วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

ไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อย


ไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อย
ศุกร์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
2 ซมอ 11:1-4ก, 5-10ก, 13-17
มก 4:26-34
พระเยซูเจ้าทรงเป็นอาจารย์สอนที่เก่งมาก ทรงใช้ตัวอย่างง่าย ๆ ทำให้ประชาชนซึ่งฟังพระองค์เข้าใจ พระวรสารวันนี้พระองค์ทรงหยิบยกเมล็ดพืชเป็นตัวอย่าง เพื่ออธิบายพระอาณาจักรของพระเจ้าที่เจริญเติบโตอย่างเงียบ ๆ ไม่เป็นที่สังเกตและไม่มีใครหยุดยั้งได้ และทรงเปรียบเทียบพระอาณาจักรของพระเจ้ากับเมล็ดมัสตาร์ด ซึ่งเป็นเมล็ดที่เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวง แต่ภายหลังกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ สิ่งเล็กน้อยจึงสำคัญเพราะทุกอย่างเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยทั้งนั้น
พระเยซูเจ้าทรงอธิบายถึงการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชที่คนนำไปหว่านในดิน “เขาจะหลับหรือตื่น กลางคืนหรือกลางวันเมล็ดนั้นก็งอกขึ้นและเติบโต เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่รู้” (มก 4:27) คนหว่านเพียงแค่รอคอยจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว โดยไม่รู้ว่ามันเติบโตอย่างไร เปรียบได้กับพระอาณาจักรของพระเจ้าที่พระเยซูเจ้าทรงหว่านในใจผู้คนเมื่อสองพันปีก่อน ซึ่งเจริญเติบโตเป็นพระศาสนจักรที่มั่นคงอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยพระหรรษทานและความช่วยเหลือของพระเจ้า
ในวันรับศีลล้างบาป พระเยซูเจ้าทรงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อในจิตใจของเรา เมล็ดพันธ์แห่งความเชื่อนี้เติบโตในใจของเราสู่ความเชื่อที่เป็นผู้ใหญ่หรือยัง การเจริญเติบโตเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่มั่นคงเหมือนเมล็ดพืชไหม นี่คือหน้าที่และสิ่งท้าทายเราในการร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้า เพื่อทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อเติบโตอย่างมั่นคง ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ การมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ ฯลฯ
อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดสอนเราว่า สิ่งเล็กน้อยคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ที่เราไม่ควรมองข้าม เหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเป็นเมล็ดเล็ก ๆ แต่เมื่อเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่เป็นที่อาศัยของบรรดานก พระศาสนจักร พระอาณาจักรของพระเยซูเจ้าบนโลกเป็นเช่นเดียวกัน เริ่มต้นจากกลุ่มคนเพียงหยิบมือคือบรรดาอัครสาวกและสตรีใจศรัทธา ซึ่งเป็นชาวประมงและหญิงชาวบ้านที่ไม่มีการศึกษา แต่จากจุดเริ่มต้นนี้ได้กลายเป็นพระศาสนจักรมั่นคง
วิถีทางของพระเจ้าทำให้เราประหลาดใจเสมอ พระอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกวางรากฐานอยู่บนชาวประมงเพียงกลุ่มเล็ก ๆ แต่ทรงทำให้มั่นคงด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ พระศาสนจักรในปัจจุบันคืออัศจรรย์ที่มองเห็นได้ ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อยและไม่หวังพึ่งความสามารถของตน แต่ต้องเชื่อและวางใจในความช่วยเหลือและพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า และร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ ทำส่วนของตนให้ดีที่สุด
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
31 มกราคม 2019
ที่มาภาพ : http://joypicta.pw/quotIf-we-just-remove-the-unbelief-a-mustard-seed-amount-of-faith-will.html

