วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความเชื่อของบาร์ทิเมอัส


ความเชื่อของบาร์ทิเมอัส

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30
เทศกาลธรรมดา
ปี B
ยรม 31:7-9
ฮบ 5: 1-6
มก 10: 46-52

บทนำ

 นิโคลัส ปูแซง (Nicholas Poussin: 15953-1667) จิตกรชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 17 ได้รังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมทรงคุณค่ามากมาย ภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของเขาคือภาพพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส วันหนึ่งขณะที่นักประพันธ์และศิลปินกำลังชมภาพวาดดังกล่าว ศิลปินได้ถามนักประพันธ์ว่า “ท่านสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในรูปนี้ไหม”

นักประพันธ์พูดว่า “เห็นภาพพระพักตร์พระเยซูเจ้าและภาพใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งสะท้อนตัวตนของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม” แต่ศิลปินได้ชี้ให้ดูบันใดบ้านที่อยู่ตรงมุมของผืนผ้าและถามว่า “ท่านเห็นไม้เท้าที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นไหม” นักประพันธ์ตอบว่า “เห็น แต่ไม่ทราบความหมาย” และศิลปินได้อธิบายว่า “ตรงบันไดนั่นคือจุดที่ชายตาบอดนั่งขอทานอยู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าเรียก เขาแน่ใจว่าพระองค์สามารถรักษาเขาได้จึงได้ทิ้งไม้เท้าไว้และวิ่งไปหาพระองค์ เพราะความเชื่ออันแรงกล้าของเขาทำให้เขาได้รับการรักษาให้หาย”

ในบริบทของพระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและศูนย์กลางทางการค้าตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ ขณะที่กำลงเสด็จผ่านเยริโคพระองค์ได้รักษาคนตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เนื่องจากตาบอดและอยู่ในฐานะที่ยากจนต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาด้วยพระพรของพระเยซูเจ้า นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายของพระเยซูเจ้าตามบันทึกของนักบุญมาระโก

1.           ความเชื่อของบาร์ทิเมอัส

ความเชื่อทำให้บาร์ทิเมอัสได้รับการรักษา เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นงานอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ อาทิ รักษาคนง่อย รักษาคนป่วย ทวีขนมปังเลี้ยงคนจำนวนมาก แม้กระทั่งรักษาคนตาบอด ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้และไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน แต่การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง

บาร์ทิเมอัสต้องการที่จะพบพระเยซูเจ้าเพื่อจะได้รับการรักษาจากพระองค์ แต่ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากมองไม่เห็นและไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้ วันหนึ่งพระเยซูเจ้ากำลังจะเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดว่าพระองค์กำลังเสด็จมา เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้และจึงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” มีบางคนเห็นว่าเขาส่งเสียงรบกวนจึงสั่งให้เขาหยุดพูด แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา

บาร์ทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอพระองค์รักษาเขาให้มองเห็น พระองค์ได้ตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว” พระองค์ได้ตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าด้วยความยินดี เขาได้เห็นผลงานที่น่าอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ เห็นเหตุการณ์ต่างๆ และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ที่แสดงถึงธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่ของเขา เพื่อขอบคุณ สรรเสริญและรับใช้พระองค์

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ

ประการแรก เราต้องมีความเชื่อเช่นเดียวกับบาร์ทิเมอัส ที่วางใจในความดีและพระทัยเมตตาของพระเยซูเจ้า ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าในการภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า “เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งกายและวิญญาณ

ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการบอดมืดฝ่ายจิต เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตจากความโกรธ ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยาและนิสัยไม่ดีต่างๆ ที่ปิดบังตาเราไม่ให้มองเห็นความดีของเพื่อนพี่น้องและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธที่จะจ่ายหนี้สินหรือค่าจ้าง หรือบอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ

ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ที่ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อจะได้มองเห็นว่า มีแต่พระองค์เท่านั้นที่สามารถช่วยเราให้รอดได้ เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบาร์ทิเมอัสที่: 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด, 2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์, 3) พร้อมที่จะตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดที่ชื่อบาร์ทิเมอัส พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่บาร์ทิเมอัสที่เมืองเยริโค เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก บาร์ทิเมอัสได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อนี้ทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจและกลายเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า

ให้เราได้ถามตัวเราเองว่า เราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่มีตาดีบ้างไหม ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการภาวนาด้วยความเชื่อ เพื่อพระองค์จะได้รักษาอาการบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเรา ให้สามารถมองเห็นความดีของผู้อื่นและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา เพื่อเราจะได้เป็นเครื่องหมายของผู้มีความเชื่อและศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสตเจ้า

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
26 ตุลาคม 2012

1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นประโยชน์มากครับ ขออนุญาตเอารูปภาพประกอบคำเทศน์ครับคุณพ่อ ขอพระเจ้าอวยพระพรคุณพ่อครับ

    ตอบลบ