วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า

สมโภชปัสกา
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพ
จงชื่นชมยินดีเถิด
กจ 10:34ก, 37-48
คส 3:1-4
ยน 20:1-9
 การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า

บทนำ

เออร์เนส กอร์ดอน (Ernest Gordon) หนึ่งในเชลยที่รอดชีวิตจากการสร้างทางรถไฟสายมรณะ ได้เขียนหนังสือ Through the Valley of the Kwae เกี่ยวกับชีวิตเชลยฝ่ายสัมพันธมิตรในค่ายทหารญี่ปุ่นที่ถูกบังคับให้สร้างทางรถไฟข้ามแม่น้ำแควไปประเทศพม่า กล่าวกันว่าไม้หมอนแต่ละท่อนของทางรถไฟสายนี้ปูด้วยชีวิตของบรรดาเชลยประมาณ 12,000 คนที่ต้องสังเวยชีวิตในระหว่างการก่อสร้าง

กอร์ดอน เขียนว่าศัตรูที่ร้ายกาจไม่ใช่ทหารญี่ปุ่น ไข้ป่าหรืองานที่หนักเยี่ยงทาส แต่เป็นตัวของพวกเขาเองที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด พวกญี่ปุ่นได้ทำให้พวกเขาหวาดระแวงกันเอง จนถึงกับต้องขโมยสิ่งของเครื่องใช้ของกันและกัน มีความไม่ไว้ใจกันและฟ้องร้องกล่าวโทษกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ได้มีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น เชลยสองคนได้รวมตัวกันศึกษาพระคัมภีร์ จากการอ่านพระวรสารวันละเล็กละน้อย พวกเขาได้ค้นพบว่า พระเยซูเจ้าทรงพระชนม์อยู่และประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขา

บรรดาเชลยเริ่มพบว่าพระเยซูเจ้าทรงเข้าใจและอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับพวกเขา เนื่องจากพระองค์ไม่มีที่จะวางศีรษะ ทรงหิว ทรงอ่อนเพลีย ทรงถูกทรยศ และทรงเจ็บปวดจากการถูกเฆี่ยนเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงเป็น ถ้อยคำที่พระองค์ตรัส และกิจการที่พระองค์ทรงกระทำเริ่มเป็นที่รับรู้และมีชีวิต ทำให้พวกเขาตระหนักว่าตนเองไม่ใช่เหยื่อของความทารุณโหดร้ายอีกต่อไป พวกเขาหยุดฟ้องร้องและทำลายกัน เริ่มภาวนาเพื่อกันและกัน ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นในค่ายกักกัน นำความแปลกใจมาสู่พวกญี่ปุ่นและเชลยด้วยกัน

1. ข่าวดีแห่งปัสกาในใจเรา

พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพแล้ว นี่คือ “ข่าวดีแห่งปัสกา” พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพระเยซูเจ้าเหมือนที่พระองค์ทรงรู้สึกขณะถูกตรึงบนกางเขน ผ่านทางงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า พระเจ้าได้เปิดประตูแห่งความรอดพ้นสำหรับเรา พระเจ้าทรงสัญญาว่าหากเรามาหาพระองค์ผ่านทางพระเยซูเจ้า ผู้เป็นหนทาง ความจริง และชีวิต (ยน 14:6) เราก็จะได้รับการยกขึ้นและได้รับเกียรติเช่นเดียวกับพระองค์

ข่าวดีแห่งปัสกาไม่ใช่การระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต พันธกิจของเราคือการเป็นพยานถึงปัจจุบันในชีวิตประจำวัน เป็นพยานให้เห็นว่าพระเจ้าได้ทรงทำงานที่น่าอัศจรรย์แม้ในปัจจุบัน ในตัวบุคคลที่วางใจในพระองค์ พระเจ้าทรงสร้างสิ่งใหม่ในตัวเราผ่านทางศีลล้างบาป และนำเราให้เป็นอิสระจากจากบาปและความตาย ทำให้เราเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความเกลียดชัง

เราแต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระกายที่กลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ปัจจุบันพระองค์ยังทรงทำงานในตัวเราและผ่านทางเรา เราจะต้องเป็นเครื่องมือที่ดีในการสานต่อพันธกิจของพระองค์ ธรรมล้ำลึกปัสกาควรได้รับการเฉลิมฉลองในใจเรา หากเรายอมให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในเพื่อนพี่น้อง การสมโภชปัสกาจะเป็นความจริงในชีวิตประจำวันของเรา

