วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562

สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ, ปีที่ 2, ฉบับที่ 68


สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ

ปีที่ 2 ฉบับที่ 68; อาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2019 (2562): http.//dondaniele.blogspot.com

107 หมู่ 6 บ้านดอนม่วย ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร 47130È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา
พิธีล้างบาปคริสตชนใหม่วัดดอนม่วย 3 คน; ศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2019
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้พูดถึงเรื่อง ความสุภาพถ่อมตนหนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้เลือกนั่งในที่สุดท้ายในงานเลี้ยง แล้วเราจะได้รับเกียรติ และกระทำดีหรือช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถตอบแทนเราได้ แล้วเราจะได้รับตอบแทนจากพระเจ้าผู้ชอบธรรม คนที่มีความสุภาพถ่อมตน ย่อมเป็นที่รักของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ความสุภาพถ่อมตนเป็นเหมือนความมืดเผยแสดงให้เห็นแสงแห่งสวรรค์
ให้เราเงียบสักครู่หนึ่งเพื่อพิจารณาดูว่าบ่อยครั้งไหมที่เราต้องการเป็นที่หนึ่งและเป็นจุดสนใจของผู้คน บ่อยแค่ไหนที่เราทำดีเพื่อหวังให้คนยกย่อง ชมเชย หรือทำดีแต่เฉพาะกับคนที่สามารถตอบแทนเราได้ ท่าทีและทัศนคติเช่นนี้ตรงข้ามกับวิธีปฏิบัติของคนเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า
 พี่น้องชาวโนนค้อให้กำลังใจและภาวนาเพื่อแม่ของมารีิอา ทัศนี ฮุ่งหวล
บทอ่านแรก หนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน ยิ่งเป็นคนใหญ่โตมากเท่าใด ยิ่งต้องถ่อมตนลงมากเท่านั้น เพื่อเป็นที่รักและโปรดปรานของพระเจ้า ทั้งนี้เพราะพระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากคนต่ำต้อย มิใช่คนเย่อหยิ่งทะนงตน เนื่องจากคนสุภาพถ่อมตนนั้นเปิดใจของเขาต่อพระเจ้า
บทอ่านที่สอง จดหมายถึงชาวฮีบรูได้แสดงถึงลักษณะตรงข้ามกันระหว่าภูเขาซีนายกับภูเขาศิโยน บนภูเขาซีนายพระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์แก่ประชากรอิสราเอลและทรงทำพันธสัญญากับพวกเขา แต่ที่ภูเขาศิโยนซึ่งเป็นรูปหมายถึงนครเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ อันเป็นเป้าหมายของเราคริสตชน พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์แก่เราผ่านทางพระเยซูเจ้า
พระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ติดตามพระองค์มิให้เลือกที่ที่มีเกียรติในงานเลี้ยง และให้ปฏิบัติต่อผู้ที่ต่ำต้อยซึ่งไม่สามารถตอบแทนเราได้ เราทราบดีว่าท่าทีเช่นนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ติดตามพระเยซูเจ้า เพราะทุกคนล้วนชอบการมีเกียรติ มีหน้ามีตาในสังคม แต่พระเยซูเจ้าสอนเราว่า เกียรติไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่การรับใช้ด้วยความรัก
 พิธีล้างบาปคริสตชนใหม่วัดดอนม่วย; ศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2019
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1.          จันทร์ที่ 2 กันยายน 2019 ส่งศีลมหาสนิทคนป่วยและผู้สูงอายุ
2.          ศุกร์ที่ 6 กันยายน 2019 วันศุกร์ต้นเดือน ระลึกถึงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้า
3.          เสาร์ที่ 7 กันยายน 2019 เชิญร่วมฉลองนักบุญกลารา ฉลอง 80 ปีการปฏิญาณตน ซิสเตอร์มารีอา การ์เมลา ซิ้วเน้ย เสียงไพเราะ และหิรัญสมโภชการปฏิญาณตน ซิสเตอร์มารีอา เรยีนา อริศรา โชคสวัสดิ์นุกูล ณ อารามกลาริส กาปูชิน ท่าแร่
4.          เสาร์ที่ 14 กันยายน 2019 เชิญร่วมฉลองอารามรักกางเขนแห่งท่าแร่ ฉลองครบรอบ 71 ปี 68 ปี และ 60 ปีการปฏิญาณตนของสมาชิกคณะรักกางเขนแห่งท่าแร่ พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.00 น.
5.          ประกาศบวชพระสงฆ์ สังฆานุกรเปาโล ชัยเฉลิม สุทธิ สัตบุรุษวัดพระคริสตราชา ช้างมิ่ง พร้อมกับสังฆานุกรคณะนักพรตซิสเตอร์เซียน จากประเทศเวียดนาม 2 ท่าน เสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2019 ณ บ้านเณรฟาติมา ท่าแร่
6.          เงินทาน อาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2019: วัดดอนม่วย 2,210.- บาท; วัดโนนค้อ 863.- บาท และรับเงินต้นสมทบทุนโครงการก่อสร้างวัด: 1) ครอบครัวนายณรงค์ มงคลล้อม 1,300.-บาท และ 3) ลูกหลานอันตน สำรอง-มารีอา มักดาเลนา บุญมา มงคลล้อม 5,700.- บาท
7.          ขอบคุณ กลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 7-8 ที่มาทำความสะอาดวัด สัปดาห์หน้ากลุ่มที่ 9-10 (โนนค้อ: กลุ่มที่ 2)
 พี่น้องชาวดอนม่วย-โนนค้อร่วมฉลองวัดพระหฤทัยคู่ สกลนคร; 31 สิงหาคม 2019
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
                                   ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
1
07.00 น.
08.30 น.
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา
สุขสำราญพี่น้องชาวโนนค้อ
สุขสำราญพี่น้องชาวดอนม่วย
จันทร์
2
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

