วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม


การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม

อาทิตย์มหาทรมาน
แห่ใบลาน
ปี B
อสย 50: 4-7
ฟป 2: 6-11
มก 11: 1-10; 14: 1-15:47

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่าระหว่างต้นศตวรรษที่แล้ว พระสังฆราชแห่งปารีสได้เล่าเรื่องหนุ่มคนหนึ่งที่ชอบมายืนอยู่หน้าอาสนวิหาร (Notre Dame) แห่งกรุงปารีส ตระโกนด่าแช่งและเยาะเย้ยคนที่มาเข้าวัด หลายคนได้เพิกเฉยไม่สนใจเขา วันหนึ่งคุณพ่อเจ้าอาวาสเห็นว่าเขาทำเกินไป จึงออกไปพบเขาเพื่อว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งเขายังคงดื้อดึงไม่ยอมฟัง

ที่สุด คุณพ่อเจ้าอาวาสได้ท้าทายเขาว่า หากเขาแน่จริงกล้าเข้าไปในวัด จ้องมองพระรูปพระเยซูเจ้าและพูดกับพระองค์ว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อผม และผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อยไหม” เด็กหนุ่มคนนั้นรับคำท้า เขาเข้าไปในวัด ยืนต่อหน้าพระรูปพระเยซูเจ้าและพูดว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อผม และผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย” คุณพ่อเจ้าอาวาสพูดว่า “ดีมากลูก ลองพูดย้ำคำนี้อีกครั้งซิ”

 หนุ่มคนนั้นพูดอีกครั้งว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อผม และผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย” คุณพ่อพูดต่อไปว่า “เธอทำได้ ไหนลองพูดอีกครั้งหนึ่งซิ” เด็กหนุ่มคนนั้นจ้องมองพระรูปพระเยซูเจ้าและพยายามจะพูดประโยคเดิมอีกครั้งแต่พูดไม่ได้ เขาได้แต่ยืนนิ่ง จ้องมองรูปปั้นนั้น และพระสังฆราชได้กล่าวในตอนท้ายว่า “เด็กหนุ่มที่พูดจาสามหาวลบหลู่พระเจ้าในวันนั้นคือพ่อนี่เอง พ่อคิดว่าตนเองไม่ต้องการพระเจ้า แต่ในความเป็นจริงพ่อไม่อาจปฏิเสธพระองค์ได้”

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ใบลานหรืออาทิตย์มหาทรมาน นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าสู่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราจะมองดูกางเขนของพระเยซูเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ในพิธีกรรมของสัปดาห์นี้เน้นความสำคัญที่ความรอดของเรา ขอให้ตลอดสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้นำเราให้ตระหนักว่า พระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อเราแต่ละคน และยังคงทนทรมานเพื่อเราต่อไปขณะที่พระองค์ทรงประทับอยู่กับเรา เพื่อนำเราให้ตระหนักถึงการกลับคืนชีพแห่งปัสกาที่กำลังจะมาถึง

1.           การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม

พิธีกรรมในวันนี้ได้แสดงภาพแห่งชัยชนะเพื่อเตรียมเราสำหรับพระมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ซึ่งเปิดเผยให้เราได้ทราบถึงความรักที่ล้นเหลือของพระเจ้าสำหรับเราแต่ละคน ดังนั้น พิธีกรรมในวันนี้จึงประกอบด้วยความชื่นชมยินดีและโศกนาฏกรรม เราเริ่มต้นด้วยชัยชนะของพระคริสตเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ ด้วยการเสกใบลานและแห่ใบลานด้วยความชื่นชมยินดี และเราได้ฟังเรื่องราวพระมหาทรมาน พระเยซูเจ้าที่เพิ่งได้รับการต้อนรับเยี่ยงกษัตริย์ทรงถูกเฆี่ยนตี สบประมาท สวมมงกุฎหนามและถูกตรึงบนกางเขน

ในการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มที่เราระลึกถึงในพิธีกรรมวันนี้ เราพบความจริงว่า พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในฐานะกษัตริย์ พระแมสิยาห์และลูกแกะของพระเจ้า

ในฐานะกษัตริย์: การประทับบนหลังลาที่มีผ้าปูหลัง และบรรดาประชาชนต้อนรับพระองค์ด้วยกิ่งปาล์มและกิ่งไม้ คือการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในฐานะกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า (1 มคบ 13:51) เพราะลาเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความสุภาพ ปกติกษัตริย์จะทรงม้านำทหารสู้ศึกสงคราม แต่เมื่อได้รับชัยชนะ นำความสงบสุขสู่บ้านเมืองจะประทับบนหลังลาเข้าเมืองอย่างผู้มีชัย แต่พระองค์มิใช่กษัตริย์ที่มาปลดปล่อยพวกเขาจากการกดขี่ทางการเมือง ทรงเป็นองค์สันติราชา

ในฐานะพระแมสิยาห์: ตามประเพณีโบราณสัตว์ที่จะใช้ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์จะต้องไม่ใช่สัตว์ที่ไม่มีตำหนิ (กดว 19:2; ฉธบ 21:3; 1 ซมอ 6:7) พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้สาวกไปนำลาที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน และลาตามคำกล่าวของประกาศกเศคาริยาห์เป็นสัตว์แห่งพระแมสิยาห์ (ศคย 9:9) ดังนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าประทับบนหลังลาเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม จึงเป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกประชาชนว่า พระองค์ทรงเป็นพระแมสิยาห์

ในฐานะลูกแกะพระเจ้า: พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา ทรงเป็นลูกแกะปัสกาที่ถูกประหารบนเขากัลวารีโอ ดังทียอห์นบัปติสต์ชี้บอกศิษย์ว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” (ยน 1:29) พระองค์ทรงมอบชีวิตของพระองค์เหมือนดังลูกแกะ ที่ถูกประหารอย่างอยุติธรรมและไร้ความผิดเพื่อเห็นแก่เราผู้เป็นคนบาป การสิ้นพระชนม์และพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งออกเพื่อบาปของเรา ช่วยเราให้เราพ้นจากความผิดต่อหน้าพระเจ้า

พระมหาทรมานที่เราได้ยินในวันนี้บอกเราว่า พระเยซูเจ้าทรงเจ็บปวดทางด้านร่างกาย อันเนื่องมาจากการทรมานอย่างทารุณไร้มนุษยธรรม ทรงเจ็บปวดด้านจิตวิทยา อันเนื่องมาจากการถูกศิษย์ทรยศ และทรงเจ็บปวดด้านจิตใจ อันเนื่องมาจากการถูกทอดทิ้ง บรรดาสาวกได้ทิ้งพระองค์หนีไป แม้กระทั่งจากพระบิดา “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า” (มก 15:34) คงไม่มีความทุกข์ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่ใครคนหนึ่งรู้สึกว่า ตนเองถูกทอดทิ้งจากบุคคลอันเป็นที่รัก

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า คือที่มาแห่งความรอดพ้นของมนุษยชาติ อีกทั้ง ได้ให้บทเรียนที่สำคัญแก่เราคริสตชนด้วยชีวิตและแบบอย่างของพระองค์

ประการแรก พระทรมานของพระองค์คือเครื่องหมายแห่งความรักที่แท้จริงสำหรับมนุษยชาติ พระองค์ทรงรักและมอบชีวิตของพระองค์บนกางเขนเพื่อเราทุกคน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย (ยน 15:13) ให้เราดำเนินชีวิตในความรักตามมาตรฐานเดียวกันกับพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เราได้รักท่าน(ยน 15:12)

ประการที่สอง ให้เราได้ต้อนรับพระเยซูเจ้าเข้ามาในดวงใจของเรา วันนี้เราได้รับใบลานที่ได้รับการเสก ให้เราได้นำกลับไปบ้านวางไว้ในที่ที่เหมาะสม ใบลานนี้เตือนใจเราว่าพระคริสต์เจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งครอบครัวและดวงใจของเรา เราต้องพร้อมที่จะมอบชีวิตของเราแด่พระเยซูเจ้าตลอดสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ให้เวลาสำหรับพระองค์มากขึ้นในการภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ การแบ่งปันสิ่งที่เรามีกับผู้อื่น

ประการที่สาม ให้เราได้ติดตามและเลียนแบบพระเยซูเจ้า ผู้รับใช้ที่สุภาพของพระเจ้า เราถูกเรียกให้เป็นให้ติดตามและเลียนแบบพระเยซูเจ้า เราต้องพร้อมที่จะยอมรับทุกสถานการณ์ทั้งการต้อนรับ การต่อต้าน การทรมานและกางเขนเหมือนพระเยซูเจ้า ประการสำคัญ ในการเป็นผู้ติดตามพระเยซูเจ้า ไม่มีหนทางอื่นนอกจากหนทางแห่งไม้กางเขน ชีวิตของเราต้องช่วยให้คนอื่นได้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ การให้อภัยที่ไม่มีเงื่อนไข และการอุทิศตนรับใช้ของพระเยซูเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวาจาวันนี้ได้เน้นให้เห็นว่า ความทุกข์ทรมานมีความหมายพิเศษสำหรับชีวิตคริสตชน พระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่กับผู้ที่กำลังทนทุกข์เสมอ พวกเขาไม่ได้เผชิญความลำบากตามลำพัง ความรักในพระคริสตเจ้าเป็นพลังที่ทำให้เราสามารถสู้ทนความยากลำบากต่างๆ ในชีวิตได้ และถือเป็นการมีส่วนในงานไถ่กู้มนุษยชาติ ผ่านทางการทรมานและความตายพร้อมกับพระองค์เท่านั้น เราถึงจะได้รับชีวิตนิรันดร

ประการสำคัญ เมื่อเราต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือความทุกข์ทรมานใดๆ ในชีวิต เราควรหันมาหาพระเยซูเจ้า เพื่อเราจะได้รับความบรรเทาและความช่วยเหลือ เหนือสิ่งอื่นใด ให้เราการเลียนแบบอย่างของพระองค์ในความรักและการให้อภัยไม่สิ้นสุด อีกทั้ง พระมหาทรมานของพระองค์ควรเตือนใจเราให้สำนึกในบาปที่เรากระทำ และกลับมาหาพระองค์ผ่านทางศีลอภัยบาป เพื่อเราจะได้รับการช่วยให้รอด

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com

วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

29 มีนาคม 2012

ดู  พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ปี A ได้ตามลิงค์นี้ http://dondaniele.blogspot.com/2011/04/blog-post_16.html

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

สารวัดนาบัว, ปีที่ 2 ฉบับที่ 98


สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

ปีที่ 2  ฉบับที่ 98  วันที่ 25  มีนาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555): http.//dondaniele.blogspot.com
เลขที่ 154 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
รา
พิธีโปรดศีลกำลังและศีลมหาสนิทครั้งแรก อาทิตย์ที่ 25 มีนาคม
 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต 

พี่น้องที่รัก ความตายสำหรับคนทั่วไปหมายถึงการสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ความตายเป็นการทำให้ชีวิตและพันธกิจของพระองค์บรรลุถึงความสมบูรณ์ พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ออกจากตัวเอง ด้วยการตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย พร้อมที่จะรับใช้กันและกันและเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เดือดร้อน

เรากำลังเดินทางเข้าใกล้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ให้เราได้เลียนแบบพระเยซูเจ้าในการน้อมรับและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า ผ่านทางการรับทนทรมานและความตายบนไม้กางเขน เพื่อจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับพระบิดาเจ้า ให้เราได้วอนขอพระพรจากพระเจ้า เพื่อความรักและการให้อภัยของพระองค์จะได้เปิดดวงใจของเราและเปลี่ยนแปลงตนเองให้พร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะมาถึง
โดย พระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เป็นประธานในพิธี

ในบทอ่านแรก ประกาศกเยเรมีย์ได้อธิบายให้เห็นถึงการที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนพันธสัญญาเก่าแห่งการพิพากษา เป็นพันธสัญญาใหม่แห่งการให้อภัยบาป ซึ่งพันธสัญญาใหม่นี้ที่เยเรมีย์กล่าวถึงล่วงหน้านี้ บรรลุถึงความสมบูรณ์ผ่านทางการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า

ในบทอ่านที่สอง จดหมายถึงชาวฮีบรูบอกให้เราทราบว่า ผ่านทางพระทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ในความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า พระเยซูเจ้าได้สถาปนาพันธสัญญาใหม่ ด้วยการมอบถวายพระองค์เองเป็นบูชาเพื่อไถ่บาปเรา

ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ประกาศว่าเวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระผู้ไถ่ได้มาถึงแล้ว เป็นเวลาที่บุตรแห่งมนุษย์จะรับทนทรมานและมอบชีวิตของพระองค์เพื่อผู้อื่น เมล็ดข้าวที่ตกลงดินและตายไปเพื่อให้ผลิตผลใหม่ คือภาพพจน์ของการตายต่อบาปและตายต่อตนเอง ทำให้เราสามารถมอบชีวิตของเราเองเพื่อรับใช้คนอื่นได้เช่นเดียวกัน
 มีผู้รับศีลกำลัง จำนวน 23 คน และรับศีลมหาสนิทครั้งแรก จำนวน 19 คน

°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1)      ขอขอบคุณ พระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เป็นอย่างสูงที่ได้มาเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ โปรดศีลกำลังและรับศีลมหาสนิทครั้งแรกสำหรับลูกๆ ชาวนาบัวและโพนสวางในวันนี้ (25 มีนาคม): รับศีลมหาสนิทครั้งแรก 19 คน (นาบัว 14, โพนสวาง 5) และศีลกำลัง 23 คน (นาบัว 18, โพนสวาง 5)

2)      ขอบคุณกลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 4 ที่มาทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือกลุ่มที่ 5

3)      รายนามผู้บริจาคซื้อพระรูปพระเยซูเจ้า: ครอบครัว อ.อุดร-อ.จารุวรรณ ขันละ 3,000.- บาท

4)      รายนามผู้บริจาคสมทบซื้อเก้าทอง (ราคาตัวละ 180.- บาท): (1) นางบำเพ็ญและนางสาวกิรตรา ยอดคำอ่อน 5,220.- บาท, (2) นางสาคร จูมคำตา 500.- บาท และ(3) ครอบครัวนายใสสว่าง ปู่ภิรมย์ 500.- บาท ยอดรวม 11,740.- บาท

5)      ขอเชิญร่วมฉลองวัดนักบุญเปาโลกลับใจ นามน วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม มิสซาเวลา 10.00 น.

6)      เงินวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 5,293.- าท, เงินค่าบำรุงสถานที่ (ซีซีเอฟ) 500.- บาท

7)      วัดโพนสวาง เงินทานวันอาทิตย์ 387.- บาท และรายนามผู้บริจาคสร้างหอระฆัง: (1) ครอบครัวนางคำพัน แสนพันนา 500.- บาท, (2) ครอบครัวนายชาญชัย บุญเวิน 300.- บาท ยอดรวม 9,200.- บาท
 พิธีอำลาโรงเรียนของนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านนาบัว วันอังคารที่ 20 มีนาคม

พิธีมิสซาและวันฉลองในรอบสัปดาห์

วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
25
07.00 น.


10.00 น.
ครอบครัวนายชัยชนะ-นางปัญญู พิมพการ

มิสซาที่โพนสวาง
อุทิศให้  ฟรังซิสเซเวียร์ บุญกอง-โรซา จูมมาลา พิมพการ, ปีโอ ภานุพงศ์ พิมพการ, โทมัส เกียรติศักดิ์ โนนนาแซง และวิญญาณญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ
สุขสำราญ สำหรับพี่น้องชาวโพนสวาง
จันทร์
26
06.00 น.
สมโภชนักบุญยอแซฟ

อังคาร-ศุกร์
27-30
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

เสาร์
31
06.00 น.
19.00 น.
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต
อาทิตย์มหาทรมาน

 มีนักเรียนชั้น ป.6 ที่จบการศึกษาในปีนี้จำนวน 23 คน

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

การตายต่อตนเอง


 การตายต่อตนเอง 

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต
ปี B
ยรม 31: 31-34
ฮบ 6: 7-9
ยน 12: 20-33

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเดินเล่นตามชายหาด เขาสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังเก็บบางสิ่งบางอย่างโยนลงทะเล เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้จึงถามเด็กชายนั้นว่า “หนูกำลังทำอะไร” เด็กนั้นตอบว่า “ผมกำลังเก็บปลาดาวโยนกลับลงทะเล คลื่นได้ซัดมันขึ้นมาเกยตื้น หากไม่มีใครโยนมันกลับลงไปมันคงตายแน่ๆ” ชายนั้นจึงพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย มีปลายดาวมากมายออกอย่างนี้และชายหาดยาวหลายกิโลเมตร หนูคงไม่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นได้”

เด็กชายฟังคำแนะนำจากชายนั้นอย่างสุภาพ เขาก้มลงเก็บปลาดาวตัวหนึ่งและโยนมันกลับสู่ทะเล เขายิ้มให้ชายนั้นและพูดว่า “ดูสิครับ ผมทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นกับปลาดาวตัวนี้” เรื่องเล่าเรื่องปลาดาวนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงพลังในตัวเราแต่ละคน ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คนมากมาย ในครอบครัว สังคมและหมู่คณะของเรา

พระวรสารวันนี้ได้ท้าทายเราให้สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คน โดยการถ่อมตนรับใช้ผู้คนที่อยู่รายรอบตัวเรา ในครอบครัว ในที่ทำงาน และในสังคมของเรา พระเยซูเจ้าได้ประกาศว่าเวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระผู้ไถ่ได้มาถึงแล้ว เป็นเวลาที่บุตรแห่งมนุษย์จะรับทนทรมานและมอบชีวิตของพระองค์เพื่อผู้อื่น การตายต่อบาปและตายต่อตนเอง ทำให้เราสามารถมอบชีวิตของเราเองเพื่อรับใช้คนอื่นได้เช่นเดียวกัน

1.         การตายต่อตนเอง

พระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบว่า มีชาวกรีกบางคนรู้สึกประทับใจพระเยซูเจ้า พวกเขาจึงมาหาฟิลิปบอกให้ทราบว่าอยากพบพระองค์ พระเยซูเจ้าได้ใช้โอกาสนี้ประกาศว่า พระองค์เป็นบุตรแห่งมนุษย์ที่ประกาศกดาเนียลกล่าวถึง และเวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์สำหรับพระองค์มาถึงแล้ว พระองค์ได้ทำให้พวกเขาได้เข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ มิใช่ผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองแต่เป็นผู้ยอมรับการทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพ

เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์สำหรับบุตรแห่งมนุษย์ เป็นเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้พระบิดาเจ้าได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ และพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบิดา เป็นเวลาแห่งการรวบรวมมนุษย์เข้าในงานไถ่กู้ของพระเจ้า การที่พระองค์ถูกยกขึ้นบนไม้กางเขนทำให้พระบิดาได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เตือนใจเราว่า เราสามารถทำให้พระเจ้าได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ด้วยการยอมรับไม้กางเขนที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ประทานให้เรา ด้วยความเต็มใจ

คำอุปมาเรื่องเมล็ดข้าวที่ตกลงดินและตายไป พระเยซูเจ้าได้อธิบายให้บรรดาอัครสาวกของพระองค์ได้เข้าใจว่า โดยการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ได้นำชีวิตและปลดปล่อยโลกให้พ้นจากบาป เหมือนเมล็ดข้าวที่เปื่อยเน่าและก่อให้เกิดผลมากมาย ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราตายต่อบาปและตายต่อตนเอง เราจะบังเกิดใหม่ในองค์พระเยซูเจ้า การถูกฝังในดินหมายถึงการหลีกหนีบาป ยอมรับทนทรมานและเจริญชีวิตเพื่อผู้อื่น

2.         บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ

ประการแรก เราต้องตายต่อตนเองเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร พระเยซูเจ้าได้สอนเราว่า การตายได้ทำให้เกิดชีวิตใหม่ “เลือดของมรณสักขี คือเมล็ดพันธ์ชั้นดีของพระศาสนจักร” การที่พวกเขาได้ยอมรับการทรมานและความตาย ได้ทำให้พระศาสนจักรเจริญเติบโตและเป็นปึกแผ่นมั่นคง การยอมตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย ตายต่อความเห็นแก่ตัวและจิตใจที่แคบ เหมือนเปลวเทียนที่หลอมละลายตัวเอง ทำให้เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้าและสมาชิกของพระศาสนจักร

ประการที่สอง เราต้องรับใช้ผู้อื่นเพื่อจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในโลกและอาณาจักรสวรรค์ พระเยซูเจ้าสอนเราว่า กระแสเรียกแห่งการเป็นคริสตชนคือ การรับใช้ เราต้องใช้พระพรและความสามารถต่างๆ ที่เรามีเพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องของเรา บุญราศีแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา เป็นตัวอย่างสำหรับเราในการอุทิศตนรับใช้คนยากจนที่สุดในเมืองกัลกัตตา  ท่านสอนสมาชิกในคณะของท่านว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือ ความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือ การรับใช้”

ประการที่สาม เราต้องพร้อมที่จะเจริญชีวิตค้วยความเสียสละ เป็นการดีที่จะเสียสละบางสิ่งบางอย่างที่ตนมีเพื่อพระเจ้าและผู้อื่น ให้เราได้ใช้เวลาตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ ในการสละตนเองและบางสิ่งที่มี เพื่อแบ่งปันให้ผู้ที่เดือดร้อนและอยู่ในฐานะด้อยกว่าเรา ดังคำกล่าวของจอห์น เวสลีย์ (John Wesley) ที่ว่า “จงทำความดีทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้ ด้วยเครื่องมือทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้ ด้วยวิธีการต่างๆ ที่ท่านสามารถทำได้ ในทุกสถานที่ที่ท่านสามารถทำได้ กับทุกคนที่ท่านสามารถทำได้ ตราบเท่าที่ท่านยังสามารถกระทำมันได้”

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ความตายสำหรับคนทั่วไปหมายถึงการสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ความตายเป็นการทำให้ชีวิตและพันธกิจของพระองค์บรรลุถึงความสมบูรณ์ พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ออกจากตัวเอง ด้วยการตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย ตายต่อความเห็นแก่ตัวทุกอย่างที่เรามี พร้อมที่จะรับใช้กันและกันและเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้

เรากำลังเดินทางเข้าใกล้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ให้เราได้เลียนแบบพระเยซูเจ้าในการน้อมรับและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า ผ่านทางการรับทนทรมานและความตายบนไม้กางเขน เพื่อจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับพระบิดาเจ้า ให้เราได้วอนขอพระพรจากพระเจ้า ผ่านทางคำเสนอวิงวอนของแม่พระ เพื่อความรักและการให้อภัยของพระองค์จะได้เปิดดวงใจของเรา เพื่อเราจะได้เปลี่ยนแปลงตนเองและเตรียมสมโภชปัสกาที่กำลังจะมาถึง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
23 มีนาคม 2012

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

สารวัดนาบัว, ปีที่ 2 ฉบับที่ 97


สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

ปีที่ 2  ฉบับที่ 97  วันที่ 18  มีนาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555): http.//dondaniele.blogspot.com
เลขที่ 154 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
รา
พายุฤดูร้อน พัดต้นสะเดาใกล้โรงครัวหักโค่น เมื่อวันที่ 16 มีนาคม
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต

พี่น้องที่รัก ความรักของพระเจ้าเป็นความรักที่ไร้ขีดจำกัด พระองค์ทรงเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาต่อประชากรของพระองค์ ทรงใส่ใจในความเป็นไปของเราแต่ละคน พระองค์ทรงรักโลกมากจึงได้ส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์เพื่อรวบรวมเราให้เป็นหนึ่งเดียวและมีชีวิตใหม่ในพระองค์ พระเจ้ายังทรงส่งเราให้นำความรักของพระองค์ไปสู่โลก

ให้เราได้เลียนแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นแสงสว่างของโลกที่ทรงรักและยอมตายเพื่อทุกคน ด้วยการนำความรักของพระเจ้าไปสู่ผู้อื่น ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร แต่รักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก แสงสว่างแห่งความรักและการให้อภัยของพระเจ้าจะต้องฉายแสงในชีวิตเรา เพื่อช่วยให้ทุกคนได้เดินในแสงสว่างแห่งความจริงและความถูกต้อง ลด ละ เลิก ความประพฤติที่ไม่ดีต่างๆ เป็นต้นในเทศกาลมหาพรตนี้
 เศษกิ่งไม้และใบไม้ที่กระจายเกลือนกลาดทั่วบริเวณวัด

ในบทอ่านแรก จากหนังสือพงศาวดาร ทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักเมตตาและความอดทนของพระเจ้า  พระเจ้าทรงใช้จักรพรรดิไซรัส เป็นเครื่องมือแห่งความเมตตากรุณาและความรอดของพระองค์ ในการช่วยประชากรที่ทรงเลือกสรรให้พ้นจากการเนรเทศที่บาบิโลน

ในบทอ่านที่สอง นักบุญเปาโลบอกเราว่าพระเจ้าทรงร่ำรวยความเมตตากรุณา โดยทรงประทานความรอดนิรันดรแก่เรา และชีวิตนิรันดรนี้เป็นของประทานที่ให้เปล่าผ่านทางพระเยซูเจ้า ท่านได้มีประสบการณ์ถึงความรักและความเมตตากรุณาของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และเชื่อเชิญเราให้ได้มีประสบการณ์นี้เช่นเดียวกัน

ในพระวรสาร พระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าได้กลายเป็นผู้นำความรอดนิรันดรของพระเจ้า ไม่ใช่สำหรับชนชาติใดชนชาติหนึ่ง แต่สำรับโลก พระวรสารวันนี้ได้สอนเราถึงการที่พระเจ้าทรงแสดงความรักและความเมตตากรุณาต่อเรา ด้วยการประทานพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์เพื่อความรอดของเราทุกคน
 ต้นไม้ประดับ รวมถึงต้นไทรขนาดใหญ่ด้านข้างวัดที่ถูกพัดหักโค่น

°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1)      ขอแสดงความเสียใจและเห็นใจกับพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนและพายุลูกเห็บ ขอเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับภัยพิบัติที่ได้รับ

2)      ขอบคุณกลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 3 ที่มาทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือกลุ่มที่ 4

3)      วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคมนี้ จะมีพิธีโปรดศีลกำลังและรับศีลมหาสนิทครั้งแรก สำหรับนักเรียนคำสอนชั้น ป. 6 และ ป.4 ขอพี่น้องได้ให้ความสำคัญ ส่งบุตรหลานมาวัดเรียนคำสอนในระหว่างนี้

4)      วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม สมโภชนักบุญยอแซฟ และฉลองวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย มิสซาเวลา 10.00 น.

5)      ทางวัดได้ซื้อเก้าอี้พลาสติก (เก้าอี้ทอง) จำนวน 300 ตัว พี่น้องที่ประสงค์จะทำบุญซื้อเก้าอี้สามารถบริจาคได้ราคาตัวละ 180.- บาท: (1) อ.วาริด จูมคำตา 5,000.- บาท, (2) ยายสมสะอาด พรหมวัง 500.- บาท, ป้าจันทร์ พิมพ์นาจ 20.- บาท

6)      เงินทานวันเสาร์ 783.- บาท, วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 6,402.- าท, เงินต้นมิสซาปลงศพ เออเนสตินา มาลัย วินบาเพชร 3,050.- บาท, เงินค่าบำรุงโลงเย็นและถ้วยชาม 700.- บาท, เงินต้นมิสซาของแม่ตู้เกษ ปู่ภิรมย์ (16 มี.ค.) 3,840.- บาท

7)      วัดโพนสวาง เงินทานวันอาทิตย์ 387.- บาท
 เด็กคำสอนช่วยกันปัดกวาดเศษใบไม้กิ่งไม้ ก่อนจะเจอพายุลูกเห็บถล่มอีกรอบ

พิธีมิสซาและวันฉลองในรอบสัปดาห์

วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
18
07.00 น.
10.00 น.
มิสซาที่นาบัว
มิสซาที่โพนสวาง
สุขสำราญ สำหรับพี่น้องชาวนาบัว
สุขสำราญ สำหรับพี่น้องชาวโพนสวาง
จันทร์
19
06.00 น.
สมโภชนักบุญยอแซฟ

อังคาร
20
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต

พุธ
21
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต

พฤหัส
22
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต

ศุกร์
23
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต

เสาร์
24
06.00 น.
19.00 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรตสัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

 บรรดาลูกบ้านช่วยกันดึงหอกระจายข่าวที่ทับบ้านผู้ใหญ่ชาญชัย นาแว่น