การเปลี่ยนแปลงตนเอง
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต
ปี B
|
ปฐก 22: 1-18
รม 8: 31-34
มก 9: 2-10
|
บทนำ
คุณพ่อแอนโทนี เดอ เมลโล (Fr.
Anthony de Mello) ได้เล่าเรื่องที่งดงามเรื่องหนึ่งในหนังสือลำนำสกุณา
(The Song of Bird) ของท่าน เกี่ยวกับการภาวนาของชายชราคนหนึ่ง
ซึ่งกล่าวถึงประสบการณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่เขาอยากให้เกิดขึ้น เวลาเป็นเด็กเขาภาวนาถึงพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า
โปรดประทานพระหรรษทานแก่ลูกเพื่อจะได้เปลี่ยนแปลงโลก”
เมื่อย่างเข้าวัยกลางคนเขาตระหนักว่า
ช่วงเวลาครึ่งค่อนชีวิตของเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แม้การช่วยวิญญาณสักดวงให้รอดยังไม่สามารถทำได้
เขาจึงเปลี่ยนบทภาวนาใหม่ว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานพระหรรษทานแก่ลูก เพื่อจะเปลี่ยนแปลงครอบครัวและมิตรสหายของลูก
เพียงเท่านี้ลูกก็พอใจแล้ว”
เวลานี้เขาอยู่ในวัยชราและวันเวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที
เขาตระหนักว่าตนเองช่างโง่เขลาเหลือเกินที่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้
คำภาวนาของเขาเวลานี้คือ “ข้าแต่พระเจ้า
โปรดประธานพระหรรษทานแก่ลูกเพื่อจะได้เปลี่ยนแปลงตนเอง
หากลูกเริ่มภาวนาแบบนี้ตั้งแต่ตอนแรก ลูกคงไม่เสียเวลาทั้งชีวิตโดยเปล่าประโยชน์”
เมื่อเราเริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง สังคมรอบข้างและโลกทั้งโลกจะเปลี่ยนแปลงไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เราคาดไม่ถึง
การประจักษ์พระวรกาย (Transfiguration)
หมายถึงพระวรกายที่เปลี่ยนแปลงไปของพระเยซูเจ้า
หรือการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ปรากฏภายนอก (Metamorphosis) เทศกาลมหาพรตนี้ เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงตนเอง
กลับใจมาหาพระเจ้า การประจักษ์พระวรกาย มีจุดมุ่งหมายแรกเพื่อให้ความมั่นใจเกี่ยวกับแผนการของพระบิดาที่ทรงให้พระบุตรรับทรมาน
สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ ประการที่สอง เพื่อให้ศิษย์ที่พระองค์ทรงเลือกได้เห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ในฐานะพระเจ้า
เพื่อว่าพวกเขาจะได้ละทิ้งความทะเยอทะยานทางด้านการเมืองและมีความเข้มแข็งในห้วงเวลาแห่งการเบียดเบียน
1.
การเปลี่ยนแปลงตนเอง
พระเยซูเจ้าได้นำเปโตร
ยากอบและยอห์นขึ้นไปบนภูเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทับอยู่ของพระเจ้า และพวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานถึงการประจักษ์พระวรกายของพระองค์
การได้เห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เป็นสิทธิพิเศษที่พวกเขาได้รับ
ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ไถ่
การปรากฏมาของโมเสสและเอลียาห์ ซึ่งเป็นตัวแทนของธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศก
ชี้ให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าคือความสมบูรณ์ของพระพันธสัญญาเก่า
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการประจักษ์พระวรกายคือ
เสียงที่ดังมาจากเมฆ บอกให้ทราบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรสุดที่รักของพระเจ้าและให้พวกเขาฟังพระองค์
นี่คือคำรับรองของพระบิดาเจ้าว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรสุดที่รักของพระองค์และเราต้องฟังพระองค์
แม้ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัส เช่น การถูกปฏิเสธ การทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพ
จะเป็นสิ่งที่ยากเกินจะรับได้ เราจะเข้าใจและร่วมส่วนในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ได้
ผ่านทางหนทางแห่งไม้กางเขนเท่านั้น
มีการเปลี่ยนแปลงสามอย่างในชีวิตของเราในการเดินทางมุ่งสู่ชีวิตนิรันดร
การเปลี่ยนแปลงแรกเริ่มจากศีลล้างบาป
ที่ชำระล้างบาปกำเนิดและเปลี่ยนแปลงตัวเราให้กลายเป็นบุตรของพระเจ้า
ทายาทแห่งเมืองสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงที่สองเกิดขึ้นเมื่อเราสามารถเอาชนะการประจญและความยากลำบากในชีวิต
การเปลี่ยนแปลงที่สามเกิดขึ้นเมื่อเราจบชีวิตในโลกนี้
ซึ่งเราต้องผ่านการชำระตนในไฟชำระเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร
และบรรลุถึงความสมบูรณ์ในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง การประจักษ์พระวรกายเป็นเหตุการณ์ที่พระวรกายของพระเยซูเจ้าเปลี่ยนแปลงไป
พระศาสนจักรให้เรารำลึกถึงเหตุการณ์นี้ในสัปดาห์ที่สองของเทศกาลมหาพรต
เพื่อเตือนใจเราให้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า โดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความยากลำบากในชีวิต
ดังนั้น เราจึงควรเปิดใจของเราด้วยการเปลี่ยนแปลงตนเอง
หันกลับมาหาพระเจ้าเพื่อจะได้มีประสบการณ์ความรักของพระเจ้า ช่วยให้คนอื่นได้รู้ถึงความรักของพระองค์และพร้อมที่จะมอบชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น
ประการที่สอง พิธีบูชาขอบพระคุณคือแหล่งพลังที่ทำให้เราเข้มแข็ง
ในมิสซาปังและเหล้าองุ่นได้เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขนและกลับคืนชีพ
การประจักษ์พระวรกายของพระองค์ได้ทำให้บรรดาอัครสาวกเข้มแข็ง
เช่นเดียวกับพิธีมิสซาที่เป็นแหล่งพลังในการต่อสู้กับการประจญและพื้นฟูชีวิตคริสตชนในเทศกาลมหาพรตนี้
การเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราให้กระทำแต่สิ่งที่ดีงาม
ในการรับใช้ผู้อื่นโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว
ประการที่สาม เราต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระเยซูเจ้า พระเจ้าทรงมอบพระบุตรสุดที่รักของพระองค์โดยไม่ทรงหวงแหน
ดังเช่นอับราฮัมพร้อมมอบบุตรชายคืออิสอักแด่พระเจ้า
การมอบชีวิตเพื่อไถ่บาปเราของพระเยซูเจ้าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่
สมควรที่เราจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ด้วยการน้อมรับกางเขนและร่วมส่วนในการแบกกางเขนนี้ในชีวิตประจำวันของเรา
จนถึงวาระสุดท้ายที่เราจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการประจักษ์พระวรกายและกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
เราได้เห็นถึงความรักของบิดาสองคน
อับราฮัมที่มีต่ออิสอักและพระบิดาเจ้าที่มีต่อพระเยซูเจ้า บิดาทั้งสองคนได้เตรียมมอบบุตรสุดที่รักของตนเป็นบูชา จะต่างก็ตรงที่พระเจ้าบอกให้อับราฮัมฆ่าลูกแกะเป็นบูชาแทนอิสอัก
แต่พระเยซูเจ้า ทรงเป็นลูกแกะที่ยอมรับความทรมานด้วยพระองค์เอง
เพื่อช่วยเราให้ตระหนักถึงความรักของพระเจ้า
วันนี้เราได้ยินพระสุระเสียงของพระบิดาเจ้าที่ตรัสกับเราและบอกเราว่า
พระเยซูเจ้าเป็นบุตรสุดที่รักของพระองค์ที่เราต้องฟัง ให้เราได้เชื่อฟังพระองค์ มองเห็นการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา
และนำพระวาจาของพระองค์ไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ลงจากภูเขาสู่ความเป็นจริงแห่งชีวิต
และเดินตามรูปแบบชีวิตพระเยซูเจ้าบนกางเขนทุกวันตลอดชีวิตของเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรักและการให้อภัยเพื่อนพี่น้องด้วยใจกว้าง ซึ่งพระศาสนจักรเรียกร้องเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว2 มีนาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น