักต่อผู้อื่นนำเราไปสู่พระเจ้าและทำให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าปรากฏเป็นรูปธรรม
ประการที่สาม เราต้องรักกันเหมือนพระเจ้าทรงรักเรา ความรักเป็นบัญญัติเดียวที่พระเยซูเจ้าทรงเน้นเป็นพิเศษ “นี่คือบทบัญญัติของเราให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12) ความรักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคริสตชน และเป็นเครื่องหมายที่บอกคนอื่นให้รู้ว่าเราเป็นศิษย์พระคริสต์ ความรักต้องเป็นมาตรฐานและเครื่องชี้วัดกิจการทุกอย่างที่เรากระทำ ดังคำกล่าวของนักบุญเอากุสตินที่ว่า “จงรักและกระทำสิ่งที่ความรักบอกให้ทำ”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้ให้คำตอบชัดเจนกับเราวันนี้ว่า การรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เป็นแก่นแท้ของชีวิตคริสตชน ไม่เพียงตอบคำถามของชาวฟาริสี แต่ยังได้ให้หลักปฏิบัติสำหรับเราทุกยุคทุกสมัย การรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ต้องเป็นแรงจูงใจและนำทางเราในคำพูดและการกระทำทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการให้อภัย การให้กำลังใจ การร่วมทุกข์ร่วมสุข และการแบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน
พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความหมายของความรักนี้เด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยแบบอย่างแห่งความรักบนไม้กางเขน “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่ กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13)  เราถูกเรียกร้องให้รักตามมาตรฐานของพระองค์ เพื่อให้ใกล้ชิดและเข้าอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ เราต้องเดินในหนทางแห่งความรักของพระองค์ทุกวัน มองเห็นพระองค์ในผู้อื่นและปฏิบัติกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระองค์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
28 ตุลาคม 2017
ภาพ: การช่วยผู้เหลือประสบภัยน้ำท่วม, บ้านซ่ง, นาแก นครพนม; 2017-08-05