ความรักของพระเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ปี B
|
2 พศด 36:14-16, 19-23
อฟ 2:
4-10
ยน 3:14-21
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า
กองทัพของจักรพรรดิไซรัสแห่งเปอร์เซียได้จับตัวหัวหน้าโจรที่ชื่อ คากูลาร์ ผู้ก่อความไม่สงบในอาณาจักรมาเป็นเวลานานได้และนำตัวไปรอการประหาร
ในวันตัดสินคดีความ คากูลาร์พร้อมครอบครัวถูกนำเข้ามาในห้องพิพากษาต่อหน้าจักรพรรดิไซรัส
คากูล่าร์ เป็นคนที่รูปร่างสูงโปร่ง อาจหาญสมชาติบุรุษ
จักรพรรดิไซรัสรู้สึกประทับใจ จึงตรัสกับเขาว่า “หากข้าไว้ชีวิตเจ้า
เจ้าจะทำสิ่งใด” คากูลาร์ตอบว่า “ข้าพระองค์จะกลับบ้านและยอมเป็นทาสเชื่อฟังพระองค์จนตลอดชีวิต”
จักรพรรดิไซรัสตรัสต่อไปว่า
“หากข้าไว้ชีวิตภรรยาเจ้า เจ้าจะทำสิ่งใด” คากูลาร์ตอบว่า “หากพระองค์ไว้ชีวิตภรรยา
ข้าพระองค์จะยอมตายเพื่อพระองค์” จักรพรรดิรู้สึกประทับใจจึงปล่อยตัวคากูลาร์และภรรยาให้เป็นอิสระ
เมื่อกลับถึงบ้านคากูลาร์ได้รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองอย่างตื่นเต้น เช่น
การได้เห็นพระราชวังปูด้วยหินอ่อน
สีของผ้าม่าน บัลลังก์ที่จักรพรรดินั่งซึ่งทำด้วยทองคำ เขาถามภรรยาบ้างว่าได้สังเกตและเห็นอะไรบ้าง
ภรรยาจ้องมองเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเห็นเพียงใบหน้าของชายคนหนึ่งที่พูดกับจักรพรรดิว่า
เขาสามารถตายเพื่อฉันได้”
พระวรสารวันนี้ได้เผยให้เราได้เห็นพระพักตร์ของบุตรพระเจ้า
ที่ถูกส่งมาสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
และเผยให้เราได้เห็นถึงความรักและพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคน แก่นแท้ของพระวรสาร
หัวใจของชีวิตฝ่ายจิตคริสตชนและพื้นฐานของความหวังของมนุษย์ทุกคน
ปรากฏอย่างชัดเจนในพระวรสารวันนี้ “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงได้ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ
แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยน 3:16) ข้อความตอนนี้ได้สะกิดใจผู้คนมากมาย ให้สัมผัสกับความรักของพระเจ้าและกลับใจมาเป็นคริสตชน
1.
ความรักของพระเจ้า
พระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 3 ข้อที่ 16 เป็นตอนที่พูดถึงความรักของพระเจ้าที่งดงามที่สุดในพระคัมภีร์
เรียกกันว่า “พระวรสารแห่งพระวรสาร” (Gospel of the gospels) เพราะนี่คือบทสรุปของข่าวดีที่นำความรอดของพระวรสารผ่านทางพระเยซูเจ้า “ความรักของพระเจ้า”
ถือเป็นคำสอนที่สำคัญของพระวรสารนักบุญยอห์น
ที่บอกให้เราได้ทราบถึงการเข้ามาเกี่ยวข้องต่อความรอดของมนุษย์ทุกคนของพระเจ้า
ผู้เป็นองค์ความรัก ทรงรักโลกทั้งหมดและไม่มีใครที่ถูกตัดขาดจากความรักของพระองค์
ดังคำกล่าวของนักบุญเอากุสตินที่ว่า “พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคน
ประหนึ่งว่ามีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรัก”
ข้อความตอนนี้ยังอธิบายให้เราได้ทราบถึงความรักที่เป็นสากลของพระเจ้า
ความรักจึงเป็นพลังผลักดันของพระเจ้า โดยมีจุดมุ่งหมายที่ความรอดของมนุษยชาติ
ใครที่ต้องการความรอดนิรันดรต้องเชื่อในองค์พระบุตร มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า
พระเจ้าไม่ทรงสนใจใยดีมนุษย์ ทรงปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นและเป็นไปตามยถากรรมตามธรรมชาติ
ทรงอยู่ห่างไกลไม่ใส่ใจในความเป็นไปของมนุษย์เลย บางคนจึงมองพระเจ้าเป็นผู้ปกครองที่กดขี่
เข้มงวดให้ถือตามบทบัญญัติและคอยลงโทษมนุษย์
พระเยซูเจ้าได้ประกาศพระเจ้าในแบบที่ตรงข้าม
ไม่ใช่พระเจ้าที่คอยตัดสินใครต่อใครอย่างเข้มงวด แต่เป็นผู้ที่ใส่ใจในความเป็นไปของมนุษย์
ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เปิดเผยให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าทั้งในคำพูดและการกระทำ ความรักของพระองค์แสดงให้เราได้เห็นด้วยการยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อทุกคน
“ไม่มี ความรักใดใหญ่หลวงกว่าการพลีชีพของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13) ที่พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นเพราะทรงรักเรา
ทรงอภัยบาปและนำเราให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาเจ้าอีกครั้ง
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องรักไม้กางเขน
การที่พระเยซูเจ้าถูกยกขึ้นบนกางเขนได้กลายเป็นศูนย์กลางของวัด
ที่เตือนใจเราให้ตระหนักถึงความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเจ้า อีกทั้งราคาแห่งความรอดที่พระองค์ได้ทรงไถ่เราด้วยชีวิตของพระองค์เอง
ดังนั้น ในบ้านคริสตชนจะต้องมีสัญลักษณ์แห่งความรักของพระเจ้านี้ ซึ่งเชื่อเชิญเราได้น้อมรับความทุกข์ยากลำบากต่างๆ
(การถูกพายุพัดบ้านและทรัพย์สินพังเสียหาย) และเป็นพลังสำหรับเราในความพยายามที่จะเอาชนะความยากลำบากที่เรากำลังเผชิญอยู่
ประการที่สอง เราต้องตอบสนองความรักของพระเจ้าด้วยการรักซึ่งกันและกัน ความรักของพระเจ้าเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
ไร้ขีดจำกัด ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก ทรงให้อภัยและเมตตากรุณาต่อทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ให้เราพยายามที่จะเลียนแบบอย่างความรักของพระองค์ เป็นต้นในการแบ่งปันความรักของเรากับเพื่อนพี่น้องในเทศกาลมหาพรตนี้
ประการที่สาม เราต้องนำแสงสว่างของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่น
ใครที่เดินตามแสงสว่างของพระคริสตเจ้าจะไม่เดินในความมืด ให้เราได้นำแสงสว่างของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่น
ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร แต่ช่วยทุกคนให้เดินในแสงสว่างแห่งความจริงและความถูกต้อง
“ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก... แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์
เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์”
(มธ 5:
14, 16)
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
ความรักของพระเจ้าเป็นความรักที่ไร้ขีดจำกัด พระองค์ทรงเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาต่อประชากรของพระองค์
ทรงใส่ใจในความเป็นไปของเราแต่ละคน
พระองค์ทรงรักโลกมากจึงได้ส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์เพื่อรวบรวมเราให้เป็นหนึ่งเดียวและมีชีวิตใหม่ในพระองค์
พระเจ้ายังทรงส่งเราให้นำความรักของพระองค์ไปสู่โลก
ให้เราได้เลียนแบบอย่างของพระเยซูเจ้า
ผู้เป็นแสงสว่างของโลกที่ทรงรักและยอมตายเพื่อทุกคน ด้วยการนำความรักของพระเจ้าไปสู่ผู้อื่น
ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใคร แต่รักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก แสงสว่างแห่งความรักและการให้อภัยของพระเจ้าจะต้องฉายแสงในชีวิตเรา
เพื่อช่วยให้ทุกคนได้เดินในแสงสว่างแห่งความจริงและความถูกต้อง ลด ละ เลิก
ความประพฤติที่ไม่ดีต่างๆ เป็นต้นในเทศกาลมหาพรตนี้
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว17 มีนาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น