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

แสงที่ส่องประกาย


แสงที่ส่องประกาย
พฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
2 ซมอ 7:18-19, 2-294
มก 4:21-25
พระวรสารวันนี้พูดถึงเรื่องตะเกียง พระเยซูเจ้าทรงหยิบยกสิ่งที่ประชาชนคุ้นเคยสมัยนั้น เพื่อสื่อความหมายถึงการเป็นแสงสว่าง เมื่อจุดตะเกียงย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ไม่สะดุดล้ม ในความเป็นจริงเป็นการยากที่จะปิดบังแสงตะเกียง เมื่อเราจุดตะเกียงแสงตะเกียงย่อมส่องสว่างไปทั่ว การดำเนินชีวิตคริสตชนต้องเป็นเหมือนตะเกียงส่องสว่างแก่ผู้อื่น
คริสตชนต้องเป็นแสงส่องประกาย ความเชื่อเปรียบได้กับตะเกียง มิใช่เรื่องส่วนตัวที่ต้องเก็บรักษาไว้ แต่ต้องเป็นแสงสว่างส่องโลก นอกจากเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนแล้ว ยังต้องเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมรอบข้าง ช่วยผู้อื่นให้รู้จักพระเยซูเจ้ามากยิ่งขึ้น ผ่านทางศีลล้างบาปเราได้รับแสงสว่างของพระเยซูเจ้า เราต้องทำให้แสงแห่งความเชื่อส่องประกายสำหรับทุกคนที่พบและสัมผัสชีวิตเรา
พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาเรื่องการตวง “ท่านตวงให้เขาอย่างไร เขาก็จะตวงให้ท่านอย่างนั้น” (มก 4:24) ทรงต้องการบอกว่า เราจะได้รับการอภัยเมื่อเราได้ให้อภัยผู้ทำผิดต่อเรา เราต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อศัตรูและตอบแทนความชั่วด้วยความดี เราไม่อาจคาดหวังให้พระเจ้าต้องดีกับเราหากเราไม่ดีกับผู้อื่น เราต้องทำให้คำภาวนา “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” เป็นจริงในชีวิตของเรา
พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องการตอบสนองสูงมากจากศิษย์ของพระองค์ “ผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีจะถูกริบไปด้วย” (มก 4:25) ทรงต้องการให้เราซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป ด้วยการตอบรับต่อพระองค์ แล้วพระองค์จะประทานพระพรมากมายแก่เรา ดังนั้น เราต้องมีใจกว้างต่อเพื่อนมนุษย์ แบ่งปันสิ่งที่มีและเป็นกับผู้อื่น ยิ่งเราให้มาก ยิ่งได้รับตอบแทนมาก
คริสตชนได้รับการเรียกให้เป็นแสงสว่างส่องประกายสำหรับผู้อื่น ผ่านทางการดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสารและแบบอย่างชีวิตดีงามของเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นดังตะเกียงส่องสว่าง เติมเต็มตะเกียงของเราด้วยน้ำมันแห่งความรัก ความเมตตากรุณา การรับใช้และการให้อภัยตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า เพื่อทำให้ตะเกียงแห่งความเชื่อของเราส่องประกายเจิดเจ้าสำหรับทุกคน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
30 มกราคม 2019
ที่มาภาพ : http://scripture-for-today.blogspot.com/2012/06/mark-421-25.html

