วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความรักของพระเจ้า


 ความรักของพระเจ้า 

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ปี B
2 พศด 36:14-16, 19-23
อฟ 2: 4-10
ยน 3:14-21

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า กองทัพของจักรพรรดิไซรัสแห่งเปอร์เซียได้จับตัวหัวหน้าโจรที่ชื่อ คากูลาร์ ผู้ก่อความไม่สงบในอาณาจักรมาเป็นเวลานานได้และนำตัวไปรอการประหาร ในวันตัดสินคดีความ คากูลาร์พร้อมครอบครัวถูกนำเข้ามาในห้องพิพากษาต่อหน้าจักรพรรดิไซรัส คากูล่าร์ เป็นคนที่รูปร่างสูงโปร่ง อาจหาญสมชาติบุรุษ จักรพรรดิไซรัสรู้สึกประทับใจ จึงตรัสกับเขาว่า “หากข้าไว้ชีวิตเจ้า เจ้าจะทำสิ่งใด” คากูลาร์ตอบว่า “ข้าพระองค์จะกลับบ้านและยอมเป็นทาสเชื่อฟังพระองค์จนตลอดชีวิต”

จักรพรรดิไซรัสตรัสต่อไปว่า “หากข้าไว้ชีวิตภรรยาเจ้า เจ้าจะทำสิ่งใด” คากูลาร์ตอบว่า “หากพระองค์ไว้ชีวิตภรรยา ข้าพระองค์จะยอมตายเพื่อพระองค์” จักรพรรดิรู้สึกประทับใจจึงปล่อยตัวคากูลาร์และภรรยาให้เป็นอิสระ เมื่อกลับถึงบ้านคากูลาร์ได้รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองอย่างตื่นเต้น เช่น  การได้เห็นพระราชวังปูด้วยหินอ่อน สีของผ้าม่าน บัลลังก์ที่จักรพรรดินั่งซึ่งทำด้วยทองคำ เขาถามภรรยาบ้างว่าได้สังเกตและเห็นอะไรบ้าง ภรรยาจ้องมองเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเห็นเพียงใบหน้าของชายคนหนึ่งที่พูดกับจักรพรรดิว่า เขาสามารถตายเพื่อฉันได้”

พระวรสารวันนี้ได้เผยให้เราได้เห็นพระพักตร์ของบุตรพระเจ้า ที่ถูกส่งมาสิ้นพระชนม์เพื่อเรา และเผยให้เราได้เห็นถึงความรักและพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคน แก่นแท้ของพระวรสาร หัวใจของชีวิตฝ่ายจิตคริสตชนและพื้นฐานของความหวังของมนุษย์ทุกคน ปรากฏอย่างชัดเจนในพระวรสารวันนี้ “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงได้ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์  เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยน 3:16) ข้อความตอนนี้ได้สะกิดใจผู้คนมากมาย ให้สัมผัสกับความรักของพระเจ้าและกลับใจมาเป็นคริสตชน

1.           ความรักของพระเจ้า

พระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 3 ข้อที่ 16 เป็นตอนที่พูดถึงความรักของพระเจ้าที่งดงามที่สุดในพระคัมภีร์ เรียกกันว่า “พระวรสารแห่งพระวรสาร” (Gospel of the gospels) เพราะนี่คือบทสรุปของข่าวดีที่นำความรอดของพระวรสารผ่านทางพระเยซูเจ้า “ความรักของพระเจ้า” ถือเป็นคำสอนที่สำคัญของพระวรสารนักบุญยอห์น ที่บอกให้เราได้ทราบถึงการเข้ามาเกี่ยวข้องต่อความรอดของมนุษย์ทุกคนของพระเจ้า ผู้เป็นองค์ความรัก ทรงรักโลกทั้งหมดและไม่มีใครที่ถูกตัดขาดจากความรักของพระองค์ ดังคำกล่าวของนักบุญเอากุสตินที่ว่า “พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคน ประหนึ่งว่ามีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรัก”