อังคาร
3
06.00 น.
ระลึกถึง น.เกรโกรี่ พระสันตะปาปาและนักปราชญ์

พุธ
4
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

พฤหัสบดี
5
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

ศุกร์
6
06.00 น.
วันศุกร์ต้นเดือน

เสาร์
7
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

 บรรยากาศการรับประทานอาหารร่วมกันของพี่น้องชาวโนนค้อ; 25 สิงหาคม 2019









พึงมีความสุภาพถ่อมตน


พึงมีความสุภาพถ่อมตน
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา
ปี C
บสร 3:17-19, 27-29
ฮบ 12:18-19, 22-24
ลก 14:1, 7-14
บทนำ
นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งเดินทางไปประเทศเยอรมัน เพื่อชมห้องที่บีโธเฟน (Ludwig van Beethoven: 1770-1827) นักดนตรีเอกของโลกเคยอยู่และทำงาน รวมถึงเปียโนที่ใช้ประพันธ์เพลง “มูนไลท์ โซนาต้า” (Moonlight Sonata) เด็กสาวคนหนึ่งในหมู่นักท่องเที่ยวได้นั่งลงที่เปียโนและเล่นท่อนหนึ่งของเพลงโซนาต้า เมื่อเธอเล่นจบได้พูดกับมัคคุเทศก์ว่า “ดิฉันเข้าใจว่านักดนตรีมีชื่อเสียงของโลกคงมาเยี่ยมชมที่นี่ทุกปี” มักคุเทศก์ตอบว่า “ใช่ ท่านเพเดเรฟสกี้ (Ignacy Jan Paderewski: 1860-1941) เพิ่งมาเยี่ยมที่นี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”
เด็กสาวรู้สึกภาคภูมิใจและพูดอย่างมั่นใจว่า “ดิฉันแน่ใจว่าเขาต้องทำเหมือนดิฉัน คือนั่งลงตรงเปียโนตัวนี้และเล่นเพลงโซนาต้า ใช่ไหมค่ะ” แต่มัคคุเทศก์ตอบว่า “เปล่าเลยครับคุณผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ทุกคนขอร้องให้เขาเล่น แต่เขาบอกว่า ไม่ได้ ผมไม่คู่ควรทำเช่นนั้น เด็กสาวรู้สึกละอายที่ตนถือวิสาสะเล่นเปียโนของบีโธเฟน ขณะที่นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของโลกชาวโปแลนด์อย่างเพเดเรฟสกี้ มีความสุภาพเกินกว่าจะเล่นเพลงของบีโธเฟนด้วยเปียโนตัวเดียวกัน
พระวาจาของพระเจ้าสัปดาห์นี้พูดถึง “ความสุภาพถ่อมตน” หนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน พระวรสารพระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้เลือกนั่งในที่สุดท้ายในงานเลี้ยงแล้วเราจะได้รับเกียรติ และกระทำดี หรือช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถตอบแทนเราได้ แล้วเราจะได้รับตอบแทนจากพระเจ้าผู้ชอบธรรม คนมีความสุภาพถ่อมตนย่อมเป็นที่รักของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ความสุภาพถ่อมตนเป็นเหมือนความมืดเผยให้เห็นแสงแห่งสวรรค์
1.       พึงมีความสุภาพถ่อมตน
หนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน ยิ่งเป็นคนใหญ่โตมากเท่าใด ยิ่งต้องถ่อมตนมากเท่านั้น เพื่อเป็นที่รักและโปรดปรานของพระเจ้า ทั้งนี้เพราะพระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากคนต่ำต้อย มิใช่จากคนเย่อหยิ่งทะนงตน นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า “ท่อธารแห่งพระหรรษทานของพระเจ้าไม่ไหลผ่านภูเขาแห่งความหยิ่งทะนง แต่ไหลผ่านหุบเหวแห่งความสุภาพถ่อมตน” เนื่องจากผู้มีใจสุภาพถ่อมตนย่อมเปิดใจของตนต่อพระเจ้า
คนสุภาพถ่อมตนไม่ขัดสู้คนทำร้ายเขา แต่หันแก้มอีกข้างให้  พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างแห่งความสุภาพถ่อมตนของคริสตชน เพราะเมื่อถูกประจานพระองค์ไม่ได้โต้ตอบ เมื่อถูกทรมานโดยปราศจากความผิดพระองค์มิได้ข่มขู่ หรือแก้แค้น แต่ทรงเป็นต้นแบบของความสุภาพถ่อมตน “จงเลียนแบบอย่างจากเราเพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29) และตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มก 10:45)
