วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

การตื่นเฝ้าและรอคอยการกลับคืนชีพ

วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
คืนตื่นเฝ้าปัสกา
เสกน้ำเสกไฟ
อพย 14:15-15:1
รม 6:3-11
มธ 28:1-10

 การตื่นเฝ้าและรอคอยการกลับคืนชีพ

วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคืนที่คริสตชนทั่วโลกตื่นเฝ้าและรอคอยการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าด้วยความหวัง นักบุญเอากุสตินได้ให้คำจำกัดความการฉลองวันนี้ว่า เป็นหัวใจของปีพิธีกรรมและศูนย์กลางของการฉลองใดๆ ในพระศาสนจักร เนื่องจากเป็นค่ำคืนที่พระเยซูเจ้าทรงชนะบาปและความตาย อันเป็นปัสกายิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงผ่านจากความตายไปสู่ชีวิตนิรันดร ถือเป็นเทศกาลแห่งการเกิดใหม่และความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริงในพระศาสนจักร

บทอ่านต่างๆ ก่อนพระวรสารได้เล่าให้เห็นถึงประวัติศาสตร์แห่งความรอด พระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างดีแต่มนุษย์ได้ทำบาป กระนั้นก็ดี พระเจ้ายังทรงสัญญาจะช่วยมนุษย์และทรงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่กระทำกับประชากรของพระองค์ ช่วยพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ พระวาจาของพระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงพระทัยกรุณาและความรักนิรันดร์ของพระองค์ น้ำที่ชาวอิสราแอลข้ามผ่านในหนังสืออพยพ นักบุญเปาโลได้เปรียบเทียบกับน้ำล้างบาปและเตือนเราให้ระลึกว่า “เราทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปเดชะพระคริสตเยซู ก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ด้วย” (รม 6:3)

บทอ่านวันนี้ ได้แสดงให้เราเห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์และวันอาทิตย์ปัสกา พระทรมานและการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้ก่อให้เกิดธรรมล้ำลึกปัสกา “พระคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ พระคริสต์เจ้าทรงกลับคืนชีพ และพระคริสตเจ้าจะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง” อาศัยการสิ้นพระชนม์พระองค์ได้ทำลายความตายของเรา และแสดงให้เห็นถึงความนอบน้อมเชื่อฟังของพระองค์ต่อพระบิดา อาศัยการกลับคืนชีพพระองค์ได้ฟื้นฟูชีวิตของเราให้ดำเนินชีวิตแบบใหม่ในพระองค์ (รม 6:4) และที่สุด พระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งในพระสิริรุ่งโรจน์

ผ่านทางกางเขนและการกลับคืนชีพ พระเยซูเจ้าได้ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ หากปราศจากการกลับคืนชีพของพระองค์ การส่งพระจิตเจ้าและธรรมล้ำลึกปัสกาก็ไม่สมบูรณ์ พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเพื่อทุกคนบนกางเขน แต่โลหิตและน้ำจากสีข้างของพระองค์ยังคงไหลอยู่ทุกวัน พระโลหิตของพระองค์หมายถึงการไถ่กู้ เพื่อนำทุกคนที่กำลังทนทุกข์ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวในพระองค์ น้ำหมายถึงชีวิตที่พระองค์ทรงมอบแก่เราผ่านทางพระศาสนจักรและศีลศักดิ์สิทธิ์

ในพระวรสารวันนี้พูดถึง มารีย์ชาวมักดาลาและพวกผู้หญิงรีบไปที่พระคูหาแต่เช้าตรู่เพื่อเคารพพระศพและชโลมด้วยน้ำหอม พวกเธอพบพระคูหาว่างเปล่าเพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว พวกผู้หญิงนับเป็นกลุ่มแรกที่ไปที่พระคูหา เป็นพวกแรกที่พบพระคูหาว่างเปล่า และเป็นพวกแรกที่ได้ยินว่า “พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ได้กลับคืนชีพแล้ว” อีกทั้งยังเป็นพวกแรกที่ประกาศความจริงเกี่ยวกับการกลับคืนชีพให้กับอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดได้ทราบ

พระเยซูเจ้าได้กลับคืนชีพแล้ว ทรงพระชนม์อยู่ และประทับอยู่ท่ามกลางเรา นี่คือหัวใจของการฉลองในค่ำคืนนี้ เราจะประกาศข่าวดีเรื่องการกลับคืนชีพของพระองค์อย่างไร ข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระองค์ควรแสดงออกในชีวิตของเรา ยกชีวิตของเราให้สูงขึ้นโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว ความหยิ่งทะนงตน และอคติ ในศีลล้างบาปเราได้รับในพระนามของพระเยซูเจ้า ดังนั้น เราจะต้องดำเนินชีวิตเป็นพระเยซูเจ้าอีกองค์หนึ่ง และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ละม้ายคล้ายกับพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
23 เมษายน 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น