สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
อพย 32:7-14
ยน 5:31-47
พยานทั้งห้าที่พระเยซูเจ้าอ้างถึง
การที่พระเยซูเจ้ารักษาคนเจ็บป่วยในวันสัปบาโตและเอ่ยนามพระบิดาเจ้า ทำให้ชาวยิวรับไม่ได้และไม่เชื่อในพระองค์ พระวรสารของวันนี้เราจึงได้เห็นพระเยซูเจ้าได้เอ๋ยนามพยานทั้งห้า เพื่อยืนยันความจริงเกี่ยวกับพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธกิจแห่งพระเจ้าในตัวพระองค์ พยานเหล่านี้ได้ประกาศว่าพระองค์เป็นพระผู้ไถ่ และได้เป็นพยานถึงความจริงเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อประชาชนจะได้ยอมรับและเชื่อในพระองค์
พยานแรก พระเจ้าพระบิดา ที่ทรงส่งพระเยซูเจ้ามา งานที่พระองค์ทรงกระทำอยู่เป็นเครื่องยืนยันว่าพระบิดาได้ทรงส่งพระองค์มา เฉพาะผู้ที่มีพระวาจาของพระเจ้าในจิตใจเท่านั้นจึงจะสามารถเห็นถึงการเป็นพยานของพระบิดาเจ้า “พระบิดาทรงส่งเรามา ทั้งทรงเป็นพยานถึงเราอีกด้วย”
พยานที่สอง ยอห์น บัปติสต์ ซึ่งเป็นพยานมนุษย์ที่ประชาชนยอมรับ ยอห์นได้ชี้ให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าคือผู้ที่เสด็จมา “นี่คือลูกแกะพระเจ้า” อีกทั้งยังบอกให้ศิษย์ของท่านติดตามพระองค์ในฐานะผู้นำคนใหม่ ส่วนท่านเป็นแต่เพียงผู้นำทางหรือเสียงร้องในที่เปลี่ยว “พระองค์จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้อยลง”
พยานที่สาม งานที่น่ามหัศจรรย์ ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ อาทิ การรักษาคนเจ็บป่วย อัศจรรย์และเครื่องหมายต่างๆ เหล่านี้คือเครื่องยืนยันว่าพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่ายอห์น พระองค์คือพระเจ้าที่เท่าเสมอพระบิดา งานที่พระองค์ทรงกระทำประกาศตัวมันเองเพราะ “ท่านจะรู้ผลไม้ได้ก็ด้วยผลของมัน”
พยานที่สี่ หนังสือพระคัมภีร์ ได้แก่ เพลงสดุดี หนังสือปรีชาญาณ และหนังสือประกาศก พระเยซูเจ้าทรงบอกผู้ฟังของพระองค์ให้แสวงหาความจริงในพระคัมภีร์ที่อ้างถึงพระองค์ การเสด็จมาของพระองค์คือการทำให้คำทำนายเกี่ยวกับพระองค์ในพระพันธสัญญาเดิมเป็นความจริง
พยานที่ห้า โมเสส พระเยซูเจ้าได้อ้างประกาศกผู้ยิ่งใหญ่อย่างโมเสส ผู้ประทานบัญญัติที่ชาวยิวนับถือ โมเสสได้อ้างถึงการเสด็จมาของพระผู้ไถ่ ซึ่งพระเยซูเจ้าได้เตือนพวกเขาว่าข้อความตอนนี้เขียนถึงพระองค์ อีกทั้งในการจำแลงพระกายที่ภูเขาทาบอร์ โมเสสและเอลียาห์ได้ปรากฏมาหาพระองค์
พยานเหล่านี้คือคำตอบสำหรับชาวฟาริสีที่ปฏิเสธการรักษาคนเจ็บป่วยในวันสัปบาโตของพระเยซูเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้รู้ถึงพระญาณสอดส่องของพระเจ้า ความรักที่ห่วงใยของพระเจ้าที่มีต่อบุตรของพระองค์ ความเชื่อของเราคริสตชนในองค์พระเยซูเจ้าอยู่ในระดับใดของชีวิต หากอยู่เพียงระดับความรู้ทางสติปัญญาเหมือนฟาริสี มหาพรตก็เป็นเพียงการปฏิบัติตามปฏิทินของพระศาสนจักร ไม่ได้มีคุณค่าใดๆ ต่อชีวิตของเรา
ดังนั้น ขอให้เราทำอย่างนักบุญอัลแซล์ม นักปราชญ์ของพระศาสนจักรที่แสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อว่าจะได้รักพระองค์ให้มากขึ้น เช่นนี้ ชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนแปลงไปในหนทางแห่งความรอดและถูกต้องชอบธรรม อีกทั้งเทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นการเตรียมจิตใจเราสำหรับการฉลองปัสกา ก็จะมีความหมายสำหรับชีวิตเรามากกว่าทุกปี
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
18 มีนาคม 2010
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น