ความสุภาพถ่อมตนสำหรับคริสตชนหมายถึง การเจริญชีวิตตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า ไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อผู้อื่น ใช้พระพรต่าง ๆ ที่ได้รับมา ไม่ใช่เพื่อเกียรติของตนแต่เพื่อคนยากจนและต้องการความช่วยเหลือ ศิษย์พระคริสต์ต้องแสดงออกถึงความรักแม้กระทั่งศัตรู ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และไม่คาดหวังว่าเขาจะสำนึกบุญคุณ “เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้” (ลก 14:13-14)
2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราพึงปฏิบัติตนด้วยความสุภาพถ่อมตน ทั้งนี้เพราะทุกสิ่งที่เรามีล้วนแต่เป็นของประทานจากพระเจ้า เราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งไหนที่คู่ควรแก่ความภาคภูมิใจ แต่พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีส่วนในการสร้างพระอาณาจักรของพระองค์ ด้วยพระพรต่าง ๆ ที่ประทานให้ และเลียนแบบพระเยซูเจ้า ผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงจนถึงที่สุดคือการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
ประการที่สอง เราต้องใส่ใจและปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยในสังคม พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลที่สังคมรังเกียจ อาทิ คนยากจน คนถูกทอดทิ้ง และผู้ด้อยโอกาส ด้วยการปฏิบัติต่อเขาอย่างดีและช่วยเหลือด้วยความรักดุจพี่น้อง เพราะบุคคลเหล่านี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถตอบแทนเราได้ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องไม่หยิ่งทะนงตนว่าดีกว่าคนอื่น หรือมองผู้อื่นอย่างเหยียดหยาม
ประการที่สาม เราต้องสำนึกในความต่ำต้อยของตน เราได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงแห่งสวรรค์ทุกวันอาทิตย์ เราต่างเป็นคนยากจน คนพิการและทุพลภาพฝ่ายจิตใจ แต่พระเยซูเจ้ายังทรงรักและเชื้อเชิญเรา เราต้องสำนึกในบาปของตนอย่างนักบุญเปาโล “ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้” (1 ทม 1:15) หรือนักบุญฟรังซิส อัสซีซี “ไม่มีใครอีกแล้วที่จะน่าเกลียด น่าชิงชัง และน่าสังเวชเท่าตัวข้าพเจ้า” เพราะเมื่อเปรียบเทียบความดีของเรากับพระเจ้า เราไม่มีอะไรต้องอวดตัว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ติดตามพระองค์ไม่ให้เลือกที่มีเกียรติในงานเลี้ยง และให้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยซึ่งไม่สามารถตอบแทนเราได้ ท่าทีเช่นนี้ตรงข้ามกับกระแสของโลกและทำได้ยาก เพราะเกียรติยศชื่อเสียงคือยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคน แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ทำในสิ่งตรงข้าม สำหรับผู้เป็นศิษย์ของพระองค์ เกียรติไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่การรับใช้ ดำเนินชีวิตโดยไม่คิดถึงตนเองและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรักเยี่ยงพระองค์
มีคำกล่าวว่า “พระเจ้ามีสองบัลลังก์คือแห่งหนึ่งในสวรรค์ชั้นสูงสุด อีกแห่งคือในหัวใจต่ำต้อยที่สุด” (D. L. Moody) พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า ผู้มีใจสุภาพถ่อมตนเท่านั้นได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งสวรรค์ ศิษย์พระคริสต์พึงมีความสุภาพถ่อมตนในการปฏิบัติต่อผู้อื่น สำนึกในความต่ำต้อยของตน และเลียนแบบพระเยซูเจ้า ผู้เป็นต้นแบบแห่งความสุภาพถ่อมตน ทั้งนี้เพราะ “ประตูสวรรค์นั้นเตี้ยมาก ไม่มีใครเข้าไปได้เว้นแต่คุกเข่าเข้าไปเท่านั้น”
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
30 สิงหาคม 2019
ภาพ : พระสังฆราชและคณะสงฆ์, โอกาสเข้ารับตำแหน่งของพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์, อาสนวิหารท่าแร่; 2006-10-20

