วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

พลังของความเชื่อ

วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
อสย 65:17-21
ยน 4:43-54

 พลังของความเชื่อ

มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งขึ้นไปบนหน้าผาสูงชันเพื่อชมพระอาทิตย์ยามเช้าทำให้เขาพลัดตกจากหน้าผา แต่ก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงสู่ก้นเหวเขาคว้ากิ่งไม้ได้ทันและแขวนอยู่เป็นเวลานาน สักพักเขาได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังมาจึงร้องว่า “มีใครอยู่ข้างบนไหม ช่วยผมด้วย” มีเสียงตอบกลับมาว่า “เราอยู่นี่ เราเป็นพระเจ้าของเจ้า” ชายคนนั้นพูดด้วยความดีใจว่า “ข้าแต่พระองค์ ลูกดีใจที่พระองค์มา ช่วยลูกด้วย ลูกไม่สามารถจะยึดกิ่งไม้ได้ต่อไปอีกแล้ว”

พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “ก่อนที่จะช่วยเจ้า เราต้องการรู้ว่าเจ้าเชื่อเราไหม” ชายคนนั้นตอบทันทีว่า “ข้าแต่พระองค์ ลูกเชื่อพระองค์อย่างแน่นอน ลูกไปวัดทุกวันอาทิตย์ ลูกอ่านพระคัมภีร์และภาวนาทุกวัน รวมทั้งให้ทานทุกครั้งที่ไปร่วมพิธีมิสซา” พระเจ้าตรัสว่า “แต่เจ้าไม่ได้เชื่อเราอย่างแท้จริง” ชายผู้นั้นยืนยันหนักแน่นว่า “ข้าแต่พระองค์ ลูกเชื่อพระองค์” พระเจ้าตรัสว่า “ดี งั้นก็ปล่อยมือสิ” เมื่อเห็นเขายังลังเลพระองค์จึงตรัสว่า “หากเจ้าเชื่อเราก็จงปล่อยมือซะ” ชายคนนั้นเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ร้องเสียงดังกว่าเดิมว่า “ยังมีใครอยู่ข้างบนอีกไหม”

ในเวลาที่เราเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต เรายังคงเชื่อในพระเจ้าหรือเปล่า พระวรสารโดยนักบุญยอห์นวันนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของข้าราชการชาวคาร์เปอร์นาอุม ซึ่งเป็นคนต่างศาสนาที่เข้ามาหาพระองค์เพื่อให้รักษาบุตรชายของเขาที่กำลังป่วย จากเหตุการณ์นี้ได้แสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อนำความรอดมาสู่ทุกคน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา แต่ทรงต้อนรับทุกคน

ข้าราชการคนนั้นต้องการให้พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่บ้านพร้อมกันกับเขา เพื่อจะได้รักษาบุตรชายของตน แต่พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเขา “ถ้าท่านทั้งหลายไม่เห็นเครื่องหมายและอัศจรรย์แล้ว ท่านจะไม่เชื่อเลย” (ยน 4:48) ทำไมพระเยซูเจ้าจึงตรัสเช่นนั้น พระองค์ต้องการสอนว่าจำเป็นที่เราจะต้องมีความเชื่อที่แท้จริง ข้าราชการคนนั้นเชื่อเพียงว่าถ้าพระองค์ไปกับเขาที่บ้าน เขาคงได้เห็นพระองค์รักษา นี่คือลักษณะของมนุษย์เราทุกคนที่อยากเห็นอัศจรรย์ด้วยตาตนเอง อันแสดงถึงการขาดความเชื่อ

ข้าราชการคนนั้นยังคงคะยั้นคะยอให้พระเยซูเจ้าไปที่บ้าน มิฉะนั้นบุตรของเขาคงจะสิ้นใจ แต่พระองค์ทรงเรียกร้องความเชื่อที่แท้จริงจากเขา “ไปเถิด บุตรของท่านพ้นอันตรายแล้ว” พระวาจาของพระองค์คืออัศจรรย์ที่ไม่ต้องมีเครื่องหมายหรืออาศัยสิ่งพิเศษอื่นอีก ชายคนนั้นเชื่อในพระวาจาของพระองค์และกลับบ้าน ผลของความเชื่อในพระวาจานี้ทำให้บุตรชายของเขาได้รับการรักษา และนี่เป็นอัศจรรย์ครั้งที่ 2 ที่พระองค์กระทำที่หมู่บ้านคานา

พระวาจาวันนี้เตือนเราให้ต้อนรับพระเยซูเจ้าในชีวิตของเรา ไม่ใช่อย่างข้าราชการคนนั้นที่หวังให้พระองค์รักษาบุตรชายของตน แต่ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ไม่เพียงเชื่อในพระวาจาของพระองค์เท่านั้น แต่จะต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับความเชื่อในชีวิตประจำวัน เป็นต้นในความรักต่อเพื่อนพี่น้องโดยไม่แบ่งแยกและในการให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง เทศกาลมหาพรตนี้ขอให้เรามีความเชื่อในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ผ่านทางการฟังพระวาจาของพระองค์และการภาวนาสม่ำเสมอ เช่นนี้จะทำให้เราพบกับพระเจ้าและความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ในชีวิตของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
15 มีนาคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น