วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

การสัมผัสรักษาด้วยรัก

การสัมผัสรักษาด้วยรัก

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา

ปี B

ลนต 13:1-2, 45-46

1 คร 10:23-11:1

มก 1:40-45

บทนำ

ซิสเตอร์รูธ เฟา (Ruth Pfau)  เป็นแพทย์หญิงชาวเยอรมันผู้อุทิศชีวิตเพื่อต่อสู้กับโรคเรื้อนในปากีสถาน เธอเกิดที่เมืองไลพ์ซิก ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1929 บ้านของเธอถูกระเบิดทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เธอได้ไปเรียนแพทย์ที่ประเทศฝรั่งเศส และต่อมาได้เข้าร่วมสมาคมธิดาแห่งดวงหทัยของพระนางมารีย์ (Society of Daughters of the Heart of Mary) ทำให้เธอเป็นที่รู้จักและเรียกขานว่า คุณแม่เทเรซาแห่งปากีสถาน

ซิสเตอร์เฟาเดินทางมาที่เมืองท่าการาจีทางตอนใต้ปี 1960 และใช้เวลาครึ่งศตวรรษดูแลผู้คนที่ป่วยและยากจนที่สุดในประเทศ เธอเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์คนโรคเรื้อนแห่งพระนางมารีย์ที่เมืองการาจี โรคเรื้อนเป็นปัญหาในปากีสถานตั้งแต่ทศวรรษ 1950 จนถึงประมาณปี 1996 ซึ่งซิสเตอร์รูธ เฟาว์มีบทบาทสำคัญในความพยายามของปากีสถานและองค์การอนามัยโลกในการควบคุมโรคนี้

โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สุดสมัยพระเยซูเจ้า สามารถติดต่อและทำลายบุคคล ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และศาสนา ซิสเตอร์รูธ เฟา ได้ทำเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าในพระวรสารในการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนในปากีสถาน ในวันที่เธอเสียชีวิต 10 สิงหาคม 2017 ขณะอายุ 87 ปี นายกรัฐมนตรีชาฮิด คาคาน อับบาซี แสดงความเสียใจโดยกล่าวว่า “เธออาจจะเกิดในเยอรมนี แต่หัวใจของเธออยู่ที่ปากีสถานเสมอ”

1.  การสัมผัสรักษาด้วยรัก

พระวรสารวันนี้ ได้ให้ภาพตรงข้ามกับสิ่งที่ชาวยิวเชื่อและปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อน “โรคเรื้อนเป็นการลงโทษของพระเจ้าไหม” หากการปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อนตามที่หนังสือเลวีนิติบรรยายเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมและส่งมา คงไม่รักษาชายโรคเรื้อนคนนั้น ในอีกด้านหนึ่ง โรคเรื้อนเป็นโรคชนิดหนึ่งเหมือนโรคอื่นทั้งหลายที่พระเยซูเจ้าสามารถรักษาให้หายได้

ชายที่เป็นโรคเรื้อนต้องการพิสูจน์ความจริงนี้ เขาได้ละเมิดกฎของโมเสสที่บอกให้อยู่ห่างจากผู้คน เขามาเฝ้าพระเยซูเจ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมสามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” (มก 1:40) พระเยซูเจ้าทรงสงสารตื้นตันพระทัย ยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขาและตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด (มก 1:41) เป็นการสัมผัสรักษาด้วยรักที่พิสูจน์ให้เห็นว่า โรคเรื้อนมิใช่การลงโทษของพระเจ้า

พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า ไม่มีโรคชนิดไหนทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ที่ต้องถูกตัดขาดไม่ให้ร่วมพิธีทางศาสนา ทรงปลอบใจคนโรคเรื้อนด้วยการสัมผัสเขา ตามกฎของโมเสส ใครที่สัมผัสคนโรคเรื้อนต้องเป็นมลทินจนถึงเย็น พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า ความรักและความเมตตากรุณาของพระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ และมีต่อมนุษย์ทุกคนโดยไม่ยกเว้น พระองค์เสด็จมาเพื่อตามหาแกะผลัดฝูง ทรงกางพระกรต้อนรับทุกคนด้วยความรักหาที่สุดมิได้

2.  บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องเห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกคน พระเยซูเจ้าทรงสอนเราและผู้ติดตามพระองค์ให้สวมกอดและเห็นคุณค่าของมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะคนต่ำต้อยด้อยค่าในสายตาของเรา คนถูกทอดทิ้ง หรือถูกสังคมรังเกียจ เช่น ผู้ติดเชื่อ HIV โรคโควิด 19 ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้าที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ เยียวยารักษา และช่วยเหลือเท่าเสมอกัน

ประการที่สอง เราต้องมีใจเมตตากรุณาและพร้อมช่วยเหลือทุกคน  พระเยซูเจ้าทรงสงสารตื้นตันพระทัย ด้วยการยื่นมือสัมผัสและรักษาคนโรคเรื้อน พระองค์ไม่ได้รักษาด้วยคำพูด แต่ด้วยการกระทำ เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างในการช่วยคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีใครถูกแบ่งแยก หรือตัดขาดจากหมู่คณะ พระองค์ทรงต้องการเราเป็นเครื่องมือในการสัมผัสรักษาด้วยความรัก และนำทุกคนให้หันมาหาพระเจ้า

 ประการที่สาม เราต้องอธิษฐานภาวนาด้วยใจสุภาพ คนโรคเรื้อนมีท่าทีสุภาพ เข้ามาเฝ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนพระเยซูเจ้า เราต้องมีท่าทีเช่นเดียวกัน เพื่อขอให้พระองค์รักษาโรคเรื้อนฝ่ายวิญญาณที่แปดเปื้อนด้วยบาปให้สะอาด เลียนแบบนักบุญเปาโลด้วยการยึดเอาพระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่าง มองทุกอย่างในแง่ดีและทำทุกอย่างเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า “เมื่อท่านจะกินจะดื่มหรือทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด” (1 คร 10:31)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนโรคเรื้อนและนำเขากลับมาสู่หมู่คณะอีกครั้ง ด้วยการยื่นมือสัมผัสและรักษาเขา เป็นการสัมผัสรักษาด้วยความรักโดยไม่รู้สึกรังเกียจ การกระทำของพระองค์ทำให้เราตระหนักว่า พระเมตตากรุณาและความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ โดยเฉพาะคนถูกทอดทิ้งและถูกตัดขาดจากสังคม เราต้องพร้อมยื่นมือสัมผัสด้วยความรัก ให้ความช่วยเหลือด้วยเต็มใจ และเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนโดยไม่แบ่งแยก

ปัจจุบันโรคที่แพร่ละบาดไม่ใช่โรคเรื้อน แต่เป็นโรคแห่งความเกลียดชังและขาดความรัก พระเยซูเจ้าประทับท่ามกลางเราและทรงประสงค์ให้เราสานต่อพันธกิจของพระองค์ ในการสัมผัสรักษาและนำทุกคนให้มาเป็นหนึ่งเดียวกัน ศิษย์พระคริสต์ได้รับการเรียกให้เจริญชีวิตความเชื่อในหมู่คณะ เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความเมตตากรุณาของพระเจ้า ต้องไม่มีใครถูกตัดขาดจากหมู่คณะ หรือถูกทอดทิ้งโดยที่เราไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลือ

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

9 กุมภาพันธ์ 2024

ที่มาภาพ : https://www.manitobacopticfestival.ca/he-talks-hall/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น