วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

การพิพากษาโดยเบาความ

วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต
ดนล 13:41ค-62
ยน 8:12-20
 การพิพากษาโดยเบาความ

ดาเนียล เป็นประกาศกคนหนึ่งที่พูดในนามของพระเจ้า เป็นผู้ตัดสินและผู้นำของอิสราแอล เรื่องราวเกี่ยวกับนางสุสันนาที่ถูกกล่าวหาโดยเบาความว่ากระทำผิดประเวณีที่เราได้ยินในบทอ่านแรก ได้แสดงให้เห็นถึงความปรีชาฉลาดของดาเนียล นี่คือหนึ่งในนิทานปรัมปราหลายเรื่องเกี่ยวกับดาเนียลในช่วงประมาณหนึ่งศตวรรษก่อนคริสตกาล ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งของม้วนหนังสือที่ค้นพบที่กุมรานในทะเลตาย

พระคัมภีร์ตอนนี้ได้เล่าถึงเฒ่าหัวงูสองคนที่หลงใหลในกามตัณหา พวกเขาได้ทำลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาวมานักต่อนัก ใครที่ไม่ยอมก็จะถูกปรักปรำถึงตายด้วยการทุ่มหินตามกฎของโมเสส ผู้เฒ่าสองคนคือตัวแทนของความฉ้อฉลในหมู่ผู้นำชาวยิว ส่วนนางสุสันนา ชื่อของเธอหมายถึงดอกลิลลี่ซึ่งสื่อความหมายถึงความบริสุทธิ์ เธอจึงเป็นตัวแทนของผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกล่าวหาโดยเบาความและไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม

ตามกฎของโมเสส หญิงที่ถูกจับได้ว่ากระทำผิดประเวณีจะต้องถูกทุ่มหินให้ตาย แต่จะต้องเป็นความผิดที่ชัดแจ้งหลังจากได้ผ่านการสอบสวนแล้ว แต่ในกรณีของนางสุสันนาเธอถูกปรักปรำโดยเฒ่าหัวงูสองคน ด้วยเหตุผลที่เธอไม่สนองตอบความต้องการของพวกเขา เธอได้ร้องขอความยุติธรรมจากพระเจ้า พระองค์ทรงฟังเสียงของเธอและได้ดลใจให้ดาเนียลมาช่วยเธอให้ได้รับความยุติธรรม

เรื่องราวของนางสุสันนาถูกนำมาคู่กันกับเรื่องของหญิงที่ถูกจับได้ขณะล่วงประเวณี ที่ถูกนำมาอยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าในพระวรสาร (ยน 8:1-11) พระเยซูเจ้ากับดาเนียลจึงเป็นรูปหมายที่คล้ายกันของการเป็นผู้พิพากษาและประกาศก แต่หญิงสองคนที่ตกเป็นเหยื่อมีที่มาต่างกัน นางสุสันนาเป็นผู้บริสุทธิ์ ขณะที่หญิงในพระวรสารถูกจับขณะล่วงประเวณี ดาเนียลได้ช่วยนางสุสันนาให้ได้รับความยุติธรรม และพระเยซูเจ้าได้หาวิธีช่วยหญิงนั้นให้พ้นโทษเช่นกัน

พระเยซูเจ้าทรงให้ความเคารพโมเสสอย่างลึกซึ้ง แต่พระองค์ได้ปฏิรูปกฎของโมเสสหลายข้อ และหนึ่งในจำนวนนั้นคือการทุ่มหินให้ตายสำหรับหญิงที่ถูกจับได้ว่าล่วงประเวณี พระเยซูเจ้าได้ปกป้องหญิงนั้นและไม่ทรงต้องการให้หนึ่งชีวิตต้องถูกทำลายไปด้วยวิธีการดังกล่าว ในทางตรงข้าม พระองค์ทรงต้องการให้มนุษย์ปรับปรุงตนเองด้วยการเปลี่ยนแปลงชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความรักและพระเมตตาอันล้นพ้นของพระเจ้า

นี่คืองานที่ลำบากและท้าทายในวัฒนธรรมของชาวยิวและผู้คนในตะวันออกกลาง ที่ต้องการเห็นคนบาปถูกทำลายและขจัดออกจากสังคม แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ต้องให้อภัย ช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจ และให้โอกาสเขาในการเปลี่ยนแปลงชีวิต นี่คือสิ่งใหม่สำหรับชาวยิวโดยเฉพาะพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีที่รับไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการทำลายคนบาปให้ตายตามกฎหมายเท่านั้น และนี่คือชะตากรรมที่พระเยซูเจ้าได้รับในวาระสุดท้าย

เรื่องราวของนางสุสันนา สะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่ากิเลศตัณหาเป็นพยศชั่วอย่างหนึ่งในตัวมนุษย์ หากไม่รู้จักบังคับควบคุมก็จะทำลายตัวเองและคนรอบข้าง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและความเมตตากรุณา พระองค์ไม่ปรารถนาให้คนบาปถูกลำลายหรือพินาศไป บทเรียนสำหรับเราก็คือ เรามีท่าทีอย่างไรต่อคนบาปหรือผู้ที่ทำผิดต่อเรา เราได้ตัดสินหรือพิพากษาคนอื่นโดยเบาความไหม และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผ่านทางศีลอภัยบาปหรือเปล่า

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
22 มีนาคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น