2. ความหมายของปัสกาสำหรับเรา

เรื่องราวความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในค่ายกักกันของทหารญี่ปุ่น คือภาพที่สวยงามที่ให้ความกระจ่างถึงความหมายของปัสกาที่เราเฉลิมฉลองในวันนี้ ปัสกาคืออัศจรรย์ที่ทำให้บรรดาเชลยไว้ใจกัน หลังจากที่เคยสงสัยไม่ไว้ใจกัน ปัสกาคืออัศจรรย์ที่ทำให้บรรดาเชลยแบ่งปันกันด้วยใจกว้าง หลังจากเคยขโมยของกัน ปัสกาคืออัศจรรย์ที่ทำให้บรรดาเชลยช่วยเหลือกัน หลังจากที่เคยฟ้องร้องกล่าวโทษกัน

ปัสกาคืออะไรสำหรับเรา ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของบรรดาเชลยในค่ายกักกัน สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันในชีวิตของเรา อีกทั้ง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในโลกด้วย เราควรทำเช่นเดียวกับบรรดาเชลยเหล่านั้น ด้วยการเปิดใจของเราให้กับพระหรรษทานของพระเยซูเจ้า ผู้ทรงชนะบาปและความตาย “ข่าวดีแห่งปัสกา” คือข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระองค์ ซึ่งเราสามารถแบ่งปันและมอบให้แก่กันในขณะปัจจุบัน

ปัสกาได้เชื้อเชิญเราให้เปิดใจต่อพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ เพื่อให้พระองค์ทรงทำงานในตัวเราเช่นเดียวกับที่ทรงกระทำในค่ายกักกัน ข่าวดีแห่งปัสกาเชื้อเชิญเราให้ไว้ใจกันอีกครั้ง หลังจากความไว้ใจนี้ถูกทำลายเพราะการทรยศหักหลัง ข่าวดีแห่งปัสกาเชื้อเชิญเราให้รักกันอีกครั้ง หลังจากความรักนี้ถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชังและความเห็นแก่ตัว ข่าวดีแห่งปัสกาเชื้อเชิญเราให้มีความหวังอีกครั้ง หลังจากความหวังนี้พังทลายลงจนกลายเป็นความสิ้นหวัง

นี่คือ ข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ที่ทรงพระชนม์อยู่และประทับอยู่ท่ามกลางเราขณะนี้ เป็นข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงชนะบาปและความตาย รวมถึงความชั่วในตัวเราหากเราเปิดใจให้พระองค์ช่วยเหลือ เป็นข่าวดีที่พระเยซูเจ้าพร้อมจะทำอัศจรรย์ในตัวเรา หากเราปล่อยให้พระองค์ทำงาน เป็นข่าวดีที่ไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายเราได้อีก ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวด ความทุกข์โศก การถูกปฏิเสธ บาปหรือความตายในตัวมันเอง

บทสรุป

บรรดาอัครสาวกได้เป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า นักบุญเปโตรได้ประกาศว่า “เราทั้งหลายเป็นพยานถึงกิจการทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในเขตแดนของชาวยิวและที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาประหารพระองค์โดยตรึงบนไม้กางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม” (กจ 10:39-40)

นี่คือความเชื่อของเราที่ได้รับการยืนยันจากเปโตรและบรรดาอัครสาวก เราคริสตชนถูกเรียกร้องให้

เป็นผู้ส่งสารแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า คริสตชนแต่ละคนได้รับมอบหน้าที่ในการประกาศข่าวดีที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพและทำให้ชีวิตของเขาเป็นชีวิตใหม่

เป็นพยานถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ดำเนินชีวิตในความรักต่อกันตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า ผู้เป็นศิลาหัวมุมแห่งความเชื่อ ความหวัง และความยินดี

ตายพร้อมกับพระเยซูเจ้า ด้วยการะทิ้งชีวิตเก่าและตายต่อตัวเองพร้อมกับพระองค์ เพื่อเราจะได้มีชีวิตใหม่และกลายเป็นสิ่งสร้างใหม่ของพระองค์

ความเชื่อในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ความรักในพระองค์และความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ควรเป็นเหมือนกับตะเกียงที่ส่องสว่างและนำบุคคลอื่นให้มาพบกับพระเยซูเจ้า อีกทั้ง ข่าวดีแห่งปัสกาควรได้รับการแสดงออกในชีวิตของเรา ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เราประกาศถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ให้เราได้ประกาศความจริงนี้อีกครั้งในชีวิตประจำวันของเรา

สุขสันต์วันปัสกา! Happy Easter! Buona Pasqua!

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
23 เมษายน 2011

1 ความคิดเห็น: