สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
อสย 49:8-15
ยน 5:17-30
รักแท้นิรันดร
เล่ากันว่า ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการจัดการกับผู้ก่อความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ เช่น ประหารชีวิตทันทีหากจับได้ว่าก่อความไม่สงบ มีครั้งหนึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดสดกาญจนบุรี จอมพลสฤษดิ์ได้สั่งให้ตำรวจจับตัวผู้ลอบวางเพลิงและสั่งประหารชีวิตทันทีกลางตลาดนั่นเอง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ก่อนที่ตำรวจจะลงมือประหารชีวิต ปรากฏมีผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ระร่ำระลักท่ามกลางฝูงชนที่มามุงดูว่า “อย่าฆ่าเขาๆ” และพยายามเข้าไปขอร้องตำรวจ แต่ตำรวจยืนยันว่า เด็กหนุ่มคนนี้ทำผิดลอบวางเพลิงก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ต้องประหารตามคำสั่งของผู้นำประเทศ หญิงคนนั้นยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจ พร้อมกับบอกว่า “อย่าฆ่าเขา เขาเป็นลูกของฉันๆ” และเมื่อตำรวจประหารเด็กหนุ่มคนนั้นเธอก็เป็นลมล้มพับไป
กล่าวกันว่า รักแท้นิรันดรคือความรักของแม่ หัวใจของแม่พองโตและยิ่งใหญ่จนมองไม่เห็นความผิดใดๆ ที่ลูกทำ สิ่งที่แม่มองเห็นตลอดเวลาคือความเป็นลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรความรักของแม่ไม่เคยแปรเปลี่ยน ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกจนถึงวันสุดท้ายที่ตายจากกัน ลูกก็ยังคงเป็นลูกและอยู่ในหัวใจแม่เสมอมา ประกาศกอิสยาห์จึงอุปมาความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติดังความรักของแม่ ที่ให้อภัยไม่สิ้นสุดและมองข้ามความผิดของลูกทุกอย่าง
เวลาใดก็ตามที่เรารู้สึกผิดหวังหรืออยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ หากเราได้อ่านหนังสือของประกาศกอิสยาห์ เราจะได้รับความบรรเทา โดยเฉพาะบทอ่านของวันนี้ซึ่งถือเป็นตอนที่มีความหมายมากที่สุดตอนหนึ่ง จัดเป็นตอนที่ให้ความบรรเทา ให้กำลังใจ และให้ความหวังสำหรับอนาคต “จงร้องด้วยความปลื้มปิติ เพราะพระเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์ และทรงเมตตาสงสารผู้ที่ได้รับความทุกข์ร้อน”
นี่คือพันธสัญญาของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ ที่ทำให้ประกาศกอิสยาห์มีความหวังและมองโลกในแง่ดีเพราะพระเจ้าทรงสัญญาว่า จะประทานอิสรภาพแก่เชลยและประทานอาหารแก่ผู้ที่หิวโหย ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแต่ตลอดนิรันดร เป็นรักนิรันดร์ที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยนเหมือนความรักของแม่ที่มีต่อบุตรสุดที่รักของนาง แม้ว่าความรักของแม่อาจเปลี่ยนไป ดังในปัจจุบันที่แม่อาจลืมและฆ่าลูกของตัวเองได้ แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าความรักของพระองค์จะมั่นคง “เราจะไม่ลืมเจ้าเลย”
พระเยซูเจ้าทรงทำให้ “รักนิรันดร” ของพระเจ้าปรากฏเป็นจริงในชีวิตและคำสอนของพระองค์ ในการรักษาคนเจ็บป่วยแม้ในวันสับปาโต พระองค์ทรงยืนยันกับเราในพระวรสารวันนี้ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทำคือพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า พระองค์ไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ แต่ทรงกระทำตามที่เห็นพระบิดาทรงกระทำ เพราะพระองค์ทรงเป็นอยู่ เท่าเสมอ และเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวยิวรับไม่ได้ จึงหาช่องทางกำจัดพระองค์
ขณะพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับพระนางมารีอา พระมารดาของพระองค์ว่า “แม่ไม่รู้หรือว่าลูกกำลังทำธุรกิจของพระบิดา” และพระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงความจริงข้อนี้ว่า พระองค์กำลังทำงานของพระบิดาอย่างต่อเนื่อง งานซึ่งพระบิดาได้มอบให้พระองค์ทำ “เพราะเรามิได้แสวงหาที่จะทำตามใจของเรา แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” (ยน 5:30)
ในฐานะคริสตชนเราได้รับมอบหมายงานหลายอย่างให้กระทำ เป็นพันธกิจที่เราจะต้องทำให้สมบูรณ์ ไม่แสวงหาหรือทำตามน้ำใจของเรา แต่แสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้า ดังที่พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำอย่างซื่อสัตย์จนถึงความตายบนกางเขน เราถูกเรียกร้องให้ทำเช่นเดียวกัน โดยไม่หวั่นเกรงความยากลำบากใดๆ และมั่นใจในความรักของพระเจ้าที่ไม่ทรงลืมเราอย่างแน่นอน และจะไม่ทรงลืมเรา ตลอดไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
17 มีนาคม 2010
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น