วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทเรียนแห่งการรับใช้


บทเรียนแห่งการรับใช้

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 29
เทศกาลธรรมดา
ปี B
อสย 53:10-11
ฮบ 4:14-16
มก 10:35-45

บทนำ

 ในระหว่างการปฏิวัติของสหรัฐอเมริกา ชายคนหนึ่งในชุดพลเรือนได้ขี่ม้าผ่านกองทหารที่กำลังวุ่นอยู่กับการเข็นรถม้าขึ้นจากการติดหล่ม ขณะที่หัวหน้าของพวกเขาเอาแต่ตะโกนสั่งการไม่ยอมช่วยเหลือ ชายแปลกหน้าซึ่งเห็นเหตุการณ์จึงถามเจ้าหน้าที่คนนั้นว่าทำไมไม่ยอมช่วยอะไรเลย เจ้าหน้าที่คนนั้นยึดอกและตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “แกรู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นผู้กอง หัวหน้าของพวกมัน”

ชายแปลกหน้าจึงลงจากหลังม้าเดินไปช่วยทหารเหล่านั้นด้วยตนเอง เมื่อเสร็จงานได้หันมาพูดกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า “ท่านผู้กอง หากมีงานแบบนี้อีกและมีคนไม่พอ ช่วยแจ้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย ผมจะมาและช่วยงานท่านอีก” ต่อมาภายหลังผู้กองขี้อวดคนนั้นได้รู้ว่า ชายคนที่ช่วยกองทหารเขาวันนั้นคือ ท่านนายพลยอร์ช วอชิงตัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพสหรัฐอเมริกา

ยอร์ช วอชิงตัน เรียนรู้ทักษะการเป็นผู้นำเช่นนี้มาจากไหน พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้คือคำตอบ “ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน” ผู้กองหนุ่มได้บทเรียนล้ำค่าจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขา ส่วนศิษย์ของพระคริสตเจ้าได้บทเรียนแห่งการรับใช้จากผู้เป็นอาจารย์

1.           บทเรียนแห่งการรับใช้

พระวรสารวันนี้สะท้อนความปรารถนาอันแรงกล้าที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่พระเยซูเจ้าตรัสถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ (มก 8:31, 9:31, 10:32) แต่ยากอบและยอห์นยังคิดว่าพระองค์จะเป็นผู้นำทางการเมือง พระแมสิยาห์สำหรับชาวยิวจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด เพื่อปกครองและรวมชาติอิสราแอลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาแน่ใจว่าการเดินทางสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระองค์เพื่อโค่นล้มผู้ปกครองชาวโรมัน ดังนั้นพวกเขาจึงหวังตำแหน่งซ้าย-ขวาในพระอาณาจักรของพระองค์

ยากอบและยอห์นแสวงหาตำแหน่งแห่งอำนาจและเกียรติยศมากกว่าการรับใช้ แต่พระเยซูเจ้าได้เตือนพวกเขาว่า เขาไม่รู้ว่ากำลังขออะไรและจะดื่มถ้วยที่พระองค์กำลังจะดื่มซึ่งหมายถึงความทรมานได้หรือไม่ ความปรารถนาอยากได้ตำแหน่งแห่งอำนาจ ทำให้พวกเขายืนยันกับพระองค์ทันทีแม้จะไม่เข้าใจ การกระทำของพี่น้องสองคนนี้ทำให้อัครสาวกที่เหลือโกรธเคือง พระเยซูเจ้าจึงเรียกพวกเขามารวมกันและสอนบทเรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่แท้จริงในพระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำสอนและวิธีปฏิบัติของโลก

“ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน” (มก 10:43-44) พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับบรรดาศิษย์ถึงพันธกิจของพระองค์ ซึ่งสรุปได้ในประโยคที่ว่า “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์” (มก 10:45) พระองค์กำลังจะทำให้พันธกิจนี้สมบูรณ์ด้วยการรับทรมานและสิ้นพระชนม์ มอบพระองค์เองบนไม้กางเขนเพื่อเป็นสินไถ่มนุษย์ทั้งหลาย

พระเยซูเจ้าได้ท้าทายบรรดาอัครสาวก ในการรับใช้และมอบชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น อย่างที่พระองค์ทรงกระทำ ความยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์ไม่อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่การรับใช้ซึ่งกันและกัน ตำแหน่งในพระอาณาจักรของพระองค์คือการรับใช้ทุกคนด้วยความรัก ความสุภาพและความเสียสละโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว อำนาจสำหรับพระองค์คือโอกาสแห่งการรับใช้ผู้อื่น มิใช่เพื่อเกียรติยศชื่อเสียงของตนเอง

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ

ประการแรก เราต้องรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เราถูกท้าทายให้มอบชีวิตของเราในการรับใช้ด้วยความรัก ปราศจากความเห็นแก่ตัว โดยเริ่มจากในบ้านและในที่ทำงานของเราก่อน เราสามารถเรียนรู้การรับใช้นี้ด้วยรอยยิ้มและการทักทายที่อบอุ่น ประการสำคัญ การรับใช้เป็นเครื่องหมายของการเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสตเจ้า

ประการที่สอง เราต้องรับใช้ด้วยความอดทน พระเยซูเจ้าได้เชื่อมโยงการรับใช้และความทุกข์ทรมานเข้าด้วยกัน เราไม่สามารถรับใช้ใครสักคนโดยที่เราไม่รู้สึกลำบากอะไร ความทุกข์ทรมานและการรับใช้จึงไปด้วยกัน การรับใช้จะมีความหมายมากยิ่งขึ้นเมื่อเราได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระทรมานของพระเยซูเจ้า ประการสำคัญ เราต้องไวต่อความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้อื่นที่อยู่รอบตัวเรา ใส่ใจต่อความต้องการของพวกเขามากกว่าความต้องการของเรา

ประการที่สาม เราต้องรับใช้ทุกคน พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เรารับใช้ทุกคนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และต้องรับใช้โดยไม่คิดมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนยากจนและคนทุกข์ยากเดือดร้อนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา ด้วยการรับใช้ทุกคนเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้เรายิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า ดังตัวอย่างบุญราศีแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาที่มอบตนเองเพื่อคนที่ต่ำต้อยที่สุด ปฏิบัติต่อพวกเขาดุจพี่น้อง ดำเนินชีวิตใกล้ชิดและเป็นเหมือนพวกเขา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ทุกคนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ขึ้นสู่ตำแหน่งแห่งอำนาจที่อยู่เหนือทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ศิษย์ของพระเยซูเจ้า แต่พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนแก่ศิษย์ของพระองค์รวมถึงเราแต่ละคน เพื่อจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ต้องเป็นคนรับใช้ เพื่อจะเป็นที่หนึ่งต้องรับใช้ทุกคน พระองค์มิได้เสด็จมาเพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่เพื่อรับใช้ผู้อื่นและมอบชีวิตของพระองค์เป็นสินไถ่มนุษย์ทั้งมวล

ดังนั้น เพื่อจะเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า เราต้องตอบรับการเรียกเพื่อรับใช้ผู้อื่นเช่นเดียวกับพระองค์ ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระองค์ได้มอบแบบอย่างแห่งการรับใช้ด้วยการล้างเท้าบรรดาสาวก และตรัสกับพวกเขาให้ทำเช่นเดียวกัน พระองค์สอนเราว่า ตำแหน่งหมายถึงภาระหน้าที่มิใช่เกียรติยศ ต้องรับใช้มากกว่าที่จะตั้งตนเป็นนาย สำหรับเราคริสตชนเพื่อจะบรรลุถึงชีวิตนิรันดรจะต้องถ่อมตัวเองลงรับใช้ผู้อื่น เพราะชีวิตที่มีความสุขคือชีวิตที่อุทิศตนรับใช้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
19 ตุลาคม 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น