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พระพรที่ต้องใช้เพื่อผู้อื่น


พระพรที่ต้องใช้เพื่อผู้อื่น
เสาร์
สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
1 ธส 4:9-11
มธ 25:14-30
พระวรสารวันนี้เป็นอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ หนึ่งตะลันต์ (Talent) ในสมัยโรมันเท่ากับเงินหกพันเดนารี หนึ่งเดนาเรียสเท่ากับค่าจ้างแรงงานหนึ่งวัน ดังนั้นหนึ่งตะลันต์จึงเป็นเงินจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังหมายถึง พระพรพิเศษหรือความสามารถต่างๆ ที่พระเจ้าทรงประทานแก่มนุษย์แตกต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคน พระเยซูเจ้าทรงเตือนว่าต้องใช้พระพรพิเศษของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์และรอบคอบ หากต้องการเข้าอาณาจักรสวรรค์
อุปมาได้แสดงให้เห็นถึงความวางใจของบุรุษผู้หนึ่งต่อผู้รับใช้ของตน ซึ่งมอบทรัพย์สินจำนวนมากของตนแก่แต่ละคนก่อนออกเดินทางไกล สะท้อนให้เห็นถึงความวางใจของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเราแต่ละคน พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าเราเป็นเพียงผู้จัดการของพระเจ้า พระพรพิเศษ ความสามารถต่างๆ และทรัพย์สินทั้งหมดที่เรามีเป็นของพระเจ้า ที่ทรงมอบให้เราบริหารจัดการและทำให้เกิดผลสูงสุด
เมื่อนายกลับมาได้เรียกผู้รับใช้แต่ละคนมาตรวจบัญชี คนที่ทำงานหนักและทำให้เงินตะลันต์เกิดผลสองเท่า ย่อมเป็นที่พึงพอใจของนาย “ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์” (มธ 25:21) และได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ตรงข้ามผู้รับใช้เลวและเกียจคร้านนำเงินตะลันต์ไปฝังดินไว้ ย่อมถูกนายตำหนิและนำเงินนั้นไปมอบให้คนมีมากที่สุด บ่อยครั้งพระพรพิเศษและความสามารถที่เรามีหากไม่ใช้ ย่อมขาดความเชี่ยวชาญและทักษะด้อยลง
อุปมาเรื่องเงินตะลันต์บอกให้ทราบว่า เราไม่สามารถนำพระพรพิเศษที่ได้รับจากพระเจ้าและความสามารถต่างๆ ที่มีไปใช้เพื่อสนองความต้องการของตนเอง แต่ต้องใช้เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง รู้จักแบ่งปันสิ่งของที่เรามีกับคนยากจนและคนจำเป็นด้วยความใจกว้าง ความจริงอย่างหนึ่งที่เราพบคือ ความสามารถต่าง ๆ ที่มียิ่งใช้บ่อย ยิ่งเชี่ยวชาญ สิ่งของที่มียิ่งให้มาก ยิ่งได้รับมาก
คริสตชนต้องใช้พระพรและความสามารถที่มีอย่างรับผิดชอบ ไม่ใช้อย่างเห็นแก่ตัวและเพื่อตนเอง แต่ต้องใช้เพื่อพระเจ้าและผู้อื่น ทำให้พระพรของพระเจ้าเกิดผลอย่างอุดมและพระองค์จะทรงเพิ่มพูนให้มากขึ้น ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ รู้จักใช้พระพรและความสามารถโดยไม่ลังเล ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างรอบคอบและรับผิดชอบ แบ่งปันสิ่งของที่มีกับคนยากจนและคนต้องการความช่วยเหลือด้วยใจกว้าง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
30 สิงหาคม 2019
ภาพ: การสอนคำสอนเด็กตอนเช้า, ค่ายไผ่สีทอง, หนองคาย; 1988-4-xx

