วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แก่นแท้ของบทบัญญัติ

แก่นแท้ของบทบัญญัติ
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
ปี A
อพย 22:20-26
1 ธส 1:5-10
มธ 22:34-40
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่าในบั้นปลายชีวิตของนักบุญยอห์น ผู้นิพนธ์พระวรสาร เวลามีประชุมกลุ่มคริสตชนต้องมีผู้หามท่านไปยังที่ประชุม เนื่องจากสังขารที่อ่อนแรงทำให้ไม่สามารถเทศน์สอนได้นาน ท่านมักพูดซ้ำคำพูดสั้นๆ ว่า “ลูกรัก จงรักกันและกัน” บรรดาศิษย์รู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมานี้ และถามท่านว่าทำไมไม่พูดอย่างอื่นบ้าง ท่านตอบพวกเขาว่า “จงรักกันและกัน แค่นี้เพียงพอแล้ว”
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีได้ออกกฎเกณฑ์มากมาย เพื่อขยายความบทบัญญัติของพระเจ้า ในสมัยพระเยซูเจ้ามีธรรมบัญญัติมากถึง 613 ข้อ แยกเป็น “ข้อห้าม” 365 ข้อ และ “ข้อปฏิบัติ” 248 ข้อ ในหมู่ชาวยิวมีการถกเถียงกันมาช้านานว่า “ธรรมบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด” สำนักของฮิลเลล (Rabbi Hillel) พูดอย่างหนึ่ง สำนักของกามาลิเอล (Rabbi Gamaliel) พูดอีกอย่าง บรรยากาศเช่นนี้ทำให้มีผู้คาดหวังใครซักคนถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ พระเยซูเจ้าทรงเผชิญหน้ากับชาวฟาริสีและผู้นำทางการเมืองที่รวมตัวกันเล่นงานพระองค์ ต้องเสียภาษีแก่ซีซาร์หรือไม่ (มธ 22:15-22) ต้องเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของร่างกายหรือไม่ (มธ 22:23-33) พระวรสารวันนี้ชาวฟาริสีได้มาชุมนุมพร้อมกันหมายจับผิด และบัณฑิตทางกฎหมายคนหนึ่งได้ทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” (มธ 22:36) คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ทุกคนตาสว่างและเข้าใจถึงแก่นแท้ของบทบัญญัติ
1.        แก่นแท้ของบทบัญญัติ
พระเยซูเจ้าได้ตอบปัญหาของบัณฑิตทางกฎหมาย และได้ทำให้ปัญหาคาใจชาวยิวได้รับความกระจ่าง “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน... ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”  (มธ 22:37-38) นี่คือบทสรุปของพระวรสารหรือหลักคำสอนของพระองค์ ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ และทรงยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใดใหญ่กว่าสองประการนี้
พระเยซูเจ้าทรงวางบทบัญญัติสองประการเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ในความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ทรงขยายความหมายของคำว่า “เพื่อนมนุษย์” ให้กว้างออกไปสู่ทุกคน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องที่ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) ชีวิตมนุษย์เป็นของประทานจากพระเจ้า ให้เราสามารถเติบโตในความรักของพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ ถือเป็นศูนย์กลางของบทบัญญัติและต้องไปด้วยกันเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
นักบุญยอห์น อัครสาวก เป็นผู้ที่เข้าใจและอธิบายความสัมพันธ์ของบทบัญญัติสองประการได้ดีที่สุด ท่านได้ยืนยันกับศิษย์ของท่านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตว่า “จงรักกันและกัน” เพราะการรักเพื่อนมนุษย์เป็นหนทางนำไปสู่ความรักต่อพระเจ้า “ถ้าผู้ใดพูดว่า ฉันรักพระเจ้า แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมเป็นคนพูดเท็จ เพราะผู้ไม่รักพี่น้องที่เขาแลเห็นได้ ย่อมไม่รักพระเจ้าที่เขาแลเห็นไม่ได้ (1 ยน 4:20)
2.        บทเรียนสำหรับเรา
คำตอบของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตหลายประการ
ประการแรก เราต้องรักพระเจ้าสุดจิตใจ นี่เป็นบทสรุปบทบัญญัติสามประการแรก พระเยซูเจ้าทรงอ้างข้อความจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ (ฉธบ 6:5) และหนังสือเลวีนิติ (ลนต 19:18) นั่นหมายความว่าเราต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ความรักในพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายและสามารถรักผู้อื่นได้ เพราะพระเจ้าทรงรักเราก่อนโดยไม่แบ่งแยก ไม่มีเงื่อนไขและไร้ขีดจำกัด
ประการที่สอง เราต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง นี่เป็นบทสรุปบทบัญญัติที่เหลือ พระเยซูเจ้าทรงย้ำว่าความรักต่อเพื่อนมนุษย์เป็นหน้าที่สำคัญต่อพระเจ้า ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อผู้อื่น เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวที่ออกจากตัวเองและแบ่งปันกับทุกคน มิใช่แต่เฉพาะพวกพ้องที่เรารักเท่านั้น แต่กับทุกคนแม้กระทั่งศัตรู ความรักต่อผู้อื่นนำเราไปสู่พระเจ้าและทำให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าปรากฏเป็นรูปธรรม
ประการที่สาม เราต้องรักกันเหมือนพระเจ้าทรงรักเรา ความรักเป็นบัญญัติเดียวที่พระเยซูเจ้าทรงเน้นเป็นพิเศษ “นี่คือบทบัญญัติของเราให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12) ความรักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคริสตชน และเป็นเครื่องหมายที่บอกคนอื่นให้รู้ว่าเราเป็นศิษย์พระคริสต์ ความรักต้องเป็นมาตรฐานและเครื่องชี้วัดกิจการทุกอย่างที่เรากระทำ ดังคำกล่าวของนักบุญเอากุสตินที่ว่า “จงรักและกระทำสิ่งที่ความรักบอกให้ทำ”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้ให้คำตอบชัดเจนกับเราวันนี้ว่า การรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เป็นแก่นแท้ของชีวิตคริสตชน ไม่เพียงตอบคำถามของชาวฟาริสี แต่ยังได้ให้หลักปฏิบัติสำหรับเราทุกยุคทุกสมัย การรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ต้องเป็นแรงจูงใจและนำทางเราในคำพูดและการกระทำทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการให้อภัย การให้กำลังใจ การร่วมทุกข์ร่วมสุข และการแบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน
พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความหมายของความรักนี้เด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยแบบอย่างแห่งความรักบนไม้กางเขน “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่ กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13)  เราถูกเรียกร้องให้รักตามมาตรฐานของพระองค์ เพื่อให้ใกล้ชิดและเข้าอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ เราต้องเดินในหนทางแห่งความรักของพระองค์ทุกวัน มองเห็นพระองค์ในผู้อื่นและปฏิบัติกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระองค์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
28 ตุลาคม 2017
ภาพ: การช่วยผู้เหลือประสบภัยน้ำท่วม, บ้านซ่ง, นาแก นครพนม; 2017-08-05

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ
    อ่านบทความของคุณพ่อเป็นประจำ
    ได้ข้อคิด เข้าใจง่าย มีภาคปฎิบัติ
    จะติดตามต่อไป

    ตอบลบ