วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

คำตอบของพระเยซูเจ้า


คำตอบของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์
สัปดาห์ที่
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A
อสย 35:1-6, 10
ยก 5:7-10
มธ 11:2-11
บทนำ
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่กลุ่มเด็กชายกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ที่ลานสาธารณะของหมู่บ้าน ปรากฏชายแอฟริกัน-อเมริกัน รูปร่างสูงใหญ่ศีรษะล้านเดินออกกำลังกายผ่านมา เขาหยุดมองดูเด็กเหล่านั้นคู่หนึ่ง จากนั้นได้ขอเล่นบาสเกตบอลกับพวกเขา เมื่อเริ่มเล่นชายแปลกหน้าคนนั้นได้แสดงทักษะการเล่นอย่างมืออาชีพ ทั้งยิงสามคะแนน เล่นใต้แป้นและกระโดดยัดห่วง (Slam Dunk) หลังจากเล่นได้ประมาณสิบห้านาที เขาได้กล่าวขอบคุณและเดินจากไป
ชายแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้บอกว่า เขาชื่ออะไร บรรดาเด็กหยุดเล่นและพูดกันว่า เขาเหมือนไมเคิล จอร์แดน สุดยอดนักบาสเกตบอลอาชีพผู้โด่งดังที่พวกเขาเคยเห็นทางโทรทัศน์ แต่ผู้เล่นยอดเยี่ยมจากลีกบาสเกตบอลอาชีพ (NBA) อย่างไมเคิล จอร์แดน จะมาเดินทอดน่องในชนบทห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาต่างสงสัยว่าชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับไมเคิล จอร์แดนจริงไหม
พระวรสารวันนี้ ยอห์น บัปติสต์ เกิดความสงสัยและถามคำถามในลักษณะเดียวกัน ชายชื่อเยซูพร้อมผู้ติดตามเป็นพระผู้ช่วยให้รอด (Messiah) ที่พวกเขารอคอยหรือเปล่า หรือจะต้องรอใครอีก ยอหน์เป็นประกาศกองค์สุดท้ายในพันธสัญญาเดิม ที่เป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องจนกระทั่งถูกจับกุม ในช่วงเวลานั้นพระเยซูเจ้าได้เริ่มพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีของพระเจ้า ยอห์นอยู่ในคุกได้ยินถึงกิจการที่ทรงกระทำ เกิดความไม่แน่ใจได้ส่งศิษย์ไปถามว่า “ท่านคือผู้ที่จะมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก” (มธ 11:3)

1.       คำตอบของพระเยซูเจ้า
นักพระคัมภีร์หลายคนแปลกใจว่า ทำไมยอห์นจึงส่งศิษย์ไปถามพระเยซูเจ้า มีคำอธิบายที่เป็นไปได้สองอย่าง 1) ยอห์นทราบดีว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ แต่เนื่องจากเวลานั้นท่านถูกจองจำจึงอยากให้ศิษย์ได้ติดตามพระเยซูเจ้า เมื่อพวกเขาพบพระองค์จะได้ทราบด้วยตนเองว่า พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและกลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ 2) ยอห์นเริ่มสงสัยในคุณสมบัติของพระเยซูเจ้า เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำตรงข้ามกับสิ่งที่ยอห์นคาดคอย พระองค์ยังมิได้ประกอบพิธีล้างด้วยไฟและพระจิตเจ้าอย่างที่ท่านเคยทำนายไว้
พระเยซูเจ้าไม่ได้ตอบคำถามศิษย์ของยอห์นโดยตรง แต่ตรัสว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น” (มธ 11:4) คำเทศน์สอนและการอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่ทรงกระทำเป็นเครื่องหมายถึงอาณาจักรของพระเจ้าตามที่ประกาศกในพันธสัญญาเดิมกล่าวถึง ทรงแสดงให้เห็นถึงหนทางใหม่แห่งอาณาจักรพระเจ้า บนพื้นฐานของการสำนึกผิดและการกลับใจ ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนหูหนวกได้ยิน คนใบ้พูดได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค และคนตายฟื้นคืนชีพ ทำให้คำทำนายของบรรดาประกาศกสำเร็จไป
การอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่ทรงกระทำในวันนี้คือ การกลับใจของเราเพื่อเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า ทรงให้ตัวอย่างของยอห์น บัปติสต์แก่เรา เพื่อให้กำลังใจและกระตุ้นเตือนความหวังไว้ใจในเรา ยอห์นได้เป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้าในการเตรียมทางของพระองค์ และได้เป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องด้วยชีวิต ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงยกย่องยอห์นว่า “เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ทรงมอบความยิ่งใหญ่แบบเดียวกันกับเรา หากเราได้ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ และเป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องด้วยความกล้าหาญ