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ตะเกียงไม่ไร้น้ำมัน


ตะเกียงไม่ไร้น้ำมัน
ศุกร์
สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
1 คร 1:17-25
มธ 25:1-13
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องหญิงสาวสิบคนออกไปรอรับเจ้าบ่าว สะท้อนชีวิตจริงของสังคมยิวซึ่งให้ความสำคัญกับการมาของเจ้าบ่าว ทุกคนอยากเป็นส่วนหนึ่งในความชื่นชมยินดีนี้ ต่างพากันถือตะเกียงออกไปรอรับด้วยความยินดี ทั้งนี้เพราะการแต่งงานเป็นความยินดียิ่งใหญ่ มิใช่แต่เฉพาะสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้น แต่สำหรับชุมชนทั้งหมด มีการจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นเวลา 1 สัปดาห์
อุปมาบอกให้เราทราบว่า “พระเยซูเจ้าเป็นดังเจ้าบ่าว เสเด็จมาเพื่อพบปะกับประชากรของพระองค์ และทรงต้องการนำเราเข้าไปในบ้านแท้นิรันดรคืออาณาจักรสวรรค์ เพื่ออยู่กับพระองค์ผู้เป็นเจ้าบ่าวตลอดไป” แสดงถึงความรักของพระเจ้าต่อมนุษยชาติ ทรงปรารถนาให้ทุกคนได้เป็นหนึ่งเดียวและอยู่กับพระองค์ แต่การมาของพระองค์มิได้กำหนดเวลาล่วงหน้า ทุกคนต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอและรอคอยด้วยความรอบคอบ
เราเห็นความแตกต่างระหว่างหญิงสาวสองกลุ่ม ซึ่งถือตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว “หญิงโง่นำตะเกียงไป แต่มิได้นำน้ำมันไปด้วย ส่วนหญิงฉลาด นำน้ำมันใส่ขวดไปพร้อมกับตะเกียง” (มธ 25:3-4) ตะเกียงไร้น้ำมันย่อมหาประโยชน์อะไรไม่ได้ เพราะไม่สามารถจุดเพื่อส่องสว่างแก่ตนเองและผู้อื่นได้ คงไม่ต่างจากรถยนต์ไม่มีน้ำมัน ย่อมไม่สามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายได้
น้ำมันซึ่งพระเยซูเจ้าตรัสถึงคือ ความรักและความดีงาม หรือบุญกุศลที่ทุกคนต้องมีและเตรียมให้พร้อม ประการสำคัญ น้ำมันแห่งความรักและความดีงามเป็นสิ่งซึ่งขอกันไม่ได้ เพราะ “ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” เราต้องลงมือทำและออกแรงด้วยตนเอง ศีลล้างบาปมิใช่หลักประกันแห่งความรอดนิรันดร ต้องสั่งสมตลอดชีวิตเพื่อมีน้ำมันเพียงพอสำหรับจุดตะเกียงแห่งความเชื่อให้ลุกอยู่เสมอ จนถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาและอยู่กับพระองค์ตลอดไป
ความรักและความดีงามเป็นดังน้ำมันซึ่งจำเป็น และทำให้ตะเกียงลุกอยู่เสมอ เพื่อพร้อมต้อนรับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในวาระสุดท้าย ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นตะเกียงไม่ไร้น้ำมัน เป็นตะเกียงที่จุดอยู่เสมอและตั้งไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อส่องสว่างแก่ทุกคน หมั่นเตรียมน้ำมันให้พร้อมและเพียงพอ ด้วยการทำสิ่งดีงาม และดำเนินชีวิตในความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
28 สิงหาคม 2019
ที่มาภาพ : http://www.stjohnsepiscopal.org/whats-your-oil-fr-david-houk/