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

อุปมาเรื่องผู้หว่าน


อุปมาเรื่องผู้หว่าน
พุธ
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
2 ซมอ 7:4-17
มก 4:1-20
อุปมาเรื่องผู้หว่าน เป็นอุปมาที่งดงามของพระเยซูเจ้า ซึ่งทรงสั่งสอนประชาชนจากเรื่องราวในชีวิตจริงที่พวกเขาคุ้นเคย ทรงอธิบายชัดเจนว่า เมล็ดพืช ได้แก่ พระวาจา พระประสงค์ หรือบทบัญญัติของพระเจ้า และดินคือใจของมนุษย์ คำอธิบายได้เน้นถึงชนิดของใจหลายประเภทที่ปฏิเสธพระวาจาของพระเจ้า
ในความเป็นจริง เราแต่ละคนอาจเป็นตัวแทนของดินสี่ประเภทที่แตกต่างกัน หรือดินทั้งสี่ประเภทอาจรวมอยู่ในตัวเราคนเดียว
1) ดินตามทางเดิน หมายถึง “ใจที่แข็งกระด้าง” แสดงถึงหัวใจที่ปิดสนิท ความจริงไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ เป็นใจที่มองพระวาจาหรือบทบัญญัติเป็นเรื่องไร้เหตุผล ตกยุค และล้าสมัย คนประเภทนี้สอนไม่ได้ ค่านิยมและกระแสของโลกได้ขโมยพระวาจาไปจากใจของพวกเขา
2) ดินบนหิน หมายถึง “ใจที่มีความเชื่อตื้นเขิน” เหมือนดินที่ปกคลุมพื้นหิน เมล็ดพืชไม่สามารถหยั่งรากลึกได้และเหี่ยวเฉาไปเมื่อแดดจัด คนจำนวนมากเป็นเช่นนี้ แสร้งทำเป็นคนดี เป็นคริสตชนในทะเบียนบ้าน มาวัดเพื่อให้เหมือนคนอื่น เมื่อเผชิญปัญหาหรือความยากลำบากได้ละทิ้งไป
3) ดินในกอหนาม หมายถึง “ใจที่หมกมุ่นกับหลายสิ่ง” ไม่มีเวลามาวัด อ่านพระคัมภีร์ หรืออยู่เงียบ ๆ กับพระเจ้า การปล่อยตัวตามความสะดวกสบายและลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ทำให้จิตใจถูกครอบงำ ขาดความสามารถในการฟังหรือเข้าใจในสาระสำคัญ ไม่สามารถอุทิศตัวเพื่อพระเจ้าได้
4) ดินดี หมายถึง “ใจที่เปิดกว้าง” มีความปรารถนาที่จะฟังและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา พร้อมฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างตั้งใจเพื่อจะได้เข้าใจ มีความร้อนรนในการอธิษฐานภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ และนำมาปฏิบัติในชีวิตจริง จนเกิดผลในจิตใจและเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างแท้จริง
เราเป็นดินชนิดไหนใน 4 ประเภทนี้ พระวาจาของพระเจ้าช่วยเราให้พบพระองค์ไหม เราพร้อมติดตามพระองค์ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบากหรือเปล่า เราได้พยายามหันหลังให้บาปและความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติที่ครอบงำจิตใจเพียงใด ให้เราได้กลับใจมาหาพระเจ้า ให้พระองค์พรวนดินรดน้ำดินที่แข็งให้ร่วนซุย ขุดหินขึ้นมาและตัดหนามทิ้งไป เพื่อทำให้ใจเรากลายเป็นใจเนื้อที่เปิดกว้างพร้อมรับฟัง เหมือนดินดีที่เกิด
คริสตชนต้องดำเนินชีวิตเป็นดินดีที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาหยั่งรากลึกในใจ เติบโตอย่างมั่นคงและเกิดผลอย่างสมบูรณ์ในชีวิต ศิษย์พระคริสต์ต้องตอบสนองพระวาจาของพระเจ้าด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ไตร่ตรองความหมายและเจริญชีวิตตามพระวาจาในชีวิตประจำวัน เลียนแบบและปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า ประกาศข่าวดีแก่ทุกคนผ่านทางแบบอย่างชีวิตที่ดีงามของตน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
29 มกราคม 2019
ภาพ: ฝูงนกปากห่าง, นาข้าวยายตุ่น, ดอนม่วย, พรรณานิคม, สกลนคร; 20 มกราคม 2019

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

ความแตกแยกคือความชั่วร้าย


ความแตกแยกคือความชั่วร้าย
จันทร์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
2 ซมอ 5:1-7, 10
มก 3:22-30
ก่อนหน้านี้ นักบุญมาระโกแสดงให้เห็นความไม่พอใจของบรรดาญาติของพระเยซูเจ้าที่กล่าวหาว่าพระองค์เสียสติ พระวรสารวันนี้ พระองค์ถูกพวกธรรมาจารย์กล่าวหาว่ามีปีศาจสิง “เขามีปีศาจเบเอลเซบูลสิงอยู่ และขับปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” (มก 3:22) พระองค์ทรงเป็นเครื่องหมายแห่งความขัดแย้งทั้งในหมู่ญาติและบรรดาธรรมาจารย์ ทรงถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผล
พระเยซูเจ้าไม่ทรงนิ่งเฉยแต่ทรงชี้แจงด้วยเหตุผล ทรงใช้ข้อพิสูจน์เรื่องความแตกแยกภายใน “ถ้าซาตานลุกขึ้นต่อสู้กันเองและแตกแยก มันก็อยู่ไม่ได้ ต้องถึงจุดจบ” (มก 3:26) พระองค์ทรงต้องการบอกว่า “ความแตกแยกคือความชั่วร้าย” ความเป็นหนึ่งเดียวเป็นสิ่งสำคัญ ทรงปรารถนาความเป็นหนึ่งเดียวในหมู่อัครสาวก และพระตรีเอกภาพทรงเป็นต้นแบบและที่มาของความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในหมู่พวกเขา
พระเยซูเจ้าทรงอ้างเรื่องความเข้มแข็งกว่า “ไม่มีใครเข้าไปในบ้านของคนเข้มแข็งและปล้นเอาทรัพย์ของเขาได้  ถ้าไม่มัดคนเข้มแข็งนั้นไว้ก่อน เมื่อนั้นแหละถึงจะเข้าปล้นบ้านได้” (มก 3:27) ทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเข้มแข็งกว่าปีศาจ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่ทรงเป็นพระเจ้าทรงอำนาจและทรงความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่า ภารกิจของพระองค์คือการต่อสู้ปีศาจและเอาชนะความชั่วทุกชนิด
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเป็นผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติของพระเจ้า การพูดว่าพระเยซูเจ้าเป็น “คนที่มีปีศาจสิงอยู่” (มก 3:30) เท่ากับเป็นการปิดตาตนเอง เป็นการกล่าวผรุสวาทต่อพระเจ้า และกลายเป็นเครื่องมือของปีศาจที่นำไปสู่ความแตกแยก ความหยิ่งจองหองในความดีของตน ได้กลายเป็นความบอดมืดที่ปิดปังพวกเขาจากความจริง ความหยิ่งจองหองเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่ปีศาจใช้ได้อย่างเห็นผล
คริสตชนได้รับการเรียกให้ต่อสู้ปีศาจและเอาชนะความชั่วทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกแยกซึ่งเป็นความชั่วร้ายที่ปีศาจนำมา ศิษย์พระคริสต์ต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ดำเนินชีวิตในความจริง ไม่กล่าวหาใครอย่างอคติและไร้หลักฐาน มีความวางใจในพระเจ้า สุภาพถ่อมตนและสำนึกในความไม่เหมาะสมของตน มอบฝากทุกอย่างไว้ภายใต้การนำของพระจิตเจ้า องค์แห่งความบรรเทาและความจริง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
27 มกราคม 2019
ที่มาภาพ: https://walkwhole.com/2017/05/03/choosing-unity-over-division/

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2562

สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ, ปีที่ 1 ฉบับที่ 37


สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ

ปีที่ 1  ฉบับที่ 37;  อาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2019 (2562): http.//dondaniele.blogspot.com

107 หมู่ 6 บ้านดอนม่วย ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร 47130È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
ฉลองวัดแม่พระรับสาร หนองเดิ่น-ดอนขาว เสาร์ที่ 26 มกราคม 2019
พี่น้องที่รัก นักบุญลูกาได้แสดงให้เห็นความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเยซูเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน คนถูกกดขี่และต้องการความช่วยเหลือ เราต้องดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นคริสตชนที่เชื่อในพระเยซูเจ้า และกล้าประกาศให้ทุกคนได้เข้าใจความเป็นคริสตชนของเรา นี่คือพันธกิจของเราแต่ละคนและหมู่คณะในการนำข่าวดีของพระองค์ไปสู่ทุกคน
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ท้าทายเราในพันธกิจประกาศข่าวดีแห่งพระวรสาร ยอมรับข่าวดีเข้ามาสู่ใจของเราและนำไปปฏิบัติในชีวิต ในความรักต่อคนยากจนและคนถูกเอารัดเอาเปรียบรอบตัวเรา เพื่อช่วยพวกเขาได้ตระหนักถึงความรัก พระทัยเมตตากรุณาและความโปรดปราณของพระเจ้าที่เสด็จมาเพื่อช่วยเหลือเราทุกคน
 ประชุมพลมารีย์ เปรซิเดียมแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน; 24 มกราคม 2019
บทอ่านที่ 1 พันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับประชากรอิสราแอลเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ บทอ่านจากหนังสือเนหะมีย์ได้พูดถึงบทบัญญัติซึ่งได้กลายเป็นหัวใจของพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ การถือปฏิบัติตามบทบัญญัติคือกระบวนการฟื้นฟูชีวิตของตนเอง
บทอ่านที่ 2 พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาเพื่อเรียกประชาชนทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและความรัก แม้เรามีความแตกต่างหลากหลาย แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวและความรักควรเป็นลักษณะเฉพาะของหมู่คริสตชน
บทพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงพันธกิจของพระองค์ในโลก นั่นคือการเสด็จมาเพื่อเริ่มการปฏิวัติความรักและความเมตตากรุณาในโลก “พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ” (ลก 4:18-19)
 ประชุมเตรียมฉลองวัดพระเมตตาแห่งพระเยซูเจ้า โนนค้อ; 24 มกราคม 2019
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1.      ขอบคุณพี่น้องที่ทำโรงทานไปร่วมฉลองวัดนามน และวัดหนองเดิ่น-ดอนขาว
2.      พฤหัสบดีที่ 31 มกราคม 2019 เชิญร่วมฉลองวัดนักบุญยอห์น บอสโก โคกสะอาด พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.00 น.
3.      เสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2019 เชิญร่วมฉลองวัดแม่พระแห่งเมืองลูร์ด น้ำบุ้น, วันนักบวชสากล ที่อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ และฉลองวัดนักบุญปีโอที่ 10 พังขว้างเหนือ คุณพ่อญาณารณพ มหัตกุล เจ้าอาวาส ขอโรงทานจากพี่น้องด้วย
4.      อังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2019 เชิญร่วมถวายวัดนักบุญเปโตรมุกดาหารและฉลองตรุษจีน พิธีบูชาขอบพระคุณเวลา 10.00 น.
5.      เสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2019 เชิญร่วมฉลองวัดพระคริสตราชา ช้างมิ่ง วัดพระคริสตราชา นาจาร วัดพระวิสุทิวงศ์ นิรมัย และแม่พระถวายพระกุมารในพระวิหาร จันทร์เพ็ญ พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.00 น.
6.      เสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019 เชิญร่วมฉลองวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว, วัดนักบุญกาทารีนา ทุ่งมน และวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ ดอนเชียงคูณ พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.00 น.
7.      ประกาศศีลสมรส ระหว่างยากอบ นิวัฒน์ วงค์ษาศรี บุตรโทมัส วรพิษ และอังเยลา วนุรี วงค์ษาศรี ลูกวัดดอนม่วย กับ มารีอา ทัศนีย์ ทับสุริ บุตรีของนายพูลศิริ กับนางฉวีวรรณ ทับสุริ จากวัดหนองเดิ่น-ดอนขาว (2 มีนาคม วัดตลิ่งชัน)
8.      เงินทาน อาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2019: ดอนม่วย 2,553.- บาท; โนนค้อ 1,050.- บาท
9.      ขอบคุณ กลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 5-6 ที่มาทำความสะอาดวัด สัปดาห์หน้ากลุ่มที่ 7-8 (โนนค้อ: กลุ่มที่ 3)
 พี่น้องชาวดอนม่วยปลูกต้นกุหลาบหน้าซุ้มพระเมตตา; 25 มกราคม 2019
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
27
07.00 น.
08.30 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
สุขสำราญพี่น้องชาวโนนค้อ
† สุขสำราญพี่น้องชาวดอนม่วย
จันทร์
28
06.00 น.
ระลึกถึง น.โทมัส อาไควนัส พระสงฆ์

