วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

กางเขน หนทางแห่งชัยชนะ

วันเสาร์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต
อสค 37:21-28
ยน 11:45-56
 กางเขน หนทางแห่งชัยชนะ

พระวรสารวันนี้คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการกลับคืนชีพของลาซารัส เครื่องหมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำกับลาซารัสได้กลายเป็นเรื่องโจษขานไปทั่ว ทำให้พระองค์เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนและหลายคนเชื่อในพระองค์ เป็นสาเหตุให้บรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีต้องเรียกประชุมสภาเพื่อหาทางกำจัดพระองค์ ด้วยกลัวว่าหากปล่อยไว้ทุกคนจะพากันเชื่อพระองค์ อันเป็นที่มาของข้อเสนอของคายาฟาส มหาสมณะในปีนั้นที่ต้องการให้ใครคนหนึ่งตายเพื่อทุกคน ชนทั้งชาติจะได้ไม่พินาศ ถือเป็นข้อเสนอเพื่อส่วนรวมแต่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ส่วนตัวที่เหมือนกันทุกยุคทุกสมัย

แต่สำหรับนักบุญยอห์น ข้อเสนอนี้มีความหมายลึกซึ้งทางเทววิทยามากกว่านั้น เพราะแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะให้บุตรของพระองค์ต้องเสียไปแม้สักคนเดียว โดยมองว่าการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าเป็นการให้ชีวิตแก่โลก (เทียบ ยน 6:51) และเพื่อเป็นการปกป้องฝูงแกะของพระเจ้า (เทียบ ยน 10:11-15) อีกทั้ง เพื่อทำให้บรรดาศิษย์ศักดิ์สิทธิ์ไปในความจริง (เทียบ ยน 17:19) ทั้งนี้เพื่อจะได้นำบุตรพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปให้มาเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นการทำให้คำทำนายของประกาศกเอเสเคียลเป็นความจริง จะมีแกะแต่ฝูงเดียวและนายชุมพาแต่ผู้เดียว (อสค 34:12-13)

พระวรสารวันนี้เป็นการเตรียมสำหรับพระมหาทรมานและการตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า การที่พวกเขาตัดสินใจที่จะประหารพระองค์ ได้นำพระองค์สู่หนทางแห่งชัยชนะซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกหนทางนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ความตายจึงมิใช่จุดจบของทุกสิ่งอย่างที่พวกเขาต้องการแต่นำความรอดพ้นมาสู่มนุษยชาติ พระองค์ทรงเลือกหนทางแห่งไม้กางเขนเพื่อนำชัยชนะคือความรอดพ้นนี้มาสู่เราแต่ละคน นั่นคือ ชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของมนุษย์ เพื่อจะบรรลุถึงเป้าหมายสุดท้ายนี้จำเป็นต้องผ่านหนทางแห่งไม้กางเขน

ให้เราแต่ละคนได้พิจารณารำพึงข้อเสนอของคายาฟาส “ถ้าคนหนึ่งจะตายเพื่อประชาชน จะเป็นประโยชน์มากกว่าที่ชนทั้งชาติจะต้องพินาศไป” เราแก้ปัญหาความสัมพันธ์กับผู้อื่นที่เรากำลังเผชิญในแต่ละวันบนพื้นฐานของอะไร ผลประโยชน์ส่วนตัวหรือความรักต่อเพื่อนพี่น้อง หากเรายึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งก็เท่ากับว่าเราได้ทำให้ข้อเสนอของคายาฟาสสมเหตุสมผล ในทางกลับกัน หากเราพยายามทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ความรักต่อเพื่อนพี่น้อง เรากำลังทำเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า

พวกมหาสมณะและชาวฟาริสีได้หยิบยกเอา “ลัทธิชาตินิยม” ขึ้นมาเป็นเหตุผลหลักในการกำจัดพระเยซูเจ้า โดยอ้างว่าพระองค์เป็นสาเหตุที่จะทำให้กองทัพโรมันยกทัพมาเข่นฆ่าพวกเขาและทำลายพระวิหาร แต่ในความเป็นจริงคือพวกเขาอิจฉาริษยาพระเยซูเจ้า เพราะกลัวจะสูญเสียคะแนนนิยมและอำนาจอันหอมหวนไป ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันเราเป็นเหมือนพวกมหาสมณะและชาวฟาริสีหรือเปล่า หวังดีแต่ประสงค์ร้าย กลัวว่าคนอื่นจะเด่นหรือเป็นที่นิยมชมชอบมากกว่าเรา จึงมีคำพูดในลักษณะที่ว่า “จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน” (หลวงวิจิตรวาทการ)

พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์หลายอย่าง ปราศจากพระองค์การฉลองปัสกาไม่มีความหมายใดๆ ดังนั้น ในวันนี้ให้เราถามตัวเองเหมือนพวกมหาสมณะและชาวฟาริสีว่า “พวกเราจะทำอย่างไรดี” เพื่อให้กางเขนเป็นหนทางแห่งชัยชนะสำหรับชีวิตของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการน้อมรับความยากลำบากต่างๆ ในชีวิตเพื่อร่วมส่วนในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าที่กำลังจะมาถึง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
27 มีนาคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น