วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

จงตามเรามาเถิด

วันเสาร์ หลังวันพุธรับเถ้า
อสย 58:9ข-14
ลก 5:27-32

 จงตามเรามาเถิด

โรมมีวิธีการจัดเก็บภาษีโดยกำหนดเพดานเงินภาษีที่ต้องการจากเขตต่างๆ แบบตายตัวและให้มีการประมูลราคากันเอง หากคนเก็บภาษีจ่ายภาษีให้โรมตามจำนวนเงินที่กำหนด เขาก็สามารถเก็บรายได้ส่วนที่เหลือเป็นของตนเองได้ ดังนั้น คนเก็บภาษีจึงสามารถสร้างรายได้อย่างงามจากการเก็บภาษี โดยทั่วไปชาวยิวทุกคนต้องจ่ายภาษีอยู่ 3 ชนิดคือ ภาษีที่ดิน (เก็บหนึ่งในสิบของพืชผล) ภาษีรายได้ (เก็บหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของรายได้) และภาษีศุลกากร (เก็บจากสินค้าเข้าและสินค้าออกทุกชนิด)

นอกนั้น ยังมีการเก็บภาษีการใช้สะพานและการใช้ถนน โดยเก็บตามจำนวนล้อเกวียนและสัตว์ลากเกวียน ซึ่งภาษีประเภทนี้คนเก็บภาษีจะเรียกเก็บที่ไหนก็ได้ ที่ร้ายกว่านั้นคือ ในกรณีของคนจนที่ไม่มีเงินจ่าย คนเก็บภาษีจะจ่ายล่วงหน้าให้ก่อนและเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูง จนทำให้คนนั้นตกอยู่ในอำนาจของเขา (คงไม่ต่างจากการปล่อยเงินกู้และส่วยทางหลวงบ้านเราเท่าใดนัก) ดังนั้น ในสายตาของคนทั่วไป คนเก็บภาษีจึงเป็นคนบาปในระนาบเดียวกันกับหญิงโสเภณีและฆาตกร

พระวรสารของวันนี้พูดถึงพระเยซูเจ้าทรงเรียกคนเก็บภาษีชื่อเลวี ที่กำลังเก็บภาษีในด่านให้ติดตามพระองค์ ทรงเชื้อเชิญเขาให้ทิ้งงานที่สร้างรายได้มหาศาล และทิ้งชีวิตที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่นเพื่อติดตามพระองค์ เขาตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นเพื่อนกับเขา เพราะไม่ได้มองเขาอย่างชาวยิวทั่วไปที่มองว่าเขาเป็นคนบาป เป็นคนทรยศชาติด้วยการขูดรีดเก็บภาษีจากเพื่อนร่วมชาติไปให้รัฐบาลโรมัน อีกทั้ง เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์เพราะไม่รักษาธรรมประเพณีของบรรพบุรุษ และสร้างความร่ำรวยให้ตนเองจากการเก็บภาษี

พระเยซูเจ้าทรงรักษาชีวิตฝ่ายจิตของเลวีให้ตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักและอภัยบาปเขา นี่คือท่าทีใหม่ที่เขาสัมผัสได้ถึงความเมตตากรุณาของพระองค์ เขาจึงจัดงานเลี้ยงใหญ่ต้อนรับพระองค์ที่บ้าน และจากงานเลี้ยงนี้พระองค์ได้เปิดเผยความจริงให้ทุกคนได้ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นเพื่อนกับคนบาปและเสด็จมาเพื่อตามหาคนบาป “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนไม่สบายต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ” (ลก 5:32)

เลวีได้ละทิ้งการเก็บภาษีติดตามพระเยซูเจ้าและเริ่มต้นชีวิตใหม่กลายเป็น “มัทธิว” ซึ่งหมายถึง “ของประทานของพระเจ้า” (The gift of God) เป็นหนึ่งในอัครสาวกสิบสองคนและผู้นิพนธ์พระวรสาร ที่ได้เขียนข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า ทำให้เราทราบเรื่องราวและคำสอนของพระองค์ โดยเฉพาะบทเทศน์บนภูเขาซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งพระวรสารของท่าน และความจริงเรื่องการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา ท่านจึงสรุปพระวรสารของท่านว่า “เราจะอยู่กับท่านเสมอไปจนสิ้นพิภพ”

ในพระวาจาวันนี้พระเยซูเจ้าได้เรียกเราแต่ละคนให้ติดตามพระองค์ ด้วยการละทิ้งชีวิตเก่าที่เต็มไปด้วยบาป และหันมาหาพระองค์ผู้เป็นองค์แห่งความรอด พระองค์ไม่ได้เรียกร้องให้เราเป็นคนดีเสียก่อนถึงจะติดตามพระองค์ได้ พระองค์ทรงทราบและเข้าใจดีถึงบาปและความอ่อนแอของเรา พระองค์จึงทรงเรียกเราแต่ละคนอย่างที่เราเป็นให้ติดตามพระองค์ แต่เราก็ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง เลียนแบบอย่าง และยึดคำสอนของพระองค์ ไม่ปล่อยตัวตามกระแสค่านิยมของโลก

มหาพรตเป็นช่วงเวลาของติดตามพระเจ้าอย่างใกล้ชิด ด้วยการการกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิตและหันกลับมาหาพระเจ้า ให้เราพยายามที่จะทำให้วันของพระเจ้าและชีวิตของเราศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ การศึกษาเกี่ยวกับศาสนา และการสวดสายประคำร่วมกันในครอบครัว เพื่อเราจะได้ชื่อว่าเป็นศิษย์และคริสชนแท้ ที่เลียนแบบและติดตามพระเยซูเจ้าอย่างใกล้ชิด

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
20 กุมภาพันธ์ 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น