อังคาร-พุธ
29-30
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา

พฤหัสบดี
31
06.00 น.
ระลึกถึง น.ยอห์น บอสโก พระสงฆ์

ศุกร์
1
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา (ศุกร์ต้นเดือน)

เสาร์
2
06.00 น.
ฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร

 มอบทุนการศึกษานักเรียน-นักศึกษาวัดดอนม่วยและวัดโนนค้อ


 ฉลองวัดแม่พระรับสาร หนองเดิ่น-ดอนขาว; เสาร์ที่ 26 มกราคม 2019



การประกาศข่าวดีแก่คนยากจน


การประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
ปี C
นหม 2-4, 5-6, 8-10
1 คร 12:12-30
ลก 1:1-4; 4:14-21
บทนำ
ปี 1979 พระสงฆ์หนุ่มคนหนึ่งชื่อแกรนด์ ถูกยิงเสียชีวิตบนถนนในประเทศเอลซัลวาดอร์ สาเหตุจากการพูดต่อต้านรัฐบาลที่กระทำรุนแรงกับประชาชนและผู้บริสุทธิ์ ต่อมาพระสังฆราชออสการ์ โรเมโร ซึ่งเป็นเพื่อนรักของคุณพ่อแกรนด์ ได้รับเลือกให้เป็นพระอัครสังฆราชองค์ใหม่ ผู้มีอำนาจหวังว่าเขาคงปิดปากเงียบเรื่องการกดขี่คนจนในประเทศ แต่โรเมโรได้กลายเป็นกระบอกเสียงของคนจนและวิพากษวิจารณ์การกระทำเกินกว่าเหตุของรัฐบาล
เพื่อระลึกถึงการเป็นมรณสักขีของคุณพ่อแกรนด์ พระอัครสังฆราชโรเมโร ปฏิเสธเข้าร่วมงานสาธารณะทุกอย่างที่ทหารหรือรัฐบาลจัดขึ้น และได้กลายเป็นเสียงร้องและมโนธรรมของเอลซัลวาดอร์ คำพูดและการกระทำของโรเมโรถูกรายงานไปทั่วโลก ทำให้ทุกคนทราบความโหดร้ายป่าเถื่อนในเอลซัลวาดอร์ โรเมโรได้ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนจนและคนถูกกดขี่ ที่สุดได้ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อ 24 มีนาคม 1980 ขณะกำลังถวายมิสซาที่วัดน้อยของโรงพยาบาล
พระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร ได้ตายเป็นมรณสักขีเพื่อข่าวดีแห่งพระวรสาร ต่อมาได้รับการประกาศเป็นบุญราศี 23 พฤษภาคม 2015 และได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาฟรังซิสเมื่อ 14 ตุลาคม 2018 นักบุญออสการ์ โรเมโร พระสังฆราชและมรณสักขี ได้สะท้อนพันธกิจของพระเยซูเจ้าที่ทรงมอบแก่เราที่ศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกาศข่าวดีแก่คนยากจนและคนถูกกดขี่ 
1.       การประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
นักบุญลูกาเริ่มต้นพระวรสารโดยบอกเทโอฟีลัสถึงความเชื่อคริสตชน ซึ่งพบแต่เฉพาะในพระวรสารนักบุญลูกาเท่านั้น ลูกาได้อธิบายให้เห็นว่าพระเยซูเจ้ามีส่วนอย่างไรในวันสับบาโตที่ศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธ ทรงอ่านและอธิบายข้อความจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 61:1-2) ชาวนาซาเร็ธคงอยากฟังว่าช่างไม้ผู้กลายเป็นประกาศกสอนอะไร ซึ่งพระองค์ทรงเติบโตมาด้วยกันกับพวกเขาและทรงทำอัศจรรย์ทั่วแคว้นกาลิลี
ลูการายงานว่า “พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่แคว้นกาลิลีพร้อมด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า” (ลก 4:14) พระจิตเจ้าทรงบันดาลให้พันธกิจของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์ ข้อความจากหนังสือประกาศอิสยาห์ได้บรรยายลักษณะของพระเมสสิยาห์ ในพันธกิจและงานที่อิสยาห์กล่าวถึงล่วงหน้าคือพันธกิจและงานของพระองค์ และทรงประกาศว่าคำทำนายของอิสยาห์ปรากฎเป็นจริงในพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงประกาศว่าพระองค์ถูกส่งมาเพื่อ: 1) ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน; 2) ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ; 3) คืนสายตาแก่คนตาบอด; 4) ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ, และ 5) ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้อความที่อิสยาห์กล่าวถึงปรากฎเป็นจริงในพระองค์ โดยมีพระจิตของพระเจ้าทรงเป็นแหล่งพลัง การประกาศนี้กระทำในบริบทของศาสนายิว (Judaism) ในวันสับบาโต จากพระคัมภีร์ และ ในศาลาธรรม ซึ่งแสดงถึงงานของพระเมสสิยาห์ ในฐานะผู้รับใช้แห่งพระยาห์เวห์ ผู้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องประกาศข่าวดีแก่คนยากจน พระเยซูเจ้าได้เริ่มต้นพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีแก่คนยากจน คนทุกข์ยากเดือดร้อนโดยมีคนถูกจองจำ คนตาบอดและคนถูกกดขี่เป็นตัวแทน และประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้าที่นาซาเรธบ้านเกิดของพระองค์ เราต้องเริ่มประกาศข่าวดีจากครอบครัวและชุมชนวัดของเรา ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนทุกข์ยากเดือดร้อน
ประการที่สอง เราต้องฟังพระวาจาของพระเจ้าด้วยหัวใจ พยายามทำให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นจริงในชีวิตของเราในทุกสถานการณ์ของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรัก ความเมตตากรุณา และความเห็นอกเห็นใจกัน ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่นักบุญลูกาพยายามนำเสนอ ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากไม่รู้จักนามเยซูและมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสตศาสนา  เป็นหน้าที่ของคริสตชนแต่ละคนต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจถูกต้อง
ประการที่สาม เราต้องอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ การอ่านพระคัมภีร์ทำให้เรารู้จักพระเยซูเจ้าและรักพระองค์มากยิ่งขึ้น เราต้องจัดเวลาและให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกในการอ่านพระคัมภีร์ โดยเฉพาะในบรรยากาศของครอบครัวหรือวิถีชุมชนวัด และวอนขอพระหรรษทานจากพระองค์ในการตีความพระวาจาที่เราอ่าน ช่วยให้เกิดความเข้าใจและประยุกต์บทเรียนที่เกิดผลกับชีวิตของตน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก นักบุญลูกาได้แสดงให้เห็นความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเยซูเจ้าที่มีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน คนทุกข์ยากเดือนร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เราต้องดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นคริสตชนที่เชื่อในพระเยซูเจ้า และกล้าประกาศให้ทุกคนได้เข้าใจความเป็นคริสตชนของเรา นี่คือพันธกิจของเราแต่ละคนและหมู่คณะในการนำข่าวดีของพระองค์ไปสู่ทุกคน
พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเราให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน และคนถูกเอารัดเอาเปรียบรอบตัวเรา เพื่อช่วยพวกเขาได้ตระหนักถึงความรัก พระทัยเมตตากรุณา และความโปรดปราณของพระเจ้า ผู้เสด็จมาเพื่อช่วยเหลือเราทุกคน ศิษย์พระคริสต์ต้องอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อรู้จักและรักพระองค์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งนำพระวาจาของพระองค์มาปฏิบัติในชีวิต โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนทุกข์ยากเดือดร้อน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
26 มกราคม 2019
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/clonard.monastery/photos/a.591339900887448/1060005227354244/?type=3&theater