ข้อความตอนนี้ยังอธิบายให้เราได้ทราบถึงความรักที่เป็นสากลของพระเจ้า ความรักจึงเป็นพลังผลักดันของพระเจ้า โดยมีจุดมุ่งหมายที่ความรอดของมนุษยชาติ ใครที่ต้องการความรอดนิรันดรต้องเชื่อในองค์พระบุตร มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า พระเจ้าไม่ทรงสนใจใยดีมนุษย์ ทรงปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นและเป็นไปตามยถากรรมตามธรรมชาติ ทรงอยู่ห่างไกลไม่ใส่ใจในความเป็นไปของมนุษย์เลย บางคนจึงมองพระเจ้าเป็นผู้ปกครองที่กดขี่ เข้มงวดให้ถือตามบทบัญญัติและคอยลงโทษมนุษย์

พระเยซูเจ้าได้ประกาศพระเจ้าในแบบที่ตรงข้าม ไม่ใช่พระเจ้าที่คอยตัดสินใครต่อใครอย่างเข้มงวด แต่เป็นผู้ที่ใส่ใจในความเป็นไปของมนุษย์ ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เปิดเผยให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าทั้งในคำพูดและการกระทำ ความรักของพระองค์แสดงให้เราได้เห็นด้วยการยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อทุกคน ไม่มีความรักใดใหญ่หลวงกว่าการพลีชีพของตนเพื่อมิตรสหา (ยน 15:13) ที่พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นเพราะทรงรักเรา ทรงอภัยบาปและนำเราให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาเจ้าอีกครั้ง

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ

ประการแรก เราต้องรักไม้กางเขน การที่พระเยซูเจ้าถูกยกขึ้นบนกางเขนได้กลายเป็นศูนย์กลางของวัด ที่เตือนใจเราให้ตระหนักถึงความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเจ้า อีกทั้งราคาแห่งความรอดที่พระองค์ได้ทรงไถ่เราด้วยชีวิตของพระองค์เอง ดังนั้น ในบ้านคริสตชนจะต้องมีสัญลักษณ์แห่งความรักของพระเจ้านี้ ซึ่งเชื่อเชิญเราได้น้อมรับความทุกข์ยากลำบากต่างๆ (การถูกพายุพัดบ้านและทรัพย์สินพังเสียหาย) และเป็นพลังสำหรับเราในความพยายามที่จะเอาชนะความยากลำบากที่เรากำลังเผชิญอยู่

ประการที่สอง เราต้องตอบสนองความรักของพระเจ้าด้วยการรักซึ่งกันและกัน ความรักของพระเจ้าเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไร้ขีดจำกัด ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก ทรงให้อภัยและเมตตากรุณาต่อทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ให้เราพยายามที่จะเลียนแบบอย่างความรักของพระองค์ เป็นต้นในการแบ่งปันความรักของเรากับเพื่อนพี่น้องในเทศกาลมหาพรตนี้

ประการที่สาม เราต้องนำแสงสว่างของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่น ใครที่เดินตามแสงสว่างของพระคริสตเจ้าจะไม่เดินในความมืด ให้เราได้นำแสงสว่างของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่น ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร แต่ช่วยทุกคนให้เดินในแสงสว่างแห่งความจริงและความถูกต้อง “ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก... แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ (มธ 5: 14, 16)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ความรักของพระเจ้าเป็นความรักที่ไร้ขีดจำกัด พระองค์ทรงเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาต่อประชากรของพระองค์ ทรงใส่ใจในความเป็นไปของเราแต่ละคน พระองค์ทรงรักโลกมากจึงได้ส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์เพื่อรวบรวมเราให้เป็นหนึ่งเดียวและมีชีวิตใหม่ในพระองค์ พระเจ้ายังทรงส่งเราให้นำความรักของพระองค์ไปสู่โลก

ให้เราได้เลียนแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นแสงสว่างของโลกที่ทรงรักและยอมตายเพื่อทุกคน ด้วยการนำความรักของพระเจ้าไปสู่ผู้อื่น ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร แต่รักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก แสงสว่างแห่งความรักและการให้อภัยของพระเจ้าจะต้องฉายแสงในชีวิตเรา เพื่อช่วยให้ทุกคนได้เดินในแสงสว่างแห่งความจริงและความถูกต้อง ลด ละ เลิก ความประพฤติที่ไม่ดีต่างๆ เป็นต้นในเทศกาลมหาพรตนี้

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
17 มีนาคม 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น