2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ในสถานการณ์แห่งความสงสัยและท้อแท้สิ้นหวัง เราต้องมองหาโอกาสที่เป็นไปได้ ด้วยการทบทวนความเชื่อของเราต่อพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และสานต่อพันธกิจของพระองค์ในการสร้างอาณาจักรพระเจ้าในโลกนี้ให้สมบูรณ์ ในความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัย และการรับใช้ซึ่งกันและกัน
ประการที่สอง เราต้องไปบอกทุกคนถึงสิ่งที่ได้ยินและได้เห็น ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัย  และการรับใช้ที่สุภาพถ่อมตนของพระเยซูเจ้า ผู้ทรงบังเกิดมาในวันพระคริสตสมภพ ให้พระองค์บังเกิดในจิตใจของเรา ทำให้เราเข้มแข็งด้วยพระพรแห่งความรักและการให้อภัย และสรรพพร้อมแบ่งปันความชื่นชมยินดีนี้กับผู้อื่น สิ่งที่พระองค์สั่งศิษย์ของยอห์น ทรงสั่งเราเช่นเดียวกัน
ประการที่สาม เราต้องเปิดใจกว้างให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา ชีวิตของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน หากเราเพียรทนและวางใจในพระเจ้า เราต้องเตรียมจิตใจเราเพื่อต้อนรับองค์พระเยซูเจ้า ด้วยการกลับใจคืนดีกับพระเจ้าผ่านทางศีลอภัยบาปและเปลี่ยนแปลงตนเองทุกวัน จากความโน้มเอียงไม่ดีต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยตลอดเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ นี้

บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าคือพระผู้ช่วยให้รอดที่บรรดาประกาศกกล่าวถึง ซึ่งเสด็จมาเพื่อสถาปนาอาณาจักรพระเจ้าในโลก และทรงมอบพันธกิจนี้แก่เราในการทำให้อาณาจักรพระเจ้าสมบูรณ์ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลกนี้ ทำให้สังคมและโลกที่เราอยู่เต็มไปด้วยความรักมากกว่าความเกลียดชัง โลกแห่งการให้อภัยมากกว่าการแก้แค้นผูกพยาบาท โลกแห่งความจริงมากกว่าการโกหกหลอกลวง และโลกแห่งความเมตตากรุณามากกว่าการแบ่งแยกแตกต่าง
คริสตชนต้องเลียนแบบยอห์นบัปติสต์ในการเป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้า และเป็นพยานถึงการเสด็จมาของพระองค์ด้วยความจริงและความถูกต้องชอบธรรม เราต้องรื้อฟื้นชีวิตแห่งการอธิษฐานภาวนาและการคืนดีกับพระเจ้า เพื่อเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นผู้สร้างและนำข่าวดีแห่งความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัยและรับใช้ให้บังเกิดขึ้นในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของตน
ขวัญ ถิ่นวัลย์, ของขวัญสุดประเสริฐ ความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิด, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 51-54.
ที่มาภาพ : https://jesuschristsavior.net/Miracles.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น