วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สารวัดนาบัว, ปีที่ 3 ฉบับที่ 129




สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

ปีที่ 3  ฉบับที่ 129  วันที่ 28  ตุลาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555): http.//dondaniele.blogspot.com
เลขที่ 154 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
พิธีฝังอัฐิของมารีอา สุนทร มะวงศ์งอย วัย 53 ปีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม
รา

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาล

พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่บาร์ทิเมอัสที่เมืองเยริโค บาร์ทิเมอัสได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อนี้ทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ

ให้เราได้ถามตัวเราเองว่า เราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่มีตาดีบ้างไหม ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการภาวนาด้วยความเชื่อ เพื่อพระองค์จะได้รักษาอาการบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเรา ให้สามารถมองเห็นความดีของผู้อื่นและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้อง
 พลมารีย์และชาวนาบัวร่วมสวดให้ดวงวิญญาณของมารีอา สุนทร (25 ตุลาคม)

บทอ่านที่หนึ่ง พระเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญากับประชากรอิสราแอลถึงอิสรภาพจากการเป็นทาส ความชื่นชมยินดีและการปลอบโยนผ่านทางประกาศกเยเรมีย์ พระเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์คือพระผู้ช่วยในยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ทรงดูแลเอาใจใส่เยี่ยงบิดาที่ดูแลลูก เราต้องมีความมั่นใจในความช่วยเหลือของพระองค์

บทอ่านที่สอง พระเยซูเจ้าได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้าให้เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ดังนั้นพระสงฆ์แต่ละองค์จึงได้รับเลือกสรรจากพระเจ้าเพื่อเป็นตัวแทนของพระเจ้าและมนุษย์ในการถวายของถวายและเครื่องบูชา ซึ่งชีวิตของเขาจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับบุคคลอื่น ดังเช่นพระเยซูเจ้าที่ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเป็นการถวายบูชาตลอดมา

พระวรสาร ในบริบทของพระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและศูนย์กลางทางการค้าตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ ขณะที่กำลงเสด็จผ่านเยริโคพระองค์ได้รักษาคนตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าสงสาร นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายของพระเยซูเจ้าตามบันทึกของนักบุญมาระโก
 มารีอา สุนทร เป็นบุตรีของซีมอน ซี-มารีอา เนา มะวงศ์งอย สิ้นใจเมื่อ 20 ตุลาคม

°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1)       ขอบคุณกลุ่มวิถีชุมชนวัดกลุ่มที่ 11 ที่ช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือ กลุ่มที่ 12

2)       วันนี้ (28 ตุลาคม) ขอแรงพี่น้องมาช่วยกันพัฒนาวัดและสุสาน ขอให้บรรดาเณรมาช่วยกันตัดหญ้าบริเวณสนามให้เสร็จ

3)       วันปิดเดือนแม่พระ วันพุธที่ 31 ตุลาคม มีแห่แม่พระรอบหมู่บ้าน เริ่มเวลา 18.30 น. และมีมิสซาปิดที่วัดเวลา 19.30 น.

4)       วันสมโภชนักบุญทั้งหลายและวันภาวนาอุทิศให้ผู้ล่วงลับ (เสกสุสาน) คือ วันพฤหัสบดีที่ 1 และศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2012 เย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน มีมิสซาอุทิศให้ธรรมทูต ผู้แพร่ธรรมและคุณพ่อเจ้าอาวาสที่ล่วงลับไปแล้วที่สุสาน และขอให้พี่น้องได้สนับสนุนซื้อเทียนจากบรรดาลูกๆ เยาวชนและนักเรียนคำสอนที่จะนำไปขายให้พี่น้อง

5)       เงินทานวันเสาร์ 323.- บาท, เงินทานวันอาทิตย์ที่ (21 ต.ค.) 8,575.- บาท, รับเงินบริจาคสมทบสร้างศาลา ครอบครัวนายอาทิตย์-นางษุภิสลา แก้วแสงดี 1,000.- บาท,รับเงินต้นมิสซา ครอบครัวนารินรักษ์ (23 ต.ค.) 11,880.- บาท และรับเงินค่าบำรุงสุสานจากป้าอ่อน ราชคำดี 300.- บาท

6)       วัดโพนสวาง เงินทานวันอาทิตย์ 460.- บาท และจ่ายค่าแรงให้ช่างเพิ่มเติม 3,000.- บาท
 บรรยากาศการสวดสายประคำของกลุ่มที่ 9 ที่บ้านของพ่อตึ๋งและตู้แดง

พิธีมิสซาและวันฉลองในรอบสัปดาห

วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
21
07.00 น.
10.00 น.
นางศิริพร นาแว่น
มิสซาที่โพนสวาง
อุทิศให้ดวงวิญญาณ มารีอา สุนทร มะวงศ์งอย
สุขสำราญสำหรับพี่น้องชาวโพนสวาง
จันทร์-อังคาร
29-30
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
 
พุธ
31
06.00 น.
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
แห่แม่พระและปิดเดือนแม่พระ
 
พฤหัสบดี
01
07.00 น.
19.30 น.
สมโภชนักบุญทั้งหลาย
มิสซาที่สุสาน
 
อุทิศแก่บรรดาธรรมทูตและบรรพบุรุษ
ศุกร์
02
07.00 น.
ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน
 
เสาร์
03
06.30 น.
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
มิสซาที่สุสานวัดโพนสวาง
 
 คุณพ่อพงษ์ศักดิ นารินรักษ์และพี่น้องถวายมิสซาอุทิศให้บิดา-มารดา (23 ต.ค)

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความเชื่อของบาร์ทิเมอัส


ความเชื่อของบาร์ทิเมอัส

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30
เทศกาลธรรมดา
ปี B
ยรม 31:7-9
ฮบ 5: 1-6
มก 10: 46-52

บทนำ

 นิโคลัส ปูแซง (Nicholas Poussin: 15953-1667) จิตกรชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 17 ได้รังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมทรงคุณค่ามากมาย ภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของเขาคือภาพพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส วันหนึ่งขณะที่นักประพันธ์และศิลปินกำลังชมภาพวาดดังกล่าว ศิลปินได้ถามนักประพันธ์ว่า “ท่านสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในรูปนี้ไหม”

นักประพันธ์พูดว่า “เห็นภาพพระพักตร์พระเยซูเจ้าและภาพใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งสะท้อนตัวตนของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม” แต่ศิลปินได้ชี้ให้ดูบันใดบ้านที่อยู่ตรงมุมของผืนผ้าและถามว่า “ท่านเห็นไม้เท้าที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นไหม” นักประพันธ์ตอบว่า “เห็น แต่ไม่ทราบความหมาย” และศิลปินได้อธิบายว่า “ตรงบันไดนั่นคือจุดที่ชายตาบอดนั่งขอทานอยู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าเรียก เขาแน่ใจว่าพระองค์สามารถรักษาเขาได้จึงได้ทิ้งไม้เท้าไว้และวิ่งไปหาพระองค์ เพราะความเชื่ออันแรงกล้าของเขาทำให้เขาได้รับการรักษาให้หาย”

ในบริบทของพระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและศูนย์กลางทางการค้าตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ ขณะที่กำลงเสด็จผ่านเยริโคพระองค์ได้รักษาคนตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เนื่องจากตาบอดและอยู่ในฐานะที่ยากจนต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาด้วยพระพรของพระเยซูเจ้า นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายของพระเยซูเจ้าตามบันทึกของนักบุญมาระโก

1.           ความเชื่อของบาร์ทิเมอัส

ความเชื่อทำให้บาร์ทิเมอัสได้รับการรักษา เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นงานอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ อาทิ รักษาคนง่อย รักษาคนป่วย ทวีขนมปังเลี้ยงคนจำนวนมาก แม้กระทั่งรักษาคนตาบอด ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้และไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน แต่การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง

บาร์ทิเมอัสต้องการที่จะพบพระเยซูเจ้าเพื่อจะได้รับการรักษาจากพระองค์ แต่ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากมองไม่เห็นและไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้ วันหนึ่งพระเยซูเจ้ากำลังจะเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดว่าพระองค์กำลังเสด็จมา เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้และจึงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” มีบางคนเห็นว่าเขาส่งเสียงรบกวนจึงสั่งให้เขาหยุดพูด แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา

บาร์ทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอพระองค์รักษาเขาให้มองเห็น พระองค์ได้ตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว” พระองค์ได้ตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าด้วยความยินดี เขาได้เห็นผลงานที่น่าอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ เห็นเหตุการณ์ต่างๆ และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ที่แสดงถึงธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่ของเขา เพื่อขอบคุณ สรรเสริญและรับใช้พระองค์

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ

ประการแรก เราต้องมีความเชื่อเช่นเดียวกับบาร์ทิเมอัส ที่วางใจในความดีและพระทัยเมตตาของพระเยซูเจ้า ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าในการภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า “เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งกายและวิญญาณ

ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการบอดมืดฝ่ายจิต เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตจากความโกรธ ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยาและนิสัยไม่ดีต่างๆ ที่ปิดบังตาเราไม่ให้มองเห็นความดีของเพื่อนพี่น้องและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธที่จะจ่ายหนี้สินหรือค่าจ้าง หรือบอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ

ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ที่ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อจะได้มองเห็นว่า มีแต่พระองค์เท่านั้นที่สามารถช่วยเราให้รอดได้ เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบาร์ทิเมอัสที่: 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด, 2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์, 3) พร้อมที่จะตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่บาร์ทิเมอัสที่เมืองเยริโค เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก บาร์ทิเมอัสได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อนี้ทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจและกลายเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า

ให้เราได้ถามตัวเราเองว่า เราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่มีตาดีบ้างไหม ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการภาวนาด้วยความเชื่อ เพื่อพระองค์จะได้รักษาอาการบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเรา ให้สามารถมองเห็นความดีของผู้อื่นและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา เพื่อเราจะได้เป็นเครื่องหมายของผู้มีความเชื่อและศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสตเจ้า

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
26 ตุลาคม 2012

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สารวัดนาบัว, ปีที่ 3 ฉบับที่ 128




สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

ปีที่ 3  ฉบับที่ 128  วันที่ 21  ตุลาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555): http.//dondaniele.blogspot.com
เลขที่ 154 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
วัดนาบัวได้สมาชิกใหม่ที่รับศีลล้างบาปจำนวน 5 คน เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม
รา

สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา

พี่น้องที่รัก ทุกคนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ขึ้นสู่ตำแหน่งแห่งอำนาจที่อยู่เหนือทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ศิษย์ของพระเยซูเจ้า แต่พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนแก่ศิษย์ของพระองค์รวมถึงเราแต่ละคน เพื่อจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ต้องเป็นคนรับใช้ เพื่อจะเป็นที่หนึ่งต้องรับใช้ทุกคน พระองค์มิได้เสด็จมาเพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่เพื่อรับใช้ผู้อื่นและมอบชีวิตของพระองค์เป็นสินไถ่มนุษย์ทั้งมวล

ดังนั้น เพื่อจะเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า เราต้องตอบรับการเรียกเพื่อรับใช้ผู้อื่นเช่นเดียวกับพระองค์ ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระองค์ได้มอบแบบอย่างแห่งการรับใช้ด้วยการล้างเท้าบรรดาสาวก และตรัสกับพวกเขาให้ทำเช่นเดียวกัน พระองค์สอนเราว่า ตำแหน่งหมายถึงภาระหน้าที่มิใช่เกียรติยศ ต้องรับใช้มากกว่าที่จะตั้งตนเป็นนาย
 สมาชิกใหม่ที่ได้รับศีลล้างบาปเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา

บทอ่านแรก พระวาจาตอนนี้เป็นบทเพลงของผู้รับใช้พระยาเวห์บทที่สี่ ประกาศกอิสยาห์ประกาศและบรรยายถึงพระแมสิยาห์ ซึ่งทุกคนคาดคอยว่าจะเสด็จมาในฐานะ “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” เพื่อไถ่บาปมนุษย์ ผู้รับใช้ของพระยาเวห์รับใช้และสิ้นพระชนม์เพื่อผู้อื่น ซึ่งเตือนเราว่าเราจะต้องรับใช้ผู้อื่นเช่นเดียวกัน

บทอ่านที่สอง จดหมายถึงชาวฮีบรูบอกให้เราทราบว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นมหาปุโรหิตของเรา ผู้เสด็จเข้าในพระวิหารของสวรรค์เพื่อภาวนาสำหรับเรา พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเราในการแบกรับความทรมานของโลก ดังนั้น เราจึงต้องมีความเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้า มหาปุโรหิตของเรา

พระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ท้าทายบรรดาอัครสาวก ในการรับใช้และมอบชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น อย่างที่พระองค์ทรงกระทำ ความยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์ไม่อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่การรับใช้ซึ่งกันและกัน ตำแหน่งในพระอาณาจักรของพระองค์คือการรับใช้ทุกคนด้วยความรัก ความสุภาพและความเสียสละโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว
 บรรยากาศการสวดสายประคำตามบ้านของสมาชิกกลุ่มที่ 4

°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1)       ขอบคุณกลุ่มวิถีชุมชนวัดกลุ่มที่ 10 ที่ช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือ กลุ่มที่ 11

2)       ขอบคุณพี่น้องที่มาช่วยกันพัฒนาวัดและสุสาน วันนี้อีกเช่นกัน (21 ตุลาคม) ขอแรงพี่น้องมาช่วยกันพัฒนาวัดและสุสาน

3)       วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2012 ขอเชิญนักการเมืองท้องถิ่น นายก อบต., ส.อบต., ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้ช่วย เข้าร่วมสัมมนาที่ห้องประชุมโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ สกลนคร

4)       วันปิดเดือนแม่พระ วันพุธที่ 31 ตุลาคม มีแห่แม่พระรอบหมู่บ้าน เริ่มเวลา 18.30 น. และมีมิสซาปิดที่วัดเวลา 19.30 น.

5)       วันสมโภชนักบุญทั้งหลายและวันภาวนาอุทิศให้ผู้ล่วงลับ (เสกสุสาน) คือ วันพฤหัสบดีที่ 1 และศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2012 เย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน มีมิสซาอุทิศให้ธรรมทูต ผู้แพร่ธรรมและคุณพ่อเจ้าอาวาสที่ล่วงลับไปแล้วที่สุสาน และขอให้พี่น้องได้สนับสนุนซื้อเทียนจากบรรดาลูกๆ เยาวชนและนักเรียนคำสอนที่จะนำไปขายให้พี่น้อง

6)       เงินทานวันเสาร์ 412.- บาท, เงินทานวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 4,297.- บาท, รับเงินต้นมิสซานายสมัย วงศ์เสนา 1,600.- บาท และรับเงินค่าบำรุงสถานที่จากศูนย์สังคมพัฒนา 500.- บาท

7)       วัดโพนสวาง เงินทานวันอาทิตย์ 511.- บาท และรับเงินบริจาคจาก นายประภาส พรหมเทพ 1,000.- บาท
 การอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
โดยศูนย์สังคมพัฒนาอัครสังฆมณฑลท่าแร่ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2012

พิธีมิสซาและวันฉลองในรอบสัปดาห

วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
21
07.00 น.
 
 
 
1) ครอบครัวนายทวี ปู่ภิรมย์
 
 
2) ครอบครัวนายบุญเลิศ ปู่ภิรมย์
 
สุขสำราญครอบครัว นายทวี ปู่ภิรมย์ และอุทิศให้ โทมัส คำศรี-กลารา จันทร์แดง ปู่ภิรมย์, ยอแซฟ ทาย-มาร์การิตา ไม ใหญ่คุณ
สุขสำราญครอบครัว นายบุญเลิศ ปู่ภิรมย์ และอุทิศให้ โทมัส คำศรี-กลารา จันทร์แดง-ยอแซฟ ประไพ ปู่ภิรมย์, อังเยลา สุภีร์ อินเสน และมอนีกา บุญทักษ์ ผิวยะเมือง
จันทร์-ศุกร์
22-26
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
 
เสาร์
27
06.30 น.
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดาสัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
 
 หอระฆังไม้วัดพระนามเยซู โพนสวางที่ยังขาดงบประมาณในการทำให้แล้วเสร็จ