วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บทเรียนจากชาวสะมาเรีย

บทเรียนจากชาวสะมาเรีย
จันทร์
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
ยนา 1:1-7; 2:1, 11
ลก 10:25-37
คำอุปมาเรื่องชาวสะเมเรียผู้ใจดี เป็นบทสรุปคำสอนในภาคปฏิบัติของพระเยซูเจ้าที่เกี่ยวข้องกับภาคปฏิบัติมากที่สุด ซึ่งมีแต่เฉพาะในพระวรสารนักบุญลูกาเท่านั้น และได้ตอบปัญหาของนักกฎหมาย “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” (ลก 10:29) คำตอบคือ “ใครก็ได้ที่ต้องการความช่วยเหลือ”  และได้ให้แนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน
ประการแรก เรามีหน้าที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าชายที่ถูกโจรปล้นประสบความเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของเขา เราเห็นชัดว่าเขาเป็นคนประมาท เดินทางคนเดียวโดยลำพังในเส้นทางที่รู้ดีอยู่แล้วว่าอันตราย ทำให้ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สะท้อนภาพความจริงแห่งชีวิตของเราแต่ละคนที่เป็นคนบาป ผิดพลาดเป็นประจำ  บางครั้งความผิดพลาดนั้นหนัก “เกือบสิ้นชีวิต” ในสภาพเช่นนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน
ประการที่สอง การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเป็นหลักปฏิบัติสำคัญอันดับแรก เราเห็นสมณะมีใจจดจ่อกับการปฏิบัติหน้าที่ตามจารีตพิธีในพระวิหาร ถือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเรื่องการเป็นมลทิน จนลืมความต้องการของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ศาสนาสำหรับเขาเป็นแต่เพียงการถือปฏิบัติตามจารีตพิธีอย่างครบถ้วนไม่มีที่ติ แต่ขาดมิติของชีวิตในความสัมพันธ์กับเพื่อนพี่น้อง
ประการที่สาม เราต้องช่วยเหลือคนเดือนร้อนแม้ต้องเสี่ยง ชาวเลวีไม่ยอมเสี่ยง เพราะเกรงว่าตนเองจะติดร่างแหไปด้วย  หากหมอไม่ยอมช่วยคนไข้เพราะกลัวติดโรคก็ไม่มีการรักษาเกิดขึ้น แต่หมอทั้งหลายยอมเสี่ยง เหตุผลหนึ่งที่เราไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่อยากเดือดร้อน คิดคำนวณดูแล้วไม่คุ้ม ทำให้เสียเวลา เสียงาน เสียอารมณ์ ที่สำคัญคือเสียเงิน  แต่พระเยซูเจ้าสอนว่า “อย่าชั่งน้ำหนัก อย่าคำนวณ แต่จงยอมแพ้ต่อความรัก”
ประการสุดท้าย บทเรียนจากชาวสะมาเรียที่ชาวยิวมองว่าเป็นคนบาป เขาได้กระทำในสิ่งที่คนเคร่งศาสนา ชื่อเสียงดี มีเกียรติภูมิไม่ทำกัน เขาเป็นคนช่วยเหลือชายบาดเจ็บเกือบสิ้นชีวิต  เขากระทำในสิ่งที่ให้ชีวิต  เข้าไปหา ปลอบโยน พันแผลให้ ช่วยพยุงขึ้นหลังสัตว์ เป็นธุระจัดการเรื่องที่พัก และจัดหาคนดูแล เขาเป็นคนต่างถิ่นที่เดินทางตามลำพัง ไม่มีทรัพย์สินมาก แต่ “ตาของเขาช่างสังเกตและหัวใจของเขาเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า”
ศิษย์พระคริสต์ต้องกล้าก้าวเดินในเส้นทางแห่งกระแสเรียกที่ตนได้เลือก ด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้าง โดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง ยอมให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า เพื่อเตัดสินได้ว่ามีสิ่งไหนที่เราสามารถทำได้ ในการทำให้คนที่ “เกือบสิ้นชีวิต” ที่เราพบมีชีวิตอยู่ต่อไป ที่สุด ขอให้คำสั่งของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด” (ลก 10:37) ปลุกเร้าหัวใจเราให้ทำเช่นเดียวกัน 
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
8 ตุลาคม 2017
ที่มาภาพ: https://providencemag.com/wp-content/uploads/849